เปิดไทม์ไลน์การรับเลี้ยง น้องมายมิ้น หรือ น้องน้ำตาล วัย 4 ขวบ

ปี 2564 น.ส.สุนัน หรือ จุ๋ม ไปรับน้องมายมิ้นจากญาติที่กำแพงเพชร นำมาเลี้ยงเองที่กทม. ช่วงนั้นน้องมายมิ้นสุขภาพปกติ

ปี 2565 น.ส.เจษฎา หรือ เจน ไปรับน้องมายมิ้นมาเลี้ยงหลังจากนั้นน้องมีอาการปากแหว่งเพดานโหวและตาบอด โดยอ้างว่าน้องติดเชื้อรา

ปี 2565 น.ส.เจษฎา โพสต์เฟซบุ๊กนำภาพน้องมายมิ้นมาลงเพื่อขอรับบริจาค

 

 หมอกอล์ฟ เผยยา “เยนเชียนไวโอเลต” ไม่สามารถทำ “น้องมายมิ้นท์” ปากแหว่งได้

ทีมข่าวช่อง 8 ได้ติดต่อไปยัง นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ เพื่อพูดคุยถึง โรคปากแหว่ง เพดานโหว่นั้น สามารถเกิดได้จากอะไรบ้าง ซึ่งในเรื่องแผลของน้องมายมิ้นท์ จากที่เห็น ตนค่อนข้างแน่ใจและเด่นชัดว่าไม่ใช่แผลจากโรคปากแหว่ง เพดานโหว่ เพราะว่าโรคนี้ ต้องเป็นตั้งแต่เด็กๆ ทารก และลักษณะของแผลไม่ได้มีบวมหรือมีเลือดออกซิบๆ จากบาดแผลแบบของน้อง

แต่สำหรับข้อกล่าวอ้างที่ว่า น้องเป็นแผล และนำยาสีม่วง เยนเชียนไวโอเลต มาทาให้นั้น ซึ่งเป็นยาที่ทาจากกรณี แผลติดเชื้อรา และปากอักเสบ การทานั้น บางคนก็มีอาการแพ้ หรืออาจไม่แพ้ ก็มีอาการระคายเคือง และบวมได้ หรืออักเสบได้ แต่ไม่น่าถึงขั้นเป็นลักษณะ การมีหนอง หรือแหว่งแบบน้องมายมิ้นท์ เป็นบาดแผลของการถูกทำร้ายได้หรือไม่นั้น ก็อาจเป็นอีกหนึ่ง ในการพิจารณาก็ได้

“หมอหมู” จากรอยแผล “น้องมิ้นท์” อาจเกิดจากของมีคม

ทีมข่าวได้ติดต่อ พูดคุยกับ รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือ “หมอหมู” อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ส่วนในกรณีของน้องมายมิ้นท์ ที่มีการปากแหว่ง เพดานโหว่นั้น จากข้อมูลนั้น ตั้งแต่เด็กเป็นปกติ ไม่ได้มีลักษณะของโรคปากแหว่ง เพดานโหว่มาก่อน ซึ่งโรคนี้จะเป็นตั้งแต่กำเนิด ซึ่งไม่สามารถที่จะเป็นได้ เพราะตอนเกิดน้องปกติ ดังนั้น รอยแผลที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากมีผู้กระทำ และถ้าจะวิเคราะห์ว่าเกิดจากอะไรนั้น จะค่อนข้างยาก เพราะเกิดมานานแล้ว แต่สามารถบอกได้จากลักษณะบาดแผลที่โหว่ไปถึง โพรงจมูก อาจเกิดจากของแข็ง ของคม อาจไงเกิดจากมีดหรือกรรไกรก็ได้

 

แม่บ้านอพาร์ทเมนต์เผยพบสองผัวเมียอุ้มเด็กเข้าห้องพักก่อนหายตัวปริศนา

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายปราณี (นามสมมติ) อายุ 48 ปี เป็นแม่บ้านในอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งย่านซอยพหลโยธิน 48 แยก 11 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. โดยแฉพฤติกรรมสองสามีภรรยาที่ก่อเหตุฆ่าลูกตัวเองหลายศพ มาเช่าห้องพักที่อพาร์ทเมนต์แห่งนี้เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งนางเจษฎาอ้างว่าเลิกกับสามีจึงเช่าห้องพักอยู่กับลูกรวม 3 คน ต่อมาตนเห็นนายเอ็มไปๆมาๆหานางเจษฎาและลูก แต่พบพิรุธทำตัวลับๆล่อๆทุกครั้งที่เข้าห้องพัก ใส่เสื้อคลุมตัวใหญ่ ใส่แมสใส่หมวกปิดบังใบหน้า คล้ายไม่อยากให้ใครเห็นหน้า

