จากเหตุการณ์ นายหน่อง ลูกน้องของกำนันนก ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ภายในงานเลี้ยงของ "กำนันนก" เป็นเหตุให้ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ผู้มีอิทธิพล กับเจ้าหน้าที่รัฐ” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 12-14 กันยายน 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลกับเจ้าหน้าที่รัฐ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่าง โดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

เมื่อถามประชาชนถึงกลุ่มของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัด พบว่า

+ ร้อยละ 49.54 ระบุว่า ในเขตพื้นที่ไม่มีผู้ใด เป็นผู้มีอิทธิพล

+ ร้อยละ 26.34 ระบุว่า นักการเมืองท้องถิ่น

+ ร้อยละ 15.95 ระบุว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน

+ ร้อยละ 15.80 ระบุว่า ตำรวจ

+ ร้อยละ 13.21 ระบุว่า ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น

+ ร้อยละ 12.14 ระบุว่า พ่อค้า นักธุรกิจ นายทุนสีเทา

+ ร้อยละ 6.03 ระบุว่า พ่อค้า นักธุรกิจ นายทุนทั่วไป

+ ร้อยละ 5.95 ระบุว่า นักการเมืองระดับชาติ

+ ร้อยละ 5.04 ระบุว่า นักเลงหัวไม้ มือปืน

+ ร้อยละ 4.81 ระบุว่า ทหาร

+ ร้อยละ 2.44 ระบุว่า ประธาน กรรมการชุมชน

+ ร้อยละ 0.76 ระบุว่า สื่อมวลชน คนวงการบันเทิง

+ ร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ด้านความกล้าของประชาชนที่จะมีปัญหาหรือมีข้อขัดแย้งกับผู้มีอิทธิพล พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 60.30 ระบุว่า ไม่กล้าเลย , รองลงมา ร้อยละ 16.34 ระบุว่า ไม่ค่อยกล้า , ร้อยละ 12.75 ระบุว่า กล้าอยู่แล้ว , ร้อยละ 9.08 ระบุว่า ค่อนข้างกล้า และร้อยละ 1.53 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ด้านความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการปกป้องคุ้มครองและให้ความยุติธรรมของตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อประชาชนมีปัญหา หรือมีข้อขัดแย้งกับผู้มีอิทธิพล พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 38.93 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย , รองลงมา ร้อยละ 37.10 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ , ร้อยละ 13.51 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ , ร้อยละ 9.92 ระบุว่า มั่นใจมาก และร้อยละ 0.54 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ


ส่วน พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ที่ปรึกษารองประธานสภาคนที่1 พรรคก้าวไกล กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีใหญ่ ถ้าจะทำก็ต้องทำให้โปร่งใสที่สุด ตรงไปตรงมา ตอนนี้ตัว CCTV ก็ออกมาแล้ว และทำให้เห็นความจริง และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ก็อยู่ที่ตำรวจจะใช้อย่างไร

ส่วนเรื่องที่บิ๊กโจ๊ก แถลงมาเรื่องกล้องวงจรปิดที่หายไป 2 ตัว ตนทราบมาว่าเป็นเพราะกำนันนกได้สั่งปิดไป แต่จริงๆแล้วเราสามารถไปกู้จากระบบในเมนกลางได้ ต่อให้จะลบอย่างไร มันก็จะมีอยู่ในระบบอัลกอริทึมของบริษัทเจ้าของกล้องได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความสามารถติดตามได้ ก็จะเจอแน่นอน

แต่ต่อให้ไม่มีกล้องวงจรปิด 2 ตัวนี้ แต่ตนเชื่อว่าหลักฐานส่วนอื่นก็เพียงพอที่จะเอาผิดกำนันนกแน่นอน เพราะมันก็จะมีในส่วนของกล้องตัวอื่น ข้อมูลก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ผสมกับพยานบุคคล

จุดอ่อนของคดีนี้เลย คือการตัดตอน เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนควรที่จะความจริงทั้งหมดใส่สำนวนและฟ้อง ไม่ใช่นำแค่บางตอนไปฟ้อง ควรจะเอาทั้งหมดตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ และย้อนไปถึงผลประโยชน์ที่ตกทอดหลังเกิดแล้ว แล้วจะได้องค์รวมของเหตุ

ด้านพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ วิเคราะห์คดีนี้ว่า ตำรวจจะช่วยตำรวจหรือไม่ โดยส่วนตัวเชื่อว่า "ปกติตำรวจจะไม่มีการช่วยเหลือตำรวจที่ทำผิดกฎหมาย ยกเว้นแต่จะมีบิ๊กการเมืองขอมา คดีนี้เป็นข่าวครึกโครม คนก้สนใจมาก การที่ตำรวจจะมาช่วยกันเอง มั่นใจว่าคงจะไม่มี

ต่อให้ไม่มีเซิร์ฟเวอร์วงจรปิด ก็ไม่ทำให้รูปคดีเสียหาย สามารถเอาผิดกำนันนกได้อยู่ดี เพราะสามารถสืบหาจากหลักฐาน บุคคล เอกสาร พยานวัตถุ และพยานแวดล้อมต่างๆได้

คิดว่าคงไม่มีพิรุธใดๆ กรณีวงจรปิด 2 มุมหายไป เพราะถ้าเกิดพบหลักฐานแล้วมีการปกปิด ยังไงก็มีข่าวหลุดออกมาอยู่ดี

จุดอ่อนของคดี น่าจะเป็นเรื่องของบรรดาข้าราชการตำรวจที่ละเลย การปฏิบัติหน้าที่ตอนเกิดเหตุ และอาจเป็นการทำลายหลักฐานต่างๆ ทั้งที่อาจจะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม"

ชำแหละคดีกำนันนก ช่วยให้รอดยาก เว้นสายตรงบิ๊กการเมือง หวั่นสำนวนรั่วจากคนใน