แฉพฤติกรรมไอ้เอ็ม ส่องศักดิ์ ตบตีทำร้ายน้องศักดิ์ดา น้องธีรภาพ

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.ได้เดินทางเข้ามาติดตามความคืบหน้าการค้นหากระดูกมนุษย์ โดยทาง พล.ต.ต.ธีรเดช เปิดเผยว่า จนถึงตอนนี้จากคำให้การนายเอ็ม ผู้ต้องหา และน.ส.เจษฎา ภรรยาอีกราย ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของตำรวจจนสามารถนำไปสู่การตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในวันนี้ ส่วนกระดูกที่พบในวันนี้ ตรงกับข้อมูลที่ได้รับมา แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาทั้งหมด โดยเฉพาะที่อ้างว่า ลูกสาววัย 2 ขวบ ที่เสียชีวิต ที่จังหวัดกำแพงเพชร เป็นเพราะมีอาการป่วย แต่กลับกันรายงานแพทย์แจ้งว่า กะโหลกศีรษะ และซี่โครงของเด็กร้าว

ส่วนการสอบปากคำ น.ส.เจษฎา ถือว่าให้การเป็นประโยชน์มากที่สุด เพราะให้ข้อมูลกับตำรวจว่า รู้เห็นทุกอย่างที่นายเอ็ม ทำกับลูกๆ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะรักนายเอ็มมาก และที่ได้พาศพลูกไปทิ้งด้วยก็ไม่ได้เต็มใจทำ แต่จำใจเพราะตัวเองก็ถูกบังคับ และทำร้ายร่างกายจนมีบาดแผล พร้อมกับโชว์บาดแผลให้ตำรวจได้ดู นอกจากนี้ทางตำรวจได้มีการพาตัวนายเอ็ม ไปตรวจสุขภาพจิตที่โรงพยาบาล ซึ่งผลก็ออกมาแล้ว โดยแพทย์ยืนยันเบื้องต้นว่าเป็นปกติทุกประการ และสามารถพูดคุยตอบโต้ได้หมด

ล่าสุด มีรายงานคำสารภาพของ นายส่องศักดิ์ หรือ เอ็ม อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาลงมือฆ่าลูก รับสารภาพว่า ลงมือทำร้ายร่างกายจนทำให้เด็กถึงแก่ความตาย

1. ด.ช.ศักดิ์ดา ส่งแสง (ไข่ดำ) โดยลงมือใช้มือตบตี ที่ท้องเป็นจำนวน 2-3 ครั้ง ด้วยความแรง ทำให้เกิดการชักและเสียชีวิต - นำร่างไปทิ้งที่สวนจตุจักร (2556)

2. ด.ช.ธีรภาพ ส่งแสง (เล็กต้า) โดยลงมือใช้มือตบตี ที่ลำตัวและท้องเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง ด้วยความแรง แต่เด็กยังร้องไม่เลิก จึงนำไปขังไว้ในตู้วางทีวี จนกระทั่งเสียชีวิต - นำร่างไปทิ้งที่สวนจตุจักร (2557)


ไอ้เอ็มจับลูกใส่ตู้ทีวีก่อนเด็กจะเสียชีวิต

มีรายงานว่า จากการตรวจค้น CC แมนชั่น ซอยพหลโยธิน 71 ถ. พหลโยธิน ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา ปทุมธานี วันนี้ ซึ่งเป็นจุดที่พักของนายส่องศักดิ์ หรือนายเอ็ม และนางสาวเจษฎา เคยพัก และจุดนี้คือจุดที่ ด.ช.ธีรภาพ เสียชีวิต 12พ.ย.57

โดยจากการตรวจค้น เจอตู้เสื้อผ้า และชั้นวางทีวี ที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับการนำลูกของนายเอ็ม และนางเจษฎา ไปไว้ในตู้ก่อนเด็กจะเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้อยู่นะหว่างการตรวจสอบยืนยันว่า เป็นตู้ใด

