จากคดีสะเทือนขวัญ นายเอ็ม ซึ่งเป็นพ่อฆ่าลูก 5 ศพอำพราง หลัง "กัน จอมพลัง" บุกช่วยเด็กที่ได้รับแจ้งถูกพ่อทำร้าย
ก่อนนำสู่การติดตามจับตัวพ่อ มาสอบสวน จนพบว่า มีการนำร่างลูกสาววัย 2 ขวบ อำพรางศพโบกปูนใต้พื้นปูน ใกล้ห้องครัวที่บ้าน จ.กำแพงเพชร
และยังสอบสวนพบว่า ตำรวจพบว่าพ่อรายนี้เคยฆ่าลูกมาแล้ว 4 ศพ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนติดตาม นำหลักฐานมาประกอบคดีลงโทษฆาตกรรมลูกต่อเนื่อง
ล่าสุด ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่บ้านที่ฝังร่างน้องโมเดลอีกครั้ง โดยได้เดินสำรวจด้านในและนอกบ้านหลังที่เกิดเหตุ โดยขออนุญาตครอบครัวของผู้เสียชีวิตแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่ได้มีการเข้ามาเก็บหลักฐานไปทั้งหมดก่อนหน้านี้ โดยทีมข่าวพบว่าจุดที่ฝังโบกปูนน้องโมเดลนั้น อยู่บริเวณหลังบ้าน โซนห้องครัว ซึ่งจุดดังกล่าวถูกล้อมด้วยสังกะสี
และจากการสำรวจของทีมข่าวพบว่า ปูนซีเมนต์ที่สองผัวเมียได้ใช้โบกเพื่ออำพรางศพของศพน้องโมเดล มีความหนาประมาณ 10-15 เซนติเมตร ส่วนความลึกของหลุมอยู่ที่ประมาณ 40-50 เซนติเมตร ซึ่งจากลักษณะการเทปูนพบว่า พื้นปูนซีเมนต์มีการเทพื้นไม่เรียบร้อยนัก ไม่เรียบ คาดว่าน่าจะเร่งรีบ ส่วนภายในหลุมยังมีเศษขยะและถุงพลาสติกที่สองผัวเมียใส่ลงไปในหลุมด้วยก่อนโบกปูนทับ
นอกจากนี้ยังพบอุปกรณ์ที่คาดว่านายเอ็มและนางสาวจุ๋มใช้ในการขุดดินหรือผสมปูนซีเมนต์ โดยพบจอบจำนวน 2-3 จอบ ถูกตั้งวางอยู่ภายในบ้าน โดยจอบนั้น มีคราบคล้ายปูนซีเมนต์เกาะติดอยู่
ส่วนด้านนอกรอบตัวบ้าน จากการเดินสำรวจทีมข่าวยังไปพบกระสอบปูนซีเมนต์จำนวน 3-4 กระสอบ ซึ่งเป็น ปูนซีเมนต์สำเร็จรูป มีคุณสมบัติสามารถผสมน้ำและฉาบได้เลย โดยไม่ต้องผสมทรายและหิน โดยกระสอบปูนทั้งหมดถูกซ่อนอยู่ริมกำแพงบ้าน โดยมีผ้าปูที่นอนถูกปิดคลุมซ่อนไว้อีกด้วย ซึ่งต่อมาทีมข่าวได้ย้อนไปที่ร้านขายปูนซีเมนต์พบว่าเป็นซีเมนต์ยี่ห้อเดียวกันกับที่ร้านขายเหมือนกัน
ส่วนภายในบ้านจากการสำรวจพบว่า ภายในบ้านไม่มีร่องรอยคราบเลือด หรือ ร่องรอยการต่อสู้ใดๆ ทุกอย่างถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ภายในห้องแต่ละห้องยังพบเสื้อผ้ารองเท้าของเด็กเล็กจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือ “หมอหมู” อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า ประเด็นเรื่องเลือดของศพ ที่ขนจากกรุงเทพ ไปยังกำแพงเพชร จะสดพอที่จะเอามาเขียนหรือป้าย