จากเหตุการณ์ นายหน่อง ลูกน้องของกำนันนก ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ภายในงานเลี้ยงของ "กำนันนก" เป็นเหตุให้ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา
ล่าสุดประมาณเวลา 10.30 น. พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4 ได้มีการนำตำรวจจากกองปราบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานภาค 7 ซึ่งอยู่ในการควบคุมของตำรวจกองปราบเข้าไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติมในที่เกิดเหตุ
โดยการเข้าไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติมในวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและตำรวจกองปราบ ได้เชิญตัวช่างที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการติดกล้องวงจรปิด ปีนบันไดขึ้นไปตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุว่าทำไมกล้องตัวดังกล่าวถึงถูกปิดในวันเกิดเหตุ ซึ่งภาพที่ทีมข่าวซูมเข้าไปจะเห็นว่า เมื่อช่างติดกล้องนั่งอยู่ตรงบันไดเหล็ก จะมีการนำโน้ตบุ๊กขึ้นไปต่อสายจากตัวกล้อง เมื่อได้ภาพก็จะมีการเปิดภาพหรือหลักฐานที่พบถึงปัญหากล้องวงจรปิดตัวดังกล่าวในเบื้องต้นให้กับตำรวจกองปราบและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานถ่ายภาพเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานอีกชุด ตามข้อมูลจะมีการแบ่งไปเก็บหลักฐาน DNA ร่องรอยที่เป็นลายนิ้วมือบนสายแลนที่เสียบกล้องวงจรปิดไปถึงจุดที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดว่ามีร่องรอยลายนิ้วมือของใครจับและมีความเกี่ยวข้องกับการทำลายหลักฐานในวันเกิดเหตุบ้าง
ซึ่งการเข้าไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติมในวันนี้ นอกจากจะมีตำรวจชุดคลี่คลายคดีของบิ๊กโจ๊กและตำรวจกองปราบ ยังมีบุคคลที่ตำรวจต้องเชิญตัวเข้ามาเป็นพยานในการเข้าไปเก็บหลักฐาน ก็คือ ญาติของกำนันนก ซึ่งตามภาพที่ทีมข่าวซูมภาพเข้าไป จะเห็นว่าญาติของกำนันนก มีการเดินดูบริเวณจุดที่ตำรวจเข้าเก็บหลักฐานตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ ซึ่งการเข้าไปเก็บหลักฐานในวันนี้ทางตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ใช้เวลาเข้าไปยังจุดเกิดเหตุประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งในระหว่างการลงพื้นที่ของตำรวจในวันนี้ ทีมข่าวก็ยังสังเกตเห็นว่า ในสำนักงานซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ วันนี้คนงานของกำนันนก มีการกลับเข้ามาทำงานภายในสำนักงานของกำนันนกแล้ว
ทีมข่าวได้มีการสอบถามกับนางลำไย (นามสมมติ) ซึ่งเป็นญาติของกำนันนก ที่เข้ามาดูตำรวจเก็บหลักฐานว่าตำรวจเข้ามาทำอะไรบ้างในวันนี้ ซึ่งนางลำไย ตอบกับทีมข่าวสั้นๆว่า นักข่าวมีอะไรไปถามกับตำรวจเลยนะ วันนี้ป้ามารอทำความสะอาดบ้านให้เขาเฉยๆ ป้าไม่ได้มาเป็นพยานอะไรเลย วันนี้ก่อนที่ตำรวจจะเข้ามาไม่ได้แจ้งกับคนในครอบครัว ตอนนี้ป้ายุ่งมาก ขอตัวกลับก่อนนะ