 

เอ็ม สารภาพฆ่าลูก เพราะไม่ชอบเสียงร้องเด็ก และไม่ชอบเด็กผู้ชาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.ได้เดินทางเข้ามาติดตามความคืบหน้าการค้นหากระดูกมนุษย์ โดยทาง พล.ต.ต.ธีรเดช เปิดเผยว่า จนถึงตอนนี้จากคำให้การนายเอ็ม ผู้ต้องหา และน.ส.เจษฎา ภรรยาอีกราย ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของตำรวจจนสามารถนำไปสู่การตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในวันนี้ ส่วนกระดูกที่พบในวันนี้ ตรงกับข้อมูลที่ได้รับมา แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาทั้งหมด โดยเฉพาะที่อ้างว่า ลูกสาววัย 2 ขวบ ที่เสียชีวิต ที่จังหวัดกำแพงเพชร เป็นเพราะมีอาการป่วย แต่กลับกันรายงานแพทย์แจ้งว่า กะโหลกศีรษะ และซี่โครงของเด็กร้าว

ไม่เพียงเท่านั้นนายเอ็ม ยังอ้างด้วยว่า ลูกที่เสียชีวิตทั้ง 5 ราย เจ้าตัวไม่ได้ฆ่าทั้งหมด แต่อ้างว่า 2 ใน5 คนเสียชีวิตเพราะป่วย นั่นก็คือน้องโมเดล วัย 2 ขวบ และเด็กชายที่นำร่างมาทิ้งในพื้นที่สายไหมเมื่อปี 2559

ส่วนอีก 3 รายยอมรับว่าทำให้เสียชีวิตจริง ซึ่งสาเหตุตามที่นายเอ็ม ได้ให้การกับตำรวจก็คือ “ไม่ชอบเด็กผู้ชาย และไม่ชอบเสียงร้องของเด็ก” ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหาเท่านั้น แต่ตำรวจต้องตรวจสอบเชิงลึกมากกว่านี้ เพราะผู้ต้องหาอาจกลับคำให้การอีกได้

 

ไอ้เอ็ม ส่องศักดิ์ บีบคอน้องโมเดล คาดยังไม่เสียชีวิต

ทีมข่าวช่อง 8 ถามพ่อของผู้ต้องหาต่อว่า ตอนนี้ทราบหรือยังว่าลูกชายทำร้ายร่างกายลูกเสียชีวิตรวม 5 คน พ่อของผู้ก่อเหตุก็ตอบว่า “ไม่รู้” ตัวเองรู้แค่ว่า ลูกชายทำร้ายลูกคนล่าสุดตายแค่ 1 คนเท่านั้น เนื่องจากว่า เมื่อคืนนี้ตัวเองได้สอบถามเรื่องราวทั้งหมดกับลูกชายทางโทรศัพท์

เขาเปิดปากให้ตัวเองฟังว่าตอนแรกเขาเห็นลูกสาววัย 2 ขวบร้องไห้ เขาเลยรำคาน แล้วใช้กำปั้นทุบตีเด็กหญิงวัย 2 ขวบ พร้อมกับใช้มือบีบคอเด็ก โดยตอนนั้นลูกชายอยากจะทำร้ายเด็กหญิงให้ตาย แต่เด็กไม่ตาย จากนั้นลูกชายจึงไปซื้อยาที่ร้านขายยาซึ่งเค้าไม่ได้บอกว่าเป็นยาอะไรมาให้กับเด็กหญิงวัยสองขวบทาน ตอนนั้นเด็กหญิงวัยสองขวบยังไม่เสียชีวิต แต่รู้สึกว่ามีอุจจาระและปัสสาวะออกค่อนข้างหนัก กระทั่งผ่านไปสองเดือนเด็กเหมือนจะพิการและเสียชีวิตต่อมา ลูกชายและลูกสะใภ้จึงเอาเด็ก หญิงวัยสองขวบขึ้นรถแล้วพาไปอำพรางที่ จ.กำแพงเพชร กระทั่งมาปรากฎเป็นข่าว

