จากเหตุการณ์ นายหน่อง ลูกน้องของกำนันนก ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ภายในงานเลี้ยงของ "กำนันนก" เป็นเหตุให้ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา

จากกรณีข่าวกำนันนกที่กำลังโด่งดังอยู่ขณะนี้ ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ซึ่งปักหลักรอทำข่าวอยู่ที่บริเวณหน้า สำนักงานของกำนันนกซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ ทีมข่าวพบว่าหลังจากเป็นข่าวไปมีประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนซึ่งได้เดินทางผ่านหน้าสำนักงานนก ประชาชนบางส่วนจำนวนไม่น้อยต่างชะลอรถ เพื่อดูสำนักงานของกำนันนกตามในข่าว ประชาชนบางคนถึงกับจอดรถพร้อมกับลงมาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกและเช็กอิน

ทีมข่าวได้เดินเข้าไปสอบถามประชาชนบางกลุ่ม ที่ได้จอดรถลงมาถ่ายรูปบอกว่า ตนเองเดินทางมาจากจังหวัดนครสวรรค์ และบังเอิญขับผ่านสำนักงานกับนกพอดี และเห็นหน้าบ้านคุ้นๆเหมือนเคยเห็นในข่าว จึงได้ลงไปถ่ายรูปเล่นเฉยๆ ยืนยันไม่ได้รู้จัก หรือ เป็นพนักงานในบริษัทกำนันนก

บรรยากาศที่กองบังคับการกองปราบปราม พบว่า ตำรวจชุดคลี่คลายคดีกำนันนก ทีมข่าวของเราได้สอบถามไปยังพันตำรวจเอกวิวัฒน์ จิตโสภากุล ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการกองปราบปราม เปิดเผยถึงความคืบหน้าทางคดีว่า วันนี้ช่วงเช้าชุดคลี่คลายคดีและพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้ร่วมประชุมเพื่อวางกรอบให้ชัดเจนว่าจะมีการดำเนินคดีกับตำรวจทั้ง 34 นาย ที่อยู่ในเหตุการณ์งานเลี้ยงบ้านกำนันนกหรือไม่อย่างไร พร้อมย้ำว่าจะต้องดำเนินการตามหลักการของพลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่เน้นย้ำเรื่อง "ข้อเท็จจริง" และ "พยานหลักฐาน" ว่ามีความชัดเจนขนาดไหน อีกทั้งยังต้องดูในข้อกฎหมายด้วย

ทั้งนี้จะต้องแบ่งแยกความผิดตามพฤติการณ์ของตำรวจแต่ละนายอย่างละเอียด โดยการไล่ไทม์ไลน์ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ซึ่งที่ประชุมหลักในวันนี้ คือ พันตำรวจเอกเอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ซึ่งต้องรอดูว่าในช่วงบ่ายวันนี้ทิศทางจะเป็นอย่างไร โดยพลตำรวจโทจิรภพได้สั่งให้ดำเนินการโดยเร่งด่วน

อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายวันนี้ มีรายงานจากว่า หากมีความชัดเจนทิศทางของคดี คาดว่าจะมีการแถลงข่าวความคืบหน้าทางคดีในช่วงเวลา 13.00 น.

นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องของหยดเลือดที่ติดบนรองเท้า ผกก.เบิ้ม ด้วย ซึ่งเรื่องนี้จะสามารถเชื่อมโยงได้ว่าในวันเกิดเหตุ ผกก.เบิ้มเป็นคนช่วยสารวัตรแบงค์ ทำให้เลือดติดบนรองเท้าหรือไม่ และแต่จะช่วยในลักษณะไหนยังรอความชัดเจน

ส่วนตำรวจ 13 นาย ก่อนหน้าที่พบว่าอาจจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ ตามมาตรา 157 นั้น พันตำรวจเอกวิวัฒน์ กล่าวว่า ขอเวลาตรวจสอบพยานหลักฐาน และนำมาไล่เรียงเหตุการณ์ทั้งหมดก่อน ซึ่งคาดว่าจะต้องมีมากกว่า 6 นาย ที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งแม้จะอ้างว่าไปร่วมงานเลี้ยงนอกเวลาราชการ แต่หากเป็นตำรวจแล้วก็จะต้องมีหน้าที่ในการควบคุมสถานการณ์ และระงับเหตุให้ได้

นอกจากนั้นคณะทำงานจะทำเรื่องถึงศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 เพื่อขอย้ายการฝากขังตัวผู้ต้องหาในคดีมาควบคุมตัวในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งจะต้องย้ายมาจากเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรสงคราม มาที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อป้องกันการแทรกแซงของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ส่วนผู้ต้องหาทั้งตำรวจและอดีตกำนันนก จะถูกคุมขังอยู่ที่เดียวกันหรือไม่ขึ้นอยู่กับระเบียบของกรมราชทัณฑ์

พันตำรวจเอกวิวัฒน์ ยังกล่าวว่า ภายในสัปดาห์หน้า คดีนี้จะมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะการแจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจที่พบความผิด โดยขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องเรียกตำรวจที่เคยให้การไปแล้วมาให้ปากคำใหม่ แต่ จากที่สอบปากคำไปก่อนหน้านี้มีผู้ที่ให้การ ขัดแย้งกับคำให้การอยู่ แต่ไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ว่ากี่คน เพราะอยู่ในสำนวนการสอบสวน ซึ่งหากตำรวจนายใดให้การเท็จ หรือมีความผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหาทันที


ทีมข่าวช่อง8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด จับภาพรถของกำนันนก กลับรถเพื่อเข้าสำนักงานกำนันนก ชาวงเวลาประมาณ 17.24 น.

และในช่วงเวลา 19.08 น. กล้องวงจรปิดจับภาพรถของสารวัตรศิวกร หรือ สารวัตรแบงค์ กลับรถ เพื่อเข้าไปยังสำนักงานกำนันนก ที่เกิดเหตุ

นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด จับภาพในจุดเดียวกัน ซึ่งเป็นภาพของนายต๋องและนายเด้ง ขี่จักรยานยนต์มาที่สำนักงานกำนันนก ในเวลา 19.46 น. และพบว่ามีการส่งปืนกัน

โดยเกิดเหตุยิงสารวัตรแบงค์และรองวศิน เมื่อเวลา 21.26 น.

เมื่อเวลา 21.28 น. นำสารวัตรแบงค์และรองวศิน ส่งโรงพยาบาล

และในเวลาไล่เรี่ยกัน พบรถของผู้กำกับสน.พญาไท ขับตามมา

จากนั้น 22.34 น. เป็นขบวนรถของกำนันนกขับออกจากที่เกิดเหตุ

 

สั่งย้ายคุกขัง 6 ตร.หวั่นถูกเช็กบิล อึ้งคนแห่เช็กอินรังกำนันนกขอดูเป็นบุญตา