สืบเนื่องจากวันที่ 10 ก.ย. 2556 “กัน จอมพลัง” ได้บุกไปช่วยเด็กอายุ 12 และ 4 ขวบ ถูกพ่อทำร้าย เอาไฟแช็กลนทั้งตัวได้สำเร็จ แต่พ่อหลบหนี ตำรวจจึงตามตัวพ่อจนเจอ ล่าสุดผู้เป็นพ่อได้ให้การรับสารภาพเพิ่มเติมว่าได้สังหารลูกสาววัย 2 ขวบ อีกคนแล้วโบกปูนฝังไว้ที่บ้าน จ.กำแพงเพชร
ต่อมาเมื่อวันที่เวลา 15.00 น. วันที่ 19 กันยายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปางมะค่า อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและอาสาสมัครกู้ภัยเตรียมเข้าตรวจสอบและจุดฝังร่างน้องโมเดล เด็กหญิงวัย 2 ขวบ ภายในบ้านพักหลังหนึ่ง พื้นที่หมู่ที่ 15 บ้านคลองใหม่พัฒนา ต.บ่อถ้ำ อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร หลังจาก นายเอ็ม ผู้เป็นพ่อให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุฆ่าลูกสาวของตนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ก่อนจะนำศพมาฝังยังจังหวัดกำแพงเพชร ในช่วงวันที่ 9-10-11 สิงหาคม 2566
กระทั่งเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายเอ็ม ผู้เป็นพ่อและจะเดินทางมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และชี้จุดที่เจ้าตัวลงมือฝังโบกปูนลูกสาว เมื่อเสร็จแล้วจึงได้คุมตัวกลับ สภ.ปางมะค่า เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาในช่วงเวลา 17.00 น. วันที่ 19 ก.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวพ่อและแม่เข้ามาชี้จุดเกิดเหตุที่ฝังลูก 2 ขวบ โดยได้โบกปูนฝังไว้ที่บริเวณครัวหลังบ้าน พบว่าหนาประมาณ 5 เซนติเมตร ต้องใช้ค้อนทุบปูน และขุดลงไปประมาณ 60 ถึง 70 เซนติเมตร มีการเอาดินปนขยะมาทับและมีทรายทับไว้ จากนั้นเจอสภาพศพคืออยู่ในถุงดำ 3 ชั้น ลักษณะนั่งหลังพิง สภาพศพเน่าเปื่อยเริ่มหลุด ดูจากสภาพศพคาดว่าตายมาแล้ว 4 เดือน
โดยระหว่างตำรวจกำลังทำการหาหลักฐานอยู่พบว่ามีชาวบ้านมารอดูกันหลายร้อยคน และต่างส่งเสียงสาปแช่งพ่อและแม่เด็กระหว่างนำตัวเข้า-ออกจากพื้นที่ตลอดเวลา
ด้านพล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 กล่าว่า หลังจากทราบการประสานเกี่ยวกับอาชญากรรมเกี่ยวกับเด็ก จากโรงพยาบาลรามา กรุงเทพ และนักสังคมสังเคราะห์ เมื่อวาน ซึ่งจากที่ กัน จอมพลัง ได้ไปช่วยเด็กเมื่อวันที่ 10 ก.ย.66 ว่าพ่อทำร้ายลูกได้รับบาดเจ็บ และมีเด็กอีกคนที่หายตัวไป และได้ขอป้ายทะเบียนรถยนต์คนก่อเหตุ จนสามารถสกัดจับได้แล้ว ได้เอาตัวมาสอบปากคำ ซึ่งก็พบว่าเป็นพ่อแม่เด็กในช่วงแรกทั้งคู่ไม่ยอมบอกข้อมูล แต่ช่วงหลังจากนั้นบอกว่าเอาลูกสาววัย 2 ขวบไปฝากไว้กับปู่ จึงมีการนำปู่มาสอบปากคำ และทราบว่าทั้งคู่ให้การไม่ตรงและ นายเอ็ม ยอมสารภาพกับพ่อของตัวเอง