ระหว่างที่ลูกนางเจษฎาอยู่ในห้องพัก ก็พบว่าสองสามีภรรยาเลี้ยงลูกด้วยวิธีปกติ ตอนเช้าที่นางเจษฎาไปทำงานก็จะคล้องแม่กุญแจที่ประตูนอกห้องแต่ไม่ได้ล็อคแม่กุญแจไว้ เวลาที่ตนไปทำความสะอาดหน้าห้องเกิดเหตุก็จะสงสัยทุกครั้งเด็กกินข้าวยังไงเพราะไม่ทีใครอยู่ห้อง ซึ่งเด็กอยู่ในห้องมีเสียงเงียบผิดปกติมากไม่เล่นกันและไม่ซน พอตกเย็นนางเจษฎาเลิกงานตนก็จะเห็นซื้อขนมปังมาให้เด็ก แต่ไม่เคยเห็นถือกล่องข้าวหรือวัตถุดิบมาทำกับข้าวที่ห้อง

นานเข้าก็ถามนางเจษฎาตรงๆว่าเด็กได้เรียนหนังสือหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่า เด็กคนโต 12 ปี เรียนกศน.อยู่ แต่ขัดแย้งความเป็นจริงที่ว่าเด็กทั้งสองอยู่แต่ในห้องคล้ายถูกขังและไม่ได้เรียนหนังสือทั้งคู่ ที่น่าสลดเคยส่องเห็นในห้องครั้งหนึ่ง ตนเห็นเด็กอายุ 4 ขวบนั่งอยู่ในกะละมัง เนื้อตัวสีชีด แต่ไม่ลุกออกจากกะละมัง โดยมีพ่อคือนายเอ็มตักขันน้ำราดตัว เชื่อทั้งสองทรมานเด็กขนาดนี้ก็จงใจฆ่า แค่เด็กยังไม่เสียชีวิต เพราะคงไม่มีพ่อแม่ที่ไหนทรมานร่างกายลูก โชคดีที่ตนช่วยเหลือเด็กทัน ช่วยสภาพร่างกายเด็ก พบเด็กมีสภาพปากแหว่งนานแล้ว แต่เป็นเรื่องส่วนตัวของครอบครัวจึงไม่ได้เข้าไปถาม

นอกจากนี้ตนยังติดใจเหตุการณ์หนึ่งช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นายเอ็มและนางเจษฎาพาเด็กหญิงคนหนึ่ง คาดว่าอายุประมาณ 2-4 ขวบ มาที่ห้องพัก โดยตอนนั้นทั้งคู่กลับห้องพักจอดรถฮอนด้า แจส สีเทา หน้าอพาร์เมนต์ ซึ่งนายเอ็มอุ้มเด็กหญิงที่ไม่ใช่เด็ก 4 และ 12 ปีที่ตนช่วยเหลือเข้ามา มีการใส่เสื้อคลุมตัวใหญ่ กางเกงขายาวกีฬา และใส่แมสให้เด็ก อุ้มขึ้นห้องไป โดยจะมีบางจังหวะที่เห็นผ่านแมสเพราะแมสใหญ่ พบว่าเด็กมีสภาพปากแหว่งแต่แผลที่แหว่งสมานบางส่วนแล้ว ยืนยันไม่ใช่เด็กคนเดียวกับที่ตนช่วยเหลือ

ผ่านมา 2-3 วัน ปรากฎว่าทั้งนายเอ็มและนางเจษฎาถือกล่องโฟมลังใหญ่ และถุงดำใหญ่หลายถุง แต่ใส่อะไรข้างในตนไม่ทราบขนขึ้นรถฮอนด้า แจส สีเทา ตนก็ถามไปไหน ทั้งคู่บอกกลับบ้านแล้วพอทั้งคู่กลับเข้ามาหอพักอีกทีก็พบพาตัวเด็กหญิงวัย 4 ขวบ ที่ตนช่วยเหลือมาด้วยแล้วนำตัวขึ้นห้องพัก

ตนจึงสงสัยที่ว่า เด็กอายุประมาณ 2-4 ขวบ ที่ทั้งคู่พามาอพาร์ทเมนต์แล้วหายตัวไปปริศนาอยู่ไหน แล้วใช่น้องโมเดลที่พบศพช่วงที่ตายเวลาใกล้เคียงกันหรือไม่ หากใช่คนเดียวกัน ทั้งคู่ต้องฆ่าที่ห้อง ก่อนนำใส่ถุงดำไปฝังร่างโบกปูนที่กำแพงเพชร แต่ถ้าไม่ใช่น้องโมเดล จะคือเด็กคนใดที่ตนเห็นตอนนั้น เพราะเด็กถูกปิดบังใบหน้าจึงเห็นหน้าไม่ชัด ส่วนเด็กอีกสองคนที่ไม่สงเสียงในห้องแม้ว่าตัวพ่อจะทำร้าย ก็คาดว่าถูกขู่ ซึ่งเด็กกลัวถูกทำร้ายร่างกาย จึงต้องเชื่อฟังคำสั่งพ่อแม่

2 หมอดังฟันธงมายมิ้นลูกไอ้เอ็มถูกฟันปาก คนในตึกแฉท่าอาบน้ำอำมหิต