ขณะเดียวกันพล.ต.ท.จิรภพ ได้แถลงข่าวถึงประเด็นนี้ด้วย ว่าใครจะเป็นคนลบกล้องวงจรปิดหรือไม่ เชื่อว่าน่าจะเป็นคนนอก เพราะกำนันน่าจะแค่สั่งถอดเซิร์ฟเวอร์แล้วเอาไปทิ้งน้ำ เบื้องต้นตั้งสมมติฐานไว้ 2 ประเด็น เจ้าของบ้านอาจจะหยุดกล้องตัวนี้หรือไม่ เพราะเป็นบริเวณจัดงานเลี้ยง หรือ ลบทำลายหลังเกิดเหตุหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ขณะเดียวกันนีั ทีมข่าวช่อง8 ได้เดินทางไปเจอกับ ด.ต.ชุติเทพ คชพงษ์ หรือดาบต้น ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนของพลขับของสารวัตรแบงค์(ศิว) เปิดใจว่า เหตุการณ์ในวันที่ 6 ก.ย. ตนเองได้รับแจ้งจากคนขับรถของสารวัตร โทรมาบอกว่า “นายถูกยิง” ตนเองจึงได้รีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม โดยในวันเกิดเหตุไม่ได้ไปร่วมงานด้วย
หลังจากที่ตนเองเดินทางถึงโรงพยาบาล ก็เห็นว่าทางห้องฉุกเฉิน ได้มีการรับตัวของสารวัตรเข้าไปภายในแล้ว และจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีการปั๊มหัวใจเกิดขึ้น ซึ่งระหว่างนั้นตนเองได้เจอกับผู้กำกับเบิ้ม ในฐานะผู้บังคับบัญชา และเจอกับผู้กำกับพญาไท หลังจากที่นำตัวคนเจ็บและสารวัตรส่งโรงพยาบาลแล้ว ทั้งคู่ได้มีการสั่งการให้ลูกน้องไปบล็อกพื้นที่ บ้านที่เกิดเหตุ โดยตนเองหลังจากได้รับคำสั่งก็ได้ขับรถสายตรวจมุ่งหน้าไปที่บ้านของกำนัน ทราบว่าตอนนั้นรับคำสั่งเวลาประมาณ 21.40น. ตนเองไปถึงหน้างานเวลาประมาณ 22.00 น. ซึ่งใช้เวลาประมาณไม่ถึง 30 นาทีไปถึงที่เกิดเหตุ
เมื่อไปถึงเจอกับตำรวจท้องที่ 4นาย แต่ภายในบ้านที่เกิดเหตุมีการปิดไฟมืด และเห็นเพียงคนงานกำลังเก็บโต๊ะจีน โดยตนเองได้ไปสั่งห้ามไม่ให้มีการเก็บหรือทำลายหลักฐาน แต่ระหว่างนั้นก็พบว่ามีน้ำนองบนพื้น คาดว่ามีการล้างทำลายหลักฐานไปหมดแล้วโดยเฉพาะคราบเลือด แล้วตัวเองได้ไปพูดคุยรปภ. ที่ยืนอยู่ตรงป้อม เจ้าตัวให้การอ้างแต่ว่าไม่รู้เรื่องไม่เห็น ผมนั่งอยู่ข้างนอกไม่ได้อยู่ในงาน จนกระทั่งตนเองมารู้ภายหลังว่ารปภ.คนดังกล่าว คือคนที่พกปืนอยู่ในงาน และรู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ส่วนโต๊ะจีนที่กำลังเก็บ ทราบว่าเป็นคนงานพม่าพูดจาสื่อสารไม่รู้เรื่อง จึงไม่ได้คุยอะไรมากสั่งแต่ห้ามไม่ให้ยุ่งกับหลักฐาน
นอกจากนี้ ดาบต้น บอกอีกว่า ได้สังเกตเห็นกล้องวงจรปิดยังมีไฟติดอยู่ จึงใช้มือถือบันทึกภาพนี้เอาไว้ แสดงว่ามีไฟอยู่ จึงตั้งข้อสังเกตว่ากล้องวงจรปิดที่มีการถอดเซิร์ฟเวอร์ออกไป ยังใช้งานได้อยู่หรือไม่
ทีมข่าวช่อง8 สอบถามร้านเชี่ยวชาญกล้องวงจรปิด พร้อมนำภาพไปให้ดู โดยทางร้านระบุว่า มองได้ 2 อย่าง กล้องที่มีการติดตั้งได้ 2 ระบบ รับส่งสัญญาณภาพไปที่เซิร์ฟเวอร์
แสงไฟที่ทำงานอยู่ ต้องไปดูว่าไวไฟอยู่ เมื่อสายแลนถูกดึงออก ตัวกล้องอาจจะดับ แต่ที่กล้องไฟยังเลี้ยงอยู่