จากกรณีเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 18 ก.ย. 66 ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราชได้รับแจ้งว่ามีเหตุยิงผู้หญิงได้รับบาดเจ็บสาหัสที่บริเวณขนำนากุ้งและเสียชีวิตบริเวณศาลาเอนกประสงค์บริเวณท่าเรือปากน้ำ

ที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิตชื่อนางเพชรรัตน์ หรือ มัด สภาพศพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองสั้นเข้าบริเวณกกหูขวาจำนวน 4 รู กระสุนทะลุท้ายทอย2รู นอนเสียชีวิตในชุดนุ่งกางเกงวอร์มสีดำ สวมเสื้อยืดสีม่วงดำ เลือดไหลนองเต็มพื้น

วันนี้ 19 กันยายน 2566 ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ จุดแรกเป็นศาลาอเนกประสงค์ที่ สามีของผู้เสียชีวิตขับเรือพาร่างของผู้เสียชีวิตมาวางไว้

จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุจุดที่สอง (จุดยิง) ซึ่งต้องนั่งเรือเข้าไปประมาณ 3-4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง พบว่าเป็นขนำติดกับคลองบางปิด จุดที่ผู้เสียชีวิตถูกยิงจะอยู่บริเวณท่าเรือหน้าขนำ ซึ่งอยู่ติดกับคลอง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและ พฐ ได้ลงพื้นที่ จุดเกิดเหตุมาพร้อมกับทีมข่าว และจากการสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่คาดว่า คนร้ายซุ่มยิงผู้เสียชีวิตจากฝั่งตรงข้ามคลอง และอีกประเด็น คนร้ายอาจซุ่มยิงจากฝั่งคลองเดียวกัน แต่อาจซุ่มยิงจากหลังขนำผู้เสียชีวิต

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายเอกรัตน์ สามีผู้เสียชีวิตเล่าว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ก่อนเกิดเหตุภรรยาตัวเองนั่งปลดปลาออกจากตาข่าย อยู่ที่ท่าเรือจุดเกิดเหตุ ห่างจากขนำประมาณ 10 เมตร ส่วนตัวเองนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ในขนำ และมีลูกสาวอีกสองคน นั่งอยู่ในขนำกับตัวเอง จากนั้นตัวเองก็ได้ยินเสียงคล้ายปืน 1 นัด จึงถามภรรยาแต่เขาไม่ตอบ ตัวเองจึงวิ่งออกไปดูภรรยา ก็เห็นภรรยานอนหงาย ส่วน ลำตัวอยู่ที่ท่าน้ำ ส่วนหัวห้อยลงมาที่พื้น ตัวเองจึงอุ้มร่างภรรยามาที่หน้าขนำ ก็พบว่าภรรยานอนนิ่ง หายใจเฮือก ไม่มีสติ ตัวเองจึงเอาร่างภรรยาขึ้นเรือ พร้อมกับพาลูกสาวทั้ง 2 ขึ้นเรือมาด้วย แล้วตัวเองก็ขับเรือมาศาลาเอนกประสงค์ อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3-4 กิโลเมตร เพื่อจะพาร่างภรรยาไปหาหมอ แต่ภรรยาก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตที่ลานอเนกประสงค์ดังกล่าว

นายเอกรัตน์ ให้สัมภาษณ์ต่อว่า ตัวเองนึกไม่ออกเลยว่า ใครมายิงภรรยาตัวเอง เนื่องจากที่ผ่านมาภรรยาตัวเองไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อน ส่วนตัวเองก็ไม่เคยมีปัญหากับใครเช่นเดียวกัน ส่วนคนร้ายจะยิงผิดตัว กะจะยิงตัวเอง แต่ไปยิงโดนภรรยาหรือไม่นั้น ตัวเองก็ไม่รู้ เพราะ ตัวเองก็ไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อนเช่นเดียวกัน

