"เสรีพิศุทธ์" เชื่อค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก "ชกใต้เข็มขัด" หวังผลดิสเครดิต ก่อนตั้ง ผบ.ตร. เตือน เศรษฐา อย่าถูกหลอก อ่านกฎหมายตำรวจให้แม่น ระวังติดคุกได้
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก พรรคเสรีรวมไทย โดยพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวประเด็น เมื่อเวลา 08.00 น. ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) นำหมายค้น เข้าตรวจสอบบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. และบ้านที่ซื้อไว้ให้ลูกน้องพักรวม 5 หลัง ภายในหมู่บ้าน ซอยวิภาวดี 60 หลังสโมสรตำรวจ หลังพบมีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์
เบื้องต้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อยู่ในบ้านพัก และปฏิเสธการเข้าตรวจค้น ขณะนี้กำลังรอให้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ร่วมเข้าเจรจาขอตรวจค้น ซึ่งพบว่ามีตำรวจชุดสอบสวนกลาง ชุดคอมมานโดจำนวนหนึ่งสแตนบาย
จับกุมตัวตำรวจคนสนิท"บิ๊กโจ๊ก"เตะตัดขานั่ง"ผบ.ตร."?
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุว่า ในเรื่องนี้ให้แยกกัน เบื้องต้นมีการไปจับกุมผู้ใต้บังคับบัญชาบิ๊กโจ๊กเป็นการเตะขาหรือไม่ กับ ประเด็นการไปค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก ถือเป็นคนละส่วนกัน
เมื่อพูดถึงการเข้าไปตรวจค้นบ้านของผู้ใต้บังคับบัญชา"บิ๊กโจ๊ก" ความจริงก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ผบ.ตร. ของ รอง ผบ.ตร.คนอื่นทั้งหมด เพราะการเป็น ผบ.ตร. , รองผบ.ตร. , ผช.ผบ.ตร.
"ไม่ได้หมายความว่า เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ได้เหมือนกันหมด และในการที่จะไปตรวจค้นตำรวจคนหนึ่ง 2 คน 3 คน แล้วบอกว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา มันก็ไม่น่าจะใช่ เพราะว่าไม่ได้ขึ้นตรงเพียงแต่ว่าได้ใช้เท่านั้น" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุ
ประจวบเหมาะ มีเรื่องในช่วงนี้จะเกี่ยวข้องไหมกับการที่จะมีการแต่งตั้งผบ.ตร.?
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ก็เห็นเขาว่าใกล้จะตั้งแล้วผบ.ตร. ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ ก็พยายามแต่งตั้งมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพลเอกประยุทธ์ จะเสนอใคร แต่ถูก ก.ตร.หลายท่านคัดค้าน โดยเป็นการคัดค้านด้วยเหตุผล ทำให้พลเอกประยุทธ์ยอมถอย ก็เลยตกมาเป็นภาระของนายกคนใหม่นายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งจะต้องเป็นผู้แต่งตั้งผบ.ตร.
"ซึ่งนายกต้องรู้เข้าใจกฎหมายตำรวจที่ออกใหม่ จากที่ได้อ่านดูพบว่าส่วนดีก็มีส่วนไม่ดีก็มี เพราะฉะนั้นนายกฯต้องเข้าใจในส่วนนี้"
ซึ่งนายกเศรษฐาเป็นคนนอกวงการ ถ้าเคยอยู่ในวงการการเมืองบ้างก็อาจจะเข้าใจบ้าง แต่ถ้าอยู่นอกวงการเลย ก็จะไม่เข้าใจเลย เพราะพ.ร.บ.ตำรวจ มีเป็น 181 มาตรา จะมานั่งศึกษาอย่างไร บ้านเมืองมีปัญหาตั้งเยอะแยะต้องแก้ไข นายกฯจะมาอะไรกับพ.ร.บ.ตำรวจมากนัก โดยส่วนตัวเชื่อว่านายกฯน่าจะไม่เข้าใจ การแต่งตั้งต่างๆ ถ้าไม่ทำให้ถูกต้องรัดกุม จะถูกดำเนินคดีด้วย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนโดยเฉพาะการไปค้นบ้านคนระดับเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผมเป็นตำรวจมาจนเกษียณมาตั้งนาน ก็ไม่เคยเห็น แต่การที่จะล้มล้างเอาตำแหน่งยอมรับว่ามีมาก่อน
การค้นบ้านระดับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่รองผบ.ตร. ไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่ทำไมคราวนี้มี ซึ่งการไปขอหมายศาลเพื่อเข้าตรวจค้นจะต้องมีการระบุชื่อเจ้าของบ้านเลขที่บ้าน ที่จะตรวจค้น ด้วยมูลเหตุอะไร ซึ่งต้องมีพยานหลักฐานเข้าไปด้วย ไม่เช่นนั้นจะไม่ผ่านการพิจารณาของศาล
โดยส่วนตัวคิดว่าถ้ามีการระบุชื่อ ว่าจะมีการตรวจค้นบ้านพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ศาลคงไม่ให้ตรวจค้น ก็ไม่รู้ว่าคนที่ไปขอหมายค้นคดีข้อเท็จจริงให้ศาลอย่างไร แต่ที่สำคัญพบว่าการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ 1.ไปค้นบ้านตำรวจข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มันต้องมีพยานหลักฐานแน่นหนา และไม่มีพลาด อย่างเช่นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่มีการตรวจค้นบ้านปลัดกระทรวงคมนาคม และผลการตรวจค้นพบเงินหลักฐานจำนวนมากซึ่งเป็นเงินทอน ทำให้ถูกดำเนินคดี แต่ในการตรวจครบวันนี้กลับไม่พบการกระทำความผิดไม่มีหลักฐานใดๆทั้งสิ้น
"ทำให้คิดได้ว่าคนเบื้องหลังที่จะเข้าไปตรวจค้นมีพฤติการณ์อย่างไรที่ตั้งใจความผิดอาญาหรือหละหลวม เธอมองเพลงว่าคนนี้เป็นลูกน้องของคนนี้ก็เอาแล้วคงไม่ได้หรอกระดับสูงต้องชัดเจน"
มีรายงานข่าวว่ามีตำรวจบางนายระบุว่าไม่ทราบว่าระหว่างตรวจค้นนั้นคือบ้านของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพล.ต.สุรเชษฐ์ มีความเป็นไปได้หรือไม่?
"คือตำรวจผู้น้อยอาจจะไม่รู้ แต่ตำรวจผู้ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังที่ไม่ปรากฏตัวกับตำรวจผู้ใหญ่ที่เป็นตัวฉากหน้า ที่ต้องเข้าไปดำเนินการควรจะรู้ และที่สำคัญระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถ้าถูกต้อง ก็ต้องให้ตรวจค้น แต่ทำไมถึงต้องเอาตำรวจคอมมานโดไปด้วย ซึ่งตำรวจเข้ามาดูถูกตั้งมาให้ทำงานอย่างนี้เหรอ ชุดคