เจษฎา อดีตเอ็มขอคุยวิดีโอคอลกับลูกก่อนนำตัวไปฝากขัง ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกับสื่อมวลชน ทำได้แต่เพียงยกมือไหว้เท่านั้น
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นางสาวเจษฎา มีเพียร ภรรยาของนายส่องศักดิ์ ส่งแสง หรือ เอ็ม ออกจากห้องควบคุมผู้ต้องหา สน.บางเขน ไปยังห้องสอบสวน เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม หลังจากเมื่อวานนี้ มีการออกหมายจับนางสาวเจษฎา
ล่าสุด เวลา 08.30 น. หลังสอบปากคำเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนางสาวเจษฎา กลับมาพิมพ์ลายนิ้วมือที่ห้องควบคุมผู้ต้องหา เพื่อเตรียมจะนำตัวไปขออำนาจศาลอาญา รัชดาภิเษก ฝากขังผัดแรก ซึ่งตอนที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน นำตัวนางสาวเจษฎามาส่ง ได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งนางสาวเจษฎา ก็ได้ยกมือไหว้แล้วบอกขอบคุณเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน โดยสังเกตได้ว่า นางสาวเจษฎา มีท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้นกว่าเดิม และในช่วงสายวันนี้ จะมีการควบคุมตัวไปส่งฝากขังที่ศาลต่อไป
นอกจากนี้ มีรายงานว่า ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำตัว นางสาวเจษฎาไปฝากขังนั้น นางสาวเจษฎา ได้ขอพูดคุยกับลูกสาว อายุ 12 ปี เป็นครั้งสุดท้าย เจ้าหน้าที่จึงประสานเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กของ พม. ให้วิดีโอคอลมาพูดคุย ซึ่งนางสาวเจษฎาได้ขอพูดคุยกับลูกเป็นการส่วนตัว ใช้เวลาประมาณ 1 นาที
ต่อมา เวลา 09.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ควบคุมตัว นางสาวเจษฎา ออกจากห้องควบคุมผู้ต้องหาเพื่อนำมาขึ้นรถไปศาลอาญา รัชดาภิเษก โดยทันทีที่เดินออกมาแล้วเห็นสื่อมวลชน นางสาวเจษฎา ได้ยกมือไหว้ แต่เดินก้มหน้า สีหน้าเศร้า พร้อมส่ายหน้าหลายครั้ง ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ยืนยันในจุดที่ชี้ต่อตำรวจเมื่อวานนี้หรือไม่ ยอมรับว่าร่วมกระทำผิดด้วยหรือไม่ มีอะไรจะฝากทำบุญถึงลูกที่เสียชีวิตไปหรือไม่ อยากขอโทษหรือพูดอะไรหรือไม่ แต่นางสาวเขษฎา ไม่ได้ตอบคำถามใดๆ จากนั้น เจ้าหน้าที่ก็ควบคุมตัวนางสาวเจษฎา ขึ้นรถออกไป
เจษฎา “ขอสื่อ อย่าซ้ำเติม” ก่อนปิดปากเงียบ
เมื่อวานนี้ (22 ก.ย.) เวลา 21.40 น. ตำรวจชุดสืบสวนนำตัวนางเจษฎา ผู้ต้องในคดี ห้องสืบสวนหลังจากสอบปากคำเสร็จ ซึ่งเจ้าตัวมีท่าทีเครียดอย่างเห็นได้ชัด มีท่าทีตื่นตระหนกเมื่อเจอตื่นจากหลายสำนักที่ปักหลักทำข่าว โดยทางตำรวจคุมตัวนางเจษฎาจากห้องสืบสวนเพื่อไปคุมขังชั่วคราวบนห้องขังบนโรงพัก ระหว่างที่มีการคุมตัวทีมข่าวได้สอบถามข้อเท็จจริง ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่นางเจษฎาตอบเพียงว่า “ ไม่ขอชี้แจงใดๆทั้งสิ้น ซึ่งได้ให้ปากคำกับตำรวจไปทั้งหมดแล้ว” ทีมข่าวพยายามจี้ถามเหตุผลที่ก่อเหตุร่วมกับสามี แต่เจ้าตัวไม่ปริปากบอก และย้ำว่า “ขอสื่อ อย่าซ้ำเติม” ก่อนปิดปากเงียบตลอดการเข้าห้องขังบนโรงพัก
จากนั้นภาพวงจรปิดบนโรงพักยังบันทึกนาทีที่นางเจษฎากำลังเข้าห้องขัง ปรากฏว่าเจ้าตัวมีท่าทีลุกลี้ลุกลนและเครียดอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะเข้าไปในห้องขัง
ยันชัด ผล DNA “ส่องศักดิ์-เจษฎา” ตรงกัน!
ภายหลังจากพลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาตำรวจนครบาล ได้สอบปากคำและพูดคุยเบื้องต้นกับญาติของน้องน้ำตาล เด็กหญิงวัย 4 ขวบ ที่มาจากกำแพงเพชร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ได้แจ้งให้รับทราบแล้วว่า ทางนิติเวช รพ.ตำรวจ ได้แจ้งผลตรวจ DNA ของ 2 ศพทารกที่พบในพื้นที่ สน.บางซื่อ เมื่อปี 2556 และ 2557 ซึ่งตรงกับนายส่องศักดิ์ และนางสาวเจษฎา นั่นหมายความชัดเจนแล้วว่า ทั้งคู่มีความสัมพันธ์เป็นพ่อและแม่ที่แท้จริง โดยจากการสอบปากคำตัวนางสาวเจษฎาตลอด 2 วัน ก็สอดคล้องกับคำรับสารภาพที่ตรงกันว่า ได้ไปทิ้งศพเด็กทั้ง 2 คน ที่เป็นลูกของพวกเขาจริง
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตของ 2 ทารก ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ สน.บางซื่อ ที่พบว่าเป็นลูกของนายส่องศักดิ์และนางสาวเจษฎานั้น ผลชันสูตรแพทย์ระบุว่า พบกะโหลกศีรษะแตก มีรอยคลั่งของเลือด และระบบหายใจล้มเหลว ซึ่งผลชันสูตรออกมาชัดเจนว่า “เด็กถูกทำร้ายจนเสียชีวิต”
ชาวบ้านยืนยันพื้นที่ชี้จุดของ เจษฎา ปัจจุบันเปลี่ยนไปหมดแล้ว
ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดฝังศพบริเวณข้างปั๊มน้ำมัน ถนนพหลโยธิน กม.25 แขวงและเขตสายไหม โดยจุดที่ 1 เป็นร่องน้ำ ที่ผู้ต้องชี้จุดไปรอบแรกนานแล้วแต่ล่าสุดนำตัวมาสอบอีกทีแล้วมาชี้จุดครั้งที่ 2 เมื่อวานตอนกลางคืน ปรากฏว่าชี้ผิดจุด ซึ่งห่างจากจุดเดิมประมาณ 45 เมตร
จากการสอบถามชาวบ้านบอกว่าเป็นไปได้ที่จะชี้ผิดจุดเพราะมันเปลี่ยนไปเยอะจากตอนที่นำมาฝัง เพราะเมื่แก่อนเป็นยังไม่มีปั๊มน้ำมัน
สอบถามชาวบ้านที่อาศัยอยู่ ใกล้ๆบริเวณนี้มานาน ซึ่ง นางนิด (นามสมมติ) บอกกับเราว่า ตนบริเวณนี้มานาน ตั้งแต่ปี 2530 แถวนี้มันเป็นป่าหมดเลย เป็นที่ว่างเปล่า ซึ่งเปรียบเทียบกับตอนนี้เปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ กลางคืนมันมืดหมดเลย แล้วก็ค่อนข้างเปลี่ยว คนมาทำอะไรก็จะไม่เห็น จะมีแค่ป้ายรถเมล์เก่าๆ ถ้าเกิดมีใครเอาอะไรมาทิ้งหรือทำอะไรที่ไม่ดีก็ไม่รู้เลย เป็นไปได้ที่จะชี้จุดผิดเพราะเปลี่ยนไปเยอะ มองไม่ออกเป็นป่าไปจนถึงขอบถนน ไม่ได้โล่งขนาดนี้ ไม่มีรั้วกั้นไม่มีอะไรเลย
เปิดข้อความสำคัญ จดหมายเจษฏา เขียนตัดพ้อถึงนายเอ็ม
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับภาพจดหมายที่ น.ส.เจษฎา มีเพียร เขียนตัดพ้อถึงนายเอ็มที่ตำรวจพบในห้อง โดยเป็นภาพจดหมายที่เขียนด้วยลายมือจำนวน 2 ฉบับ มีข้อความดังนี้