หลังให้สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้นายเอกรัตน์ สามีของผู้เสียชีวิต จำลองเหตุการณ์ ว่าตอนเกิดเหตุ เจ้าตัวนั่งอยู่ตรงไหน ทำอะไรอยู่ ซึ่งสามีของผู้เสียชีวิตก็ได้จำลองเหตุการณ์ตอนที่เค้านั่งในขนำ จากนั้นก๋จำลองเหตุการณ์ตอนไปเจอร่างภรรยาถูกยิง แล้วสามีผู้ตายก็จำลองอุ้มร่างภรรยามาวางที่หน้าขนำ ก่อนจะจำลองอุ้มไปขึ้นเรือ

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาสามีของผู้เสียชีวิตไปที่ห้องน้ำด้านหลังบ้าน ก่อนจะให้สามีของผู้เสียชีวิตถอดเสื้อ เพื่อตรวจเช็คดูบาดแผลตามร่างกาย แต่ก็ไม่มีร่องรอยบาดแผลแต่อย่างใด

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการจำลองวิถีกระสุน และวัดระยะวิถีกระสุน 2 ทิศทาง คือทิศทางการยิงจากฝั่งตรงข้ามขนำของผู้ตาย และทิศทางการยิง จากฝั่งด้านหลังขนำของผู้เสียชีวิต

 

ตำรวจเจอรอยเท้าต้องสงสัยอยู่ด้านหลังบ้านผู้ตาย ซึ่งเป็นเส้นทางที่จะเดินไปบ้านเพื่อนบ้าน

สำหรับขนำที่เกิดเหตุ มีบ้านหลังที่อยู่ใกล้ที่สุด คือบ้านของนายเลิศ ซึ่งอยู่ด้านหลังขนำของผู้เสียชีวิตประมาณ 400 เมตร ในช่วงบ่ายวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินสำรวจบริเวณด้านหลังบ้านของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นทิศทางที่จะไปของนายเลิศ (เพื่อนบ้าน) เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไปเจอรอยเท้าต้องสงสัย อยู่ห่างจากบ้านผู้ตาย 190 เมตร และอยู่ก่อนจะถึงบ้านนายเลิศ 210 เมตร จากนั้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้มาเก็บหลักฐานรอยเท้าดังกล่าว เพื่อไปพิสูจน์ว่ารอยเท้าดังกล่าวเป็นของใคร

ต่อมาทีมข่าวเดินทางมาที่ขนำของนายเลิศ อยู่ห่างจากขนำของผู้ตายประมาณ 400 เมตร ทีมข่าวได้สอบถามนายเลิศ อายุ 70 ปี ซึ่งถูกเชิญตัวไปสอบปากคำและเก็บลายพิมพ์นิ้วมือตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

นายเลิศ บอกกับทีมข่าวว่าที่ผ่านมา ผู้ตายและภรรยามาเฝ้านากุ้งอยู่ที่ขนำจุดเกิดเหตุมากกว่า 2 ปีแล้วแต่ไม่เคยคุยหรือว่าสนิทกัน และ ตัวเองไม่เคยมีเรื่องกับสามีคนตายมาก่อน ซึ่งนายเอกรัตน์สามีคนตาย เป็นคนนิสัยขี้ขโมย ยอมรับว่าเคยมาขโมยของที่นากุ้งของตัวเองบ้าง แต่ไม่มากมายอะไร เหตุที่เกิดขึ้นตัวเองเชื่อว่าคนร้ายมาก่อเหตุยิงผิดตัวเพราะไม่มีใครจะมายิงผู้หญิงอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าเมื่อคืนเกิดเหตุได้ยินเสียงปืนหรือไม่ นายเลิศ ก็บอกว่าไม่ได้ยินเพราะตัวเองหลับอยู่และหูไม่ดี มารู้ตัวอีกครั้งก็ตอนเรือของตำรวจมาที่บ้านแล้วมาเชิญตัวไปสอบปากคำขอยืนยันว่าช่วงเวลาก่อนและหลังเกิดเหตุ ตัวเองอยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปบริเวณจุดเกิดเหตุแต่อย่างใด และขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัด นครศรีธรรมราช ได้สอบถามข้อมูลนายเลิศเพิ่มเติม ซึีฃนายเลิศยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับตำรวจด้วยว่า ถ้าผู้ต้องสงสัยจะเข้ามาก่อเหตุต้องนั่งเรือเท่านั้นเพราะว่าคลองบางปิด ทางตันไม่สามารถออกทะเลได้ต้องย้อนกลับไปทางเดิม ส่วนใครจะเดินเท้ามาทางนี้หรือไม่ตัวเองไม่ทราบ และยังยอมรับกับตำรวจด้วยว่า ที่นากุ้งของตัวเองและชาวบ้านแถวนี้ จะมีขโมยมาลักกุ้ง โดยเอาอวนมาลงเวลากลางคืน พอเช้ามาก็ไม่เหลืออะไรเลยโดนขโมยไปหมดทำให้ชาวบ้านต้องมานอนเฝ้าที่นากุ้ง เพราะเกรงว่าขโมยจะมาขโมยของอีก