ซึ่งก็คือปู่ของเด็กว่าได้ฆ่าเด็กและเอามาฝังไว้ที่บ้านในจังหวัดกำแพงเพชร โดยระหว่างการทำแผนชี้จุด และขุดเอาศพออกมา พบว่าทั้งคู่อยู่ในอาการร้องไห้ และจากการตรวจสภาพจิตใจและอาการจิตเวชไม่พบว่ามีประวัติ จึงจะต้องตรวจสอบต่อว่ากรณีลูกที่ถูกทำร้ายก่อนหน้านี้ที่ถูกทำร้ายเพื่อนำไปทำอะไร และมีกรณีอื่นๆก่อนหน้านี้อีกหรือไม่จะตรวจสอบอีกที ซึ่งเบื้องต้นมีเพียง 2 สามีภรรยาที่ร่วมกันก่อเหตุ และจะสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง
ขณะที่นายสายยันต์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.15 บ้านคลองใหม่พัฒนา ญาติของเมียผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ตนเองในฐานะญาติของฝ่ายหญิง เพิ่งจะทราบจากตำรวจว่า นายเอ็มได้ฆ่าลูกสาววัย 2 ขวบ ชื่อน้องโมเดล เลยมาดูที่เกิดเหตุ และเตรียมรอเจ้าหน้าที่นำตัวมาชี้จุดโบกปูนฝังศพ ที่ผ่านมา ตนไม่รู้ว่าครอบครัวนี้มีความรุนแรงอย่างไร ซึ่งทั้งหมดนานๆ จะกลับมาบ้านที 2-3 เดือนครั้ง มาทีหนึ่งก็เปิดเพลงเสียงดัง ซึ่งก็ไม่ค่อยมีใครสนใจ โดยทราบว่านายเอ็ม ได้ฆ่าลูกจากที่อื่นมาอำพรางที่นี่ ส่วนนายเอ็มเป็นคนจังหวัดอื่น โดยทราบว่าทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยเพราะเห็นรอยช้ำที่หน้าของเมียนายเอ็ม
ด้านนายสังวร อายุ 60 ปี ลุงที่รับเลี้ยงลูกคนเล็ก อายุ 6 เดือนของผู้ก่อเหตุ บอกว่า หลังคลอดลูกชายคนเล็ก น้องโจโจ้ ได้ 2 วัน นายเอ็มและภรรยาก็ได้ทิ้งลูกไว้ให้ตนเองเลี้ยง ไม่สนใจอะไรเลย ติดต่อมาบ้างแต่ไม่ได้ส่งเสียใดๆ ตอนนี้เลี้ยงได้ 6 เดือนแล้ว ส่วนสาเหตุหรือแรงจูงใจที่ทำร้ายลูกจนเสียชีวิตและนำมาฝังนั้น ตนไม่ทราบ ซึ่งลูกๆ ของนายเอ็มและภรรยา ตนเองก็ได้เลี้ยงจนโต เดินได้ คุยได้สักพัก ก็มารับไปอยู่ด้วย ซึ่งช่วงหลังเมียนายเอ็มที่เป็นหลานได้โทรมาร้องไห้กับภรรยาตนว่าทะเลาะกันบ่อยครั้ง พอรู้ข่าวก็ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่คิดว่าจะโหดร้ายขนาดนีั
ทีมข่าวช่อง8 ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ ที่บ้านของนายเอ็ม ไปดูจุดที่น้องโมเดลถูกฝังโบกปูน พบว่า จุดดังกล่าว เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้ามาเก็บหลักฐานและขุดศพของน้องโมเดลนำไปตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว
จากการสำรวจของทีมข่าวพบว่าจุดที่นายเอ็มได้ฝังน้องโมเดลอยู่บริเวณหลังบ้านของตัวเอง ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวอยู่ท้ายหมู่บ้านหลังสุดท้าย และช่วงเวลาค่ำเงียบสงัด ส่วนจุดที่ฝังเด็กอยู่บริเวณด้านหลังบ้านบริเวณใกล้กับห้องครัว ซึ่งมีสังกะสีล้อมรอบ คนภายนอกมองเข้ามาไม่เห็น
และจากการสังเกตของทีมข่าวพบว่า หลุมดังกล่าวลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร โดยยังมีเศษแผ่นปูนแตกกระจายอยู่รอบๆหลุม
นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้เดินสำรวจรอบบ้านของนายเอ็ม ยังพบร่องรอยที่คาดว่า นายเอ็ม ได้พ่นสีสเปย์วาดเป็นรูปหัวกะโหลกเด็กสีแดง บริเวณกะโหลกเด็ก นายเอ็มวาดดวงตาข้างขวาคล้ายเด็กกำลังน้ำตาไหล และนอกจากสีสเปย์สีแดง ยังมีคราบสีแดง คล้ายกับเลือด ถูกละเลงบนกำแพงไปทั่ว
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุย นายสุรศักดิ์ เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กัน ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ช่วงวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา มาช่วงเช้า ได้มีรถเก๋งขับเข้ามา โดยนายเอ็มและนางสาวจุ๋ม 2 ผัวเมีย ขับรถกลับมาที่บ้าน ซึ่งปกติตนเองแทบไม่เคยเห็นว่า ทั้งสองคนจะกลับมา
จากนั้นทั้งสองก็ได้นั่งดื่มเหล้ากินเบียร์เปิดเพลงเสียงดังตลอดทั้งวัน จนกระทั่งเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ตนเองเห็นว่าสองผัวเมียได้ยกกระสอบปูนซีเมนต์จำนวน 2 กระสอบเข้ามาที่บ้าน และผสมปูนอยู่หน้าบ้าน พร้อมกับเปิดเพลงเสียงดัง ตอนนั้นตนเองรวมถึงยายของนางสาวจุ๋ม ซึ่งอยู่บ้านใกล้ๆ ยังได้เข้าไปถามว่า ทำอะไรกันดึกๆ โดยทั้งสองบอกตนเองและยายของนางสาวจุ๋มว่า “กำลังจะผสมปูนสร้างห้องน้ำใหม่” ตอนนั้นตนเองก็คิดแปลกใจว่าทำไมจะโบกปูนสร้างห้องน้ำไม่ทำเวลากลางวันช่วงแดดแรงๆ แต่กลับทำตอนกลางคืน และเปิดเพลงเสียงดังมาก
ตอนนั้นตนเองก็ไม่ได้สนใจอะไร จากนั้นไม่นานสองผัวเมียก็ผสมปูนโบกปูนภายในห้องน้ำจนเสร็จใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะเห็นทั้งคู่ขึ้นรถเก๋งขับออกจากบ้านไปทันที จากนั้นก็ไม่เห็นสองผัวเมียคู่นี้กลับมาที่บ้านอีกเลย กระทั่งมาทราบข่าววันนี้