 

ตร.ลุยค้นจุดเป้าหมาย เร่งหาหลักฐานโยงการตายคดีเด็ก5ศพ

วันนี้ (21 ก.ย.) เวลา 11.00 น. ตำรวจสน.บางเขน กรุงเทพ พร้อมด้วยชุดสืบสวน และตำรวจพิสูจน์หลักฐานฯ มีการลงพื้นที่ไปยังหอพักภายในซอยพหลโยธิน65 ซึ่งเป็นที่อยู่ที่นายเอ็มและภรรยามาอยู่อาศัยด้วยกันในช่วง วันที่ 9 พ.ค. - 9 ก.ค. 2566 ที่ผ่านมา โดยกองพิสูจน์หลักฐานได้ขึ้นไปทำการตรวจสอบใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนกลับลงมาพร้อมกับถุงสีน้ำตาลขนาดใหญ่ซึ่งมีการเก็บวัตถุพยานไปทำการตรวจสอบ โดยพบกะละมังพลาสติกสีเขียวซึ่งเป็นกะละมังสำหรับอาบน้ำเด็ก มีลักษณะเป็นรอยแตก จึงเก็บไปทำการตรวจสอบเพื่อเชื่อมโยงหาหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการตายของเด็กที่ถูกฝังดิน แต่การเก็บพยานหลักฐานอาจจะมีความยากลำบากเพราะเนื่องจากห้องดังกล่าว ภายหลังนายเอ็มและภรรยาย้ายออก ทางเจ้าของหอพักได้มีการปล่อยเช่าให้ผู้เช่ารายใหม่เข้าไปอยู่อาศัย

จุดที่สอง เวลา 12.05น. ตำรวจสน.บางเขน กรุงเทพ พร้อมด้วยชุดสืบสวน และตำรวจพิสูจน์หลักฐานฯ มีการลงพื้นที่ไปยังหอพักภายในซอยพหลโยธิน69 เป็นที่พักของนายเอ็มและภรรยาที่อาศัย ในช่วงปี 2555-2556

โดยระหว่างที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่นั้นปรากฏว่ามีการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพียงภาพถ่ายบริเวณหน้าตึก ไม่สามารถขึ้นไปภายในตัวอาคารได้ แม้ว่าทางเจ้าของหอพักจะอนุญาตให้ขึ้นก็ตาม เนื่องจากการชี้ที่เกิดเหตุของสองผัวเมียไม่มีความชัดเจนและไม่สามารถระบุห้องหรือชั้นได้ จึงทำให้การเก็บหลักฐานที่หอพักภายในซอยพหลโยธิน 69 จึงไม่ได้มีการเก็บรวบได้อย่างสะดวก

จุดที่สาม เวลา 12.30 น. ตำรวจสน.บางเขน กรุงเทพ พร้อมด้วยชุดสืบสวน และตำรวจพิสูจน์หลักฐานฯ มีการลงพื้นที่ไปยังหอพักภายในซอยพหลโยธิน52 เป็นที่พักของนายเอ็มและภรรยาที่อาศัย ในช่วงปี 2559-2561

โดยการเข้าไปทำการ ตรวจสอบ ของ พฐ. ได้มีการใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 40 นาที ซึ่งการตรวจสอบก็ยังคงมีอุปสรรคเพราะเนื่องจากภายหลัง2ผัวเมียมีการคืนห้องแล้ว ได้มีคนเข้าพักอาศัยอยู่แทนที่ไปแล้ว จึงทำให้การเก็บพยานหลักฐานจึงเก็บบางส่วนที่พอจะเก็บได้โดยเฉพาะร่องรอยและดีเอ็นเอเพื่อยืนยันตามการสอบปากคำของคนดูแลหอพักและ เจ้าของหอพักเท่านั้น

