พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ลุยแจ้งความ "สมชัย" สมัคร สส. ทั้งที่มีลักษณะต้องห้าม กรณีมีคำสั่ง คสช. ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ กกต. เมื่อปี 2561
นายพร้อมพงศ์ ได้กล่าวว่า เหตุที่ได้เดินทางมายื่นหนังสือกล่าวโทษให้พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนและดำเนินคดีกับนายสมชัยในวันนี้ สืบเนื่องมาจากตนได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่า เมื่อครั้งที่นายสมชัย ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายสมชัย ได้ถูกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 4/2561 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2561 ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่กรรมการการเลือกตั้ง โดยให้เหตุผลถึงการที่นายสมชัย ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกระบวนการและกำหนดการเลือกตั้งที่ไม่สมควร จนเกิดความสับสนที่จะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานของ กกต. และการจัดการเลือกตั้ง และนายสมชัยยังได้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นเลขาธิการ กกต. โดยไม่ได้ลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่กรรมการการเลือกตั้ง
ผลของคำสั่งดังกล่าวจึงอาจถือได้ว่า นายสมชัย ได้ถูกคำสั่งให้พ้นจากราชการเพราะประพฤติมิชอบในวงราชการ อันเข้าลักษณะเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 2566 มาตรา 98 (8) ประกอบมาตรา 42 (10) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ซึ่งหากมีการสอบสวนแล้วพบว่า มีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวจริง ก็ถือว่านายสมชัยกระทำการอันฝ่าฝืนมาตรา 151 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 20 ปี
นายพร้อมพงศ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา ตนได้ไปยื่นหนังสือต่อประธาน กกต. เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้วเช่นกัน หาก กกต. ตรวจแล้วพบว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายจริง กกต. ก็จะได้สืบสวนและไต่สวนต่อไป เพราะถือว่าเรื่องดังกล่าวปรากฎต่อ กกต. ที่จะตรวจสอบมูลกรณีดังกล่าวได้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 ตนเป็นเพียงผู้แจ้งข้อมูลให้ตรวจสอบเท่านั้น
นายพร้อมพงศ์ ได้ให้เหตุผลที่มายื่นกล่าวโทษนายสมชัยว่า เมื่อนายสมชัยตรวจสอบคนอื่นได้ นายสมชัยก็ต้องพร้อมที่จะต้องถูกตรวจสอบได้เช่นกัน ก็ต้องให้เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินตามอำนาจหน้าที่ต่อไป