ส่วนที่ผ่านมาตนเองเคยเห็นนายเอ็มมักจะมีพฤติกรรมชอบทำร้ายร่างกายนางสาวจุ๋มแฟนสาวบ่อยครั้ง และได้ยินเสียงทะเลาะกันบ่อยก่อนหน้าทั้งคู่จะย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพ และยังเคยได้ยินว่านายเอ็มยังเคยมัดมือนางสาวจุ๋มและสอนทำร้ายจนสะบักสะบอม แต่ไม่เคยเห็นทำร้ายลูกๆ
วันนี้ตกใจมากที่ทั้งสองคนร่วมมือกันฆ่าลูกสาวและนำมาโบกปูนทิ้งไว้ ไม่คิดว่าจะโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้
ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้เดินทางไปพบกับ นางลำดวล อายุ 74 ปี แม่ของนางสาวจุ๋มผู้ต้องหา เปิดใจกับทีมข่าวว่า วันที่นางสาวจุ๋มและนายเอ็มเดินทางกลับมาที่บ้านเพื่อนำเด็กมาฝังโบกตนเองไม่ทราบเรื่องเลย มารู้อีกทีช่วงเย็นถึงค่ำแล้วที่นางสาวจุ๋มลูกสาวได้ขับรถมาจอดหน้าบ้าน และเดินลงจากรถมาหยิบกับข้าวกับปลาที่ตนเองทำไว้ออกไป โดยสีหน้าของทั้งนายเอ็มและลูกสาวเรียบเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วันนี้พอมาทราบข่าวว่าลูกสาวได้ร่วมกับสามีฆ่าโบกปูนหลานสาวนั่นคือน้องโมเดลตนเองเสียใจมากไม่คิดว่าจิตใจของลูกสาวจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ และตนเองผิดหวังกับสิ่งที่ลูกสาวทำเป็นอย่างมาก
เธอเล่าต่อว่า เมื่อวานนี้ก่อนที่ลูกสาวจะถูกนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพได้โทรศัพท์มาร้องไห้กับตนเองและบอกว่า "หนูขอโทษ หนูคงทำกรรมกับแม่ไว้เยอะ วันนี้หนูคงได้ชดใช้มันแล้ว" ซึ่งตอนนั้นตนเองยังไม่รู้ว่าลูกสาวลงมือฆ่าหลานสาวไปแล้ว
เมื่อย้อนคำให้การ น.ส.จุ๋ม แม่ของเด็กหญิงทั้งสอง เดินทางมาให้ปากคำโดยอ้างว่า ตนมีอาชีพรับจ้างทำก๋วยเตี๋ยว ส่วนสามีรับจ้างส่งของ ที่ผ่านมาตนไม่ได้ทำร้ายลูกทั้งสองแต่อย่างใด มีแต่ตีสั่งสอนลูกเท่านั้น รอยบาดแผลที่เกิดขึ้นล้วนมาจากเด็ก ๆ ทำร้ายตัวเอง โดยเฉพาะ ด.ญ.เอ ที่มีอาการทางออทิสติก ชอบจุดเทียนหยดใส่ร่างกายตัวเอง จนต้องคอยเก็บไฟแช็กและเทียนให้ออกห่าง และต้องคอยดุด่าว่ากล่าวไม่ให้ออกไปวิ่งเล่นรบกวนชาวบ้าน ยืนยันว่าทั้งตนและสามีไม่ได้ทำร้ายลูกตามที่ถูกกล่าวหา และไม่เคยคิดหลบหนีเพราะตนและสามีต่างต้องออกไปทำงาน
ก่อนที่ในเวลาต่อมา ยอมรับสารภาพร่วมสามีทำร้ายลูกวัย 2 ขวบเสียชีวิต หลังถูกตำรวจเค้นสอบหนัก