ฉบับที่ 1. เหตุการณ์วันนี้มันทำให้เราเข้าใจแล้วว่า เขาไม่ได้อยากใช้ชีวิตอยู่กับเราเลย เขาถึงทำกับเราได้ขนาดนี้ เราเกือบตาย ตัวชา มือชา แขนขาชาเหมือนคนเป็นตะคริวไปทั้งตัว เขาไม่เคยรักไม่เคยสงสารเราเลยจริงๆ
ฉบับที่ 2. ข้าพเจ้านางสาวเจษฎา มีเพียร ขอสาบานนะที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย นะที่นี้และที่อยู่ในมือถือของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอสาบานว่า วันนี้ที่ข้าพเจ้ากดตัดสายโทรศัพท์ นายส่องศักดิ์ ส่งแสง โทรหาข้าพเจ้าสายแรก ตอนที่ข้าพเจ้าทำงานอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊ปักที่ข้าพเจ้าทำงานอยู่ เป็นเพราะข้าพเจ้าเลื่อนผิด เพราะข้าพเจ้าใช้โทรศัพท์ของลูก ข้าพเจ้าไม่ได้ตั้งใจตัดสายทิ้งจริง ถ้าหากข้าพเจ้าพูดโกหก หรือผิดคำสาบาน ขอให้ข้าพเจ้ามีอันเป็นไป ถ้ารอดขอให้ข้าพเจ้าเจ็บป่วยอย่างทุกข์ทรมาน และขอให้ข้าพเจ้าพลัดพรากจาก ด.ญ.วิญดา ส่งแสง ลูกสาวของข้าพเจ้าตลอดไป และขอให้ข้าพเจ้าต้องมีอันต้องติดคุกตาราง ขอให้คำสาบานที่ออกจากคำพูดของข้าพเจ้าเป็นจริง โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ถ้าหากข้าพเจ้าพูดโกหก หรือผิดคำสาบาน สาธุ สาธุ สาธุ
กัน จอมพลัง ทำพิธีเชิญวิญญาณเด็กที่ถูกพ่อและแม่ฆ่าฝังดิน เตรียมทำพิธีบ่ายวันนี้ที่วัด
นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง นิมนต์พระมหาหัน ปิยวัณโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดลาดปลาเค้า เดินทางมายังถนนพหลโยธิน กม.25 เพื่อทำพิธีเชิญดวงวิญญาณเด็กชาย 2 คนที่เสียชีวิตและถูกนำมาฝังไว้บริเวณดังกล่าวเมื่อปี 2559 และ 2561 และดวงวิญญาณของเด็กที่เสียชีวิตอีก 3 คน จากบริเวณอื่นๆ เพื่อเชิญดวงวิญญาณไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยได้นำโลงศพจำนวน 5 โลง เพื่อเป็นตัวแทนเชิญดวงวิญญาณเด็กผู้เสียชีวิต
ด.ญ. เนตรขวัญสุดา
ด.ช.ธีระภาพ
ด.ช.นัฐพงศ์
ด.ช.ธนาทรัพย์
ด.ช.ศักดิ์ดา
สำหรับการทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ได้ปูผ้าขาว ตั้งน้ำ ดอกไม้ ธูปเทียน และนำโรงศพจำนวน 5 โลง ที่ติดชื่อของเด็กที่เสียชีวิต มาตังทำพิธีอยู่ด้านข้าง จากนั้นมีการจุดธูปไหว้ต่อเจ้าที่เพื่อให้เปิดทาง และสวดเชิญวิญญาณ ก่อนจะเคลื่อนย้ายโรงทั้งหมดไปทำพิธีทางศาสนาต่อที่วัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหารบางเขน
"พล.ต.ต.นพศิลป์" "กัน จอมพลัง" ร่วมส่งดวงวิญญาณ 5 เหยื่อพ่อใจร้าย