ด้าน พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน เผยสั้นๆ ว่า การตรวจค้นทุกจุดในครั้งนี้เป็นการตรวจค้นเพื่อค้นหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องและการยืนยันเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของนายเอ็มและภรรยา รวมทั้งหาหลักฐานอื่นที่เกี่ยวเนื่องในคดี แต่ยังให้รายละเอียดอื่นมากไม่ได้เพราะต้องรอรายงานผู้บังคับบัญชาก่อน แต่การตรวจค้นทั้งหมดสามารถเชื่อมโยงเกี่ยวกับพฤติกรรมและการเข้าพักอาศัยได้ในแต่ละช่วงเวลาและแต่ละสถานที่ แต่จุดใดจะมีความเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของลูกคนไหนนั้นจะต้องรอการแถลงข่าวยืนยันอย่างเป็นทางการอีกครั้งซึ่งตอนนี้ก็ทำหน้าที่ในการรวบรวมและเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุรวมถึงที่พักแต่ละแห่งก่อน

จุดที่สี่ เวลา 14.00 น. ตำรวจสน.บางเขน กรุงเทพ พร้อมด้วยชุดสืบสวน และตำรวจพิสูจน์หลักฐานฯ มีการลงพื้นที่ไปยังหอพักภายในซอยพหลโยธิน71 (ซีซี แมนชั่น) เป็นที่พักของนายเอ็มและภรรยาที่อาศัย ในช่วงปี 2557-2558

โดยตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้เข้าไปทำการตรวจสอบแม้ว่าห้องดังกล่าวจะเคยอยู่อาศัย แต่ผ่านมานานหลายปี ทำให้สภาพคล่องมีการรีโนเวท มีการทาสีใหม่ และมีคนเข้ามาอยู่อาศัยเปลี่ยนมือมาแล้วกว่า3คน ทำให้ร่องรอยเดิมอาจจะตรวจสอบยากลำบาก แต่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้มีการตรวจตามซอก และตามโต๊ะ รวมถึงที่นอน เพื่อที่จะมีการคัดแยกและตรวจสอบดีเอ็นเอรวมถึงตรวจคราบเลือดในอดีต ซึ่งมีการเก็บวัตถุพยานได้แต่เพียงตรวจหาดีเอ็นเอเท่านั้นเพราะเนื่องจากห้องถูกใช้งานและเปลี่ยนผ่านมาหลายคน

 

พยานเล่าเรื่องราวเด็กรอดชีวิตจากฝีมือไอ้เอ็ม ส่องศักดิ์ หลังวิ่งมาขอข้าวกิน

ทีมข่าวได้คุยกับนางสาวน้ำชา (นามสมมติ) คนรู้จักกับนายเอ็มในสมัยที่มาอาศัยอยู่ที่หอพักย่านพหลโยธิน52 เผยว่า ตนเองรู้จักกับนายเอ็มเพราะเนื่องจากเจ้าตัวอาศัยอยู่อยู่ที่นี่ก่อนช่วงโควิดเกือบ3ปี มีการทักทายพูดคุยกันเกือบ ซึ่งตัวของนายเอ็มก็ดูปกติไม่ได้มีท่าทีว่าจะกลายเป็นคนหัวร้อนหรือจะก่อเหตุโพดเที่ยมได้ขนาดนี้ เพราะทุกวันเจ้าตัวก็จะออกจากห้องและไปทำงานพร้อมกับภรรยา แล้วให้ลูกอยู่ที่ห้อง หรือบางครั้งก็ให้ลูกไปอยู่กับญาติๆ ซึ่งตนเองก็จะได้เจอตัวทั้งภรรยาและลูกคือน้องปิ่น