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายแชมป์ หรือ อาทิตย์ คนช่วยเหลือเด็ก ในวันเกิดเหตุ ได้เล่าให้ฟังว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ตนทราบมาจากน้องที่อยู่ข้างห้อง คนน้องที่ได้ทารุณ ก็เห็นสภาพน้องแล้ว ก็จะขึ้นไปช่วย แต่ด้วยตัวเองนั้น ไม่ได้อาศัยอยู่ใน อพาร์ทเม้นท์ ทำให้ตนที่รู้จักกับแม่บ้านตึกให้ช่วยขึ้นไปดูและก็น้ำตัวออกมา ตนนั้นไม่เคยได้พูดคุยกับเด็ก เห็นบ้าง แต่ไม่เคยพูดคุยกันเลย แม้กระทั่งตัวแม่เด็ก ก็จะเห็นแค่ไปทำงาน ร้านก๋วยเตี๋ยว และก็กลับมา สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตนก็ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้ ตนก็เคยเห็นแม่เด็กมีแผล แต่อ้างว่า รถล้ม ซึ่งมันไม่ใช่รอยแผลรถล้มแน่นอน ส่วนตัวสามี ก็เห็นแค่มาจอดรถ และก็ขึ้นห้อง ทักอย่างมากก็ถามว่ากินข้าวยังอะไรแค่นั้น เรื่องที่เกิดขึ้นก็ตกใจเหมือนกัน และก็ขอให้เป็นเรื่องของทางกฎหมาย
พร้อมทั้งได้พูดคุยกับ คุณนัด เพื่อนข้างห้อง ได้เล่าว่า ในวันเกิดเหตุนั้นเด็กอายุ 12 ปี วิ่งมาเคาะประตู ซึ่งตนเองกลับมาเวลา 13.00 น. กำลังจะล้มตัวนอน พอเปิดมา น้องก็มาขอให้ช่วยเหลือ บอกว่าช่วยหนูด้วย หนูโดนพ่อทำร้าย เชื่อหนูเถอะ ขอร้อง ถ้าพ่อกลับมาเอาหนูตายแน่เลย ซึ่งตอนแรกที่ได้ยินก็ไม่ค่อยเชื่อ เพราะแม่เขามักบอกว่า ลูกเขาสติไม่ดี เป็นออทิสติก และตนก็สนิทกับพ่อเขา และพ่อเขาแต่งตัวดีมาก และหน้าตาดีมาก ถ้าเห็นก็คงไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะทำได้
แต่พอตนได้พูดคุยกับน้อง ก็มีความเอ๊ะ และไม่ได้เหมือนไม่ปกติอย่างที่แม่เขาบอก เพราะถามอะไรก็ตอบได้หมด ส่วนใหญ่ก็จะเห็นน้องวิ่งเล่นไปมา บางทีก็เสียงดัง จนก็ต้องไปบอกคนดูแลจัดการเหมือนกัน แต่ก็ไม่คิดว่า น้องจะเจอเรื่องแบบนี้ ซึ่งต้องบอกว่า ตนอยู่ที่นี้มาก่อน แม่กับลูกสาวคนโต อยู่ประมาณ 2 ปี ตัวผู้ชายเหมือนพึ่งมาคบกัน แต่ไม่เคยเห็น น้อง 4 ขวบที่อยู่ในห้อง ทุกคนรู้ในวันที่มีการช่วยเหลือ
พอน้องบอก ตนก็ไม่เชื่อ แต่น้องก็ขอให้ช่วย จนตัดสินใจพาไปหา พี่ๆชาวบ้าน และแม่บ้าน ให้มีช่วยดู และมีการติดต่อพี่กัน จอมพลังเข้ามาดูแล ตอนที่แม่เขากลับมาก็ร้องไห้ บอกไม่เอาลูกเขาไปได้ไหม ลูกเขาทำร้ายตัวเอง สามีไม่ได้ทำ เขารักลูกมาก แต่พอตนและชาวบ้านได้เห็นบาดแผล ไม่น่าจะเป็นตัวเด็กทำได้ แม่เขาบอกลูกชอบเล่นไฟแช็ก ซึ่งตนมองแล้วก็ไม่ใช่
สำหรับลูกคนเล็ก ก็ไม่เคย และไม่เคยทราบ เสียงร้องไม่เคยได้ยินเลย ก็ถามน้องเหมือนกัน ว่าทำไมไม่เคยร้องออกมาเลย น้องก็บอกว่า ถ้าร้องก็จะโดนหนักกว่าเดิม และคนเล็กก็โดน แต่ถ้าร้องก็จะเอามือปิดปากเด็กไว้ และที่ทราบมา คือน้องคนเล็ก เป็นตาบอดสี