 

ชาวบ้านเผย เคยถูกสามีผู้ตายก่อเหตุลักขโมยปลาจริง ชี้สามีผู้ตายมีศัตรูเยอะ

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้โทรศัพท์ไปหานายจิน บุคคลที่สามีของผู้เสียชีวิตเคยไปก่อเหตุขโมยปลา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 3 เดือน นายเอกรัตน์สามีของผู้เสียชีวิต ได้มาก่อเหตุขโมยปลาในอวนของตัวเองไปกว่า 30 กิโลกรัม ตอนนั้นตัวเองจึงนำของกลาง ได้แก่ปลา 30 กิโลกรัม และเรือของนายเอกรัตน์ไป ลงบันทึกเป็นหลักฐานกับผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่ของอำเภอ

ตัวเองขอยืนยันว่าสามีของผู้เสียชีวิต มีนิสัยชอบรักขโมยของชาวบ้าน แล้วชาวบ้านก็โดนมาแล้วหลายรายอีกด้วย

ส่วนปุ่มที่คนร้ายมาก่อเหตุยิง ภรรยาของผู้เสียชีวิต เมื่อคืนที่ผ่านมานั้น ตัวเองก็ตอบไม่ได้ว่าปมเหตุมาจากเรื่องอะไร ส่วนช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นตัวเองก็อยู่ที่บ้านห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร และขอยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ไปในบริเวณที่เกิดเหตุแต่อย่างใด

 

น้าคนตาย ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาเชื่อคนร้ายยิงผิดตัว วอนสามีคนตายออกมาพูดความจริง

นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้พูดคุยนางสาวกับยุพดี วรรณดี อายุ 51 ปี น้าของผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่า เหตุที่เกิดขึ้น ตัวเองรู้สึกสะเทือนใจ และสงสารผู้ตายเป็นอย่างมาก เนื่องจากนางเพชรรัตน์ ชูจันทร์ เขามีชีวิตน่าสงสารมาตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กๆ เขาก็ถูกแม้ทิ้ง พอโตมาเขาก็มาถูกยิง ตัวเองสงสารหลานทั้ง 2 คน ที่เขาต้องมากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก

เหตุที่เกิดขึ้น ตัวเองเชื่อว่าคนร้ายน่าจะก่อเหตุยิงผิดตัว เพราะผู้เสียชีวิต เขาเป็นคนจิตใจดี ไม่เคยมีเรื่องกับใคร
ส่วนคนร้ายเขาจะมายิงใครนั้น ตัวเองก็อยากให้นายเอกรัตน์ สามีของผู้ตายพูดความจริงออกมาได้แล้ว เขาบาดหมางกับใคร ก็พูดความจริงออกมา คนร้ายถ้าไม่มีเรื่องกับเขา เขาก็คงไม่มายิงหรอก

เวลา 17.30 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาตัวนายเอกรัตน์ สามีของผู้เสียชีวิตลงเรือ เพื่อไป หาหลักฐานเพิ่มเติมที่ บ้านของผู้เสียชีวิตอีกหลัง ซึ่งเป็นคนละหลังกับที่เกิดเหตุ

แกะรอยเท้าล่าฆาตกร ยิงสาวตกปลา ผัวโชว์ท่ายกขาช่วย คนรุมแฉยับ