วันที่ 23 ก.ย 66 ที่วัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหาร บางเขน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นประธานในพิธีส่งดวงวิญญาณ 5 เหยื่อพ่อใจร้าย ภายหลังกัน จอมพลัง ได้นิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณลูกๆทั้ง 5 ราย ลงสู่โลงเปล่าจำนวย 5 โลง จากบริเวณจุดทิ้งศพลูกชายทั้ง 2 คน ใกล้ปั๊มแห่งหนึ่งริมถนนพหลโยธิน 56 มาตั้งประกอบพิธีฌาปนกิจโลงและวางดอกไม้จันท์ที่ศาลา 4 วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
โดยมีญาติของนางสุนัน ภรรยาคนล่าของนายเอ็ม ผู้ก่อเหตุและเป็นแม่ของน้องโมเดลวัย 2ขวบ ที่พบเสียชีวิตในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรมาร่วมในพิธีสวดมาติกาบังสุกุล ถวายสังฆทาน และถวายผ้าบังสุกุล ก่อนที่พล.ต.ต.นพศิญาติและผู้ร่วมงานจะร่วมกันวางดอกไม้จันทน์หน้าโลงศพ ทั้ง 5 โลง เพื่อร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย
ด้านน้องฟิล์ม อายุ 22 ปี ลูกสาวของนางสุนัน พี่สาวของเด็กหญิงวัย4ขวบและ น้องโมเดลวัย 2ขวบพี่เสียชีวิตพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร บอกว่าที่ผ่านมาตัวเองไม่รู้มาก่อนเลยว่าน้องสาววัย4ขวบถูกนายเอ็มทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บและพิการ เพิ่งจะรู้เรื่องตอนที่ออกข่าวยอมรับว่าตกใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้ารู้ว่านายเอ็มมีพฤติกรรมรุนแรงทำร้ายร่างกายแม่และน้องแบบนี้ ตัวเองก็จะบอกให้แม่เลิกกับนายเอ็ม ซึ่งที่ผ่านมาแม่ไม่เคยเล่าเหตุการณ์ความรุนแรงให้ตัวเองฟังมาก่อน หลังจากนี้หากแพทย์รักษาอาการบาดเจ็บของน้องวัย4ขวบ แล้วตัวเองก็ยินดีที่จะพาน้องกลับไปดูแลต่อและไม่อยากให้ใครพาน้องไปเลี้ยงแทน
ขณะที่นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง กล่าวว่า สำหรับอาการของลูกเอ็มและนางสาวสุนัน วัย4ขวบที่ถูกทำให้ปากเกว่ง เพื่อรับบริจาค เบื้องต้นยังอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการบอบช้ำ และร่างกายที่ผอม โดยขั้นตอนการรักษาหลังจากนี้ได้ประสานคณะแพทย์โรงพยาบาลวชิระ และโรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ ที่จะเข้ามาช่วยเรื่องศัลยกรรม ซึ่งจะเริ่มรักษาให้เร็วที่สุดหลังจากร่างกายแข็งแรง เพราะหากรักษาล่าช้าอาจมีปัญหาเรื่องการพูดและใช้ชีวิตในอนาคต
ส่วนหลังการผ่าตัดจะกลับมาเป็นปกติ 100% หรือไม่ ทางแพทย์แจ้งว่า ไม่กลับมา 100% จะกลับมาในระดับ 60 ถึง 70% ในระดับที่ใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ทั้งเรื่องการรักษาความสะอาด การพูดและการกินอาหาร ก็สะดวกมากขึ้น โดยการผ่าตัดได้รับการยืนยันจากแพทย์ว่าต้องผ่าตัดหลายครั้ง
ขณะที่เรื่องดวงตาของน้องก็พบว่ามีปัญหาตาขุ่น ส่วนนี้ก็จะเร่งรักษา หลังจากร่างกายกลับมาเป็นปกติเช่นกัน