โดยมีช่วงหนึ่งก่อนที่ทั้งคู่จะย้ายออกไปในปี 2561 ตอนนั้นเห็นว่าตัวของนายเอ็มกับภรรยาออกไปทำงานนอกบ้าน แล้วลูกสาวคือน้องปิ่นได้ลงมาจากห้องลักษณะบ่นว่าหิวข้าว ซึ่งตนเองก็พยามหาข้าวให้เด็กกิน แต่เด็กบอกว่าไม่อยากกินข้าวอยากกินมาม่า ตนเองก็ไปหาให้เด็กกิน แต่สังเกตว่ามือของเด็กมีลักษณะคล้ายรอยแดงและรอยช้ำ ซึ่งตนเองก็ พยามถามน้องปิ่นแต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธที่จะบอก พูดแต่เพียงว่าห้ามบอกพ่อว่าหนูแอบลงมาข้างล่างไม่งั้นหนูจะโดนตีและโดนโดนด่า ทำให้ตนเองไม่กล้าถามอะไรมากกลัวว่าเด็กจะเดือดร้อน , และนอกจากตัวของน้องปิ่นแล้วที่ตัวเองจะเห็นว่ามีรอยช้ำเขียว ยังสังเกตว่าภรรยาของนายเอ็มก็มีลักษณะคล้ายคล้ายคล้ายร่องรอยของการถูกทำร้ายเหมือนกัน ตอนนั้นเจ้าตัวลืมใส่หน้ากากอนามัยเดินลงมา ซึ่งตนเองเห็นรอยช้ำเขียวและมีแผลที่ใบหน้า แต่ก็ยังไม่กล้าถามอะไรเพราะเนื่องจากเห็นทั้งตัวของลูกและเมียมีลักษณะร่องรอยคล้ายกันจึงเพียงแค่คาดเดาว่าอาจถูกทำร้ายเท่านั้น , และหลังจากนั้นตนเองได้แอบหยอกถามนายเอ็มทำนองว่าทำไมน้องปิ่นมีรอยที่มือ นายเอ็มอ้างว่าเด็กต้มมาม่ากินเองแต่น้ำร้อนลวก

และหลายครั้งที่ตัวของนายเอ็มแวะมานั่งพูดคุยกับสามีของตนเองรวมถึงเอารถมาซ่อม มาเปลี่ยนโช้คและแต่งเครื่องเสียงในรถใหม่ สามีก็ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติอะไรในรถโดยเฉพาะเลือดหรือสิ่งของที่คาดว่าจะมีการทำร้ายเด็ก แต่ในช่วงที่เอารถมาทำเครื่องเสียงนั้นได้มีการเล่าและระบายเรื่องหนึ่งให้สามีตนเองฟัง ทำนองว่าไปทำผู้หญิงท้องจะทำอย่างไรดี ไม่มีเงินตอนนี้จนคงเลี้ยงเด็กต่อไม่ได้ ซึ่งตอนที่นายเอ็มมาเล่าให้ฟังว่าไปทำผู้หญิงท้องนั้นเจ้าตัวก็ยังอยู่ดูแลกับน้องปิ่นและรวมถึงภรรยาอยู่ จึงเชื่อว่าด้วยความเจ้าชู้และความหน้าตาดีของเจ้า จึงอาจจะมีบ้านเล็กบ้านน้อยในระหว่างที่ยังมีเมียหลักและลูกอยู่แล้ว ก็ได้ แต่ตนเองก็ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นนายเอ็มทำอย่างไรต่อกับเด็กที่มาเล่าให้ฟังว่ากำลังตั้งท้อง เพราะช่วงหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ย้ายออกไปอยู่ที่อื่น จนกระทั่งมาทราบเรื่องล่าสุดว่ามีการก่อเหตุฆ่าลูก

 