กำแพงได้หรือไม่ ต้องขอเรียนว่า โดยปกติแล้ว เมื่อเสียชีวิต หัวใจจะหยุด สูบฉีดเลือดในระบบของร่างกายและเลือดยังคงอยู่ในระบบของร่างกายต่อไป โดยบางส่วนจะมีการจับตัวเป็นก้อนเลือด และบางส่วนยังคงสภาพเป็นน้ำเลือด จนกระทั่งศพ และเส้นเลือด เริ่มเน่า ซึ่งอาจใช้เวลามากกว่า 48 ชั่วโมง จึงจะเริ่มมีการไหลของเลือด ออกจากเส้นเลือด จนกระทั่งหมดไปในที่สุด ตามสภาพการเน่าของศพ
ดังนั้นในกรณีดังกล่าว หากมีการเคลื่อนย้ายศพ หลังการเสียชีวิตทันที มายังจุดที่ยัง ที่ฝังศพ ก็มีโอกาสความเป็นไปได้ ที่จะนำเลือด ออกจากศพด้วยวิธีการใดก็ตาม เพราะนำไปกระทำการอะไรบ้างอย่างได้อยู่
ขณะที่ในส่วนของพาหนะที่ใช้ขนร่างเด็กไปทิ้ง ด.ช.ศักดิ์ดา และ ด.ช.ธีรภาพ ใช้รถตู้ลำเลียง ส่วน ด.ช.ธนาทรัพย์ และ ด.ช.นัฐพงศ์ ใช้รถจักรยานยนต์ลำเลียงศพ
ส่วนน้องโมเดล ด.ญ.เนตรขวัญสุดา ใช้รถเก๋งลำเลียงร่างไปฝังโบกปูนที่จ.กำแพงเพชร
ทีมข่าว ได้เดินทางไปที่บ้านพัก ซึ่งผู้ต้องหาเคยพักอยู่กับภรรยาคนที่ 4 ในซอยพหลโยธิน 65 พูดคุยกับ คุณจอย (นามสมมติ) ผู้ดูแลตึก บอกว่า ทุกเช้า 2 คนผัวเมียก็จะออกไปทำงานตามปกติ แต่ตอนเย็นบางวันก็กลับพร้อมกัน บางวันก็ไม่พร้อมกัน แต่มีพฤติกรรมแปลกๆ ชอบปิดหน้าปิดตา ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ถามก็ไม่ยอมตอบ บางทีก็ยิ้มให้ แต่ยิ้มแบบไม่เป็นมิตร โดยเฉพาะฝ่ายหญิงก้มหน้าก้มตา ไม่พูดเลยสักคำ ลักษณะท่าทางเหมือนกลัวฝ่ายชาย ดูรนๆ เคยถามตอนมาจ่ายค่าที่พักว่าทำงานอะไร ผู้หญิงบอกดูแลผู้สูงอายุ และคนป่วย ส่วนผู้ชายทำเกี่ยวกับส่งของ แต่ปกติก็จ่ายค่าห้องปกติ ไม่เคยค้างค่าเช่า
ตอนแรกไม่คิดว่าจะเป็นคนแบบนี้ คิดว่าเป็นคนแปลกๆ เฉย ดูไม่ปกติ หลบสายตา ทั่วๆ ไปเคยมีคนได้ยินเสียงเด็กร้องมาจากห้องเขาบ้าง แต่ว่าเป็นเสียงเด็กร้องไห้ปกติทั่วไปไม่ได้โดนทำร้าย ไม่มีกรีดร้อง พอรู้ว่าเป็นฆาตกรก็กลัว เพราะมีพฤติกรรมที่โหดมาก
เช่นเดียวกับนางเพ็ญ เจ้าของร้านชำใต้ตึก บอกว่า ปกติก็มาซื้อของที่ร้าน จะแต่งตัวสวมหมวกใส่เสื้อแจ็คเก็ตทุกครั้ง เวลามาซื้อของก็รีบซื้อรีบขึ้นบ้าน ไม่พูดไม่จา ไม่สุงสิงด้วย แต่ไม่เคยอุ้มลูกหรืออุ้มเด็กมาเลย แต่มีน้องข้างห้องบอกเคยได้ยินเสียงเด็กร้อง แล้วผู้ชายก็เคยคุยให้ฟังว่ามีลูก แต่มาอยู่ที่ได้ไม่ถึงปี และย้ายออกไปได้ประมาณ 1 เดือน ทราบว่าจะกลับบ้านไปอยู่ต่างจังหวัดบ้านภรรยาที่กำแพงเพชร พอรู้ข่าวตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้