นางสาวใบชา คนดูแลหอพักเผยเกี่ยวกับไทม์ไลน์ และการเข้าพักของ 2 ผัวเมียโหด

นางสาวใบชา (นามสมมติ) คนดูแลหอฯ เผยว่า ตัวของ2ผัวเมียมาอาศัยอยู่ที่หอของตนเอง เพียง3เดือน ตอนที่มาขอเปิดห้องทั้งคู่มีท่าทางลุกลี้ลุกลน ลักษณะกำลังเหมือนหนีอะไรบางอย่าง คล้ายกับหนีหนี้หรือหนีความผิด ซึ่งตนเองก็ไม่อยากถามอะไรมากก็ได้แต่สังเกตทั่วๆไป แต่คู่ผัวเมียที่มาขอเปิดห้องอาศัยอยู่มีรถเก๋งแจ๊สคันดังกล่าว ขับมาด้วย ซึ่งตนเองให้เหตุผลว่าหอพักแห่งนี้ไม่รับคนที่มีรถเก๋งหรือรถกระบะเพราะเนื่องจากไม่มีที่จอด แต่ตัวของผัวเมียบอกว่าไม่เป็นไรขอเปิดห้องพักอาศัยอยู่ก็พอแล้ว แล้วจะหาที่จอดรถที่อื่น หรือหาที่จอดเองไม่ลำบากทางหอพัก ตนเองจึงเปิดห้อง 302 ให้อาศัยอยู่

ระหว่างที่ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ภายในตึกนั้นก็เห็นว่าเดินเข้าออกแค่2คน โดยไม่มีเด็กไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายติดสอยห้อยตามด้วย ตนเองก็เข้าใจว่าทั้งคู่ ไม่มีลูกด้วยซ้ำ แต่ก็มีเพื่อนข้างห้องรวมถึงคนในตึกมารายงานบอกตนเองว่าเคยได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ที่ห้อง 302 แต่ทุกครั้งที่สังเกตุเห็นเวลามาจ่ายบิลหรือขึ้นลงตึกก็ไม่เคยมีเด็กเดินตามหรือเข้าออก ด้วยแต่อย่าง ตนเองจึงไม่รู้ว่าทั้งคู่มีลูกหรือพาเด็กมาอยู่ที่ตึกด้วยหรือไม่

แต่ในวันนี้ตำรวจได้มีการเก็บหลักฐานบางอย่างออกไปจากห้องดังกล่าวแม้ว่าจะมีการปล่อยเช่าให้ผู้เช่าคนใหม่แล้วก็ตาม หลังจากที่สองผัวเมียย้ายออกได้มีการเก็บเสื้อผ้าและข้าวของออกไปทั้งหมด เหลือเพียงแค่กะละมังสีเขียวซึ่งเป็นกะละมังอาบน้ำเด็กมีลักษณะแตกทิ้งเอาไว้อยู่ภายใน แม่บ้านจึงเก็บเอาไว้ในห้องเก็บของ ซึ่งตำรวจก็ได้มีการเก็บไปตรวจสอบแล้วคาดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หรือในคดีหรือไม่

และจากการสังเกตบุคลิกของตัวนายเอ็มก็ดูปกติ แต่เพียงแค่ไม่ค่อยสื่อสารหรือพูดคุยอะไรกับใคร มีลักษณะเดินก้มหน้าและเดินขึ้นลงตึก แต่ส่วนภรรยาของนายเอ็มจะมีการแต่งกายมิดชิดใส่เสื้อฮู้ดคลุมหัว ใส่กางเกงขายาว และมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าตลอดเวลา โดยครั้งหนึ่งตนเองได้ตะโกนบอกว่าขึ้นลงตึกเปิดหน้าเปิดตาคุยกันบ้างก็ได้ ครั้งหนึ่งได้สังเกตุเห็นใบหน้าของภรรยานาบเอ็ม จึงยอมรับว่าตกใจเพราะเห็นลักษณะคล้ายคล้ายกับร่องรอยของการถูกทำร้ายเพราะมีใบหน้าช้ำเขียว และการภรรยาของนายเอ็มแต่งกายแบบนั้นก็เพราะปกปิดร่องรอยช้ำเขียวตามตัวหรือไม่

แฉลูกไอ้เอ็มตาย 5 คน โดนกดน้ำ-ต่อย-ยัดตู้-โบกปูน คนรอดถูกลวกน้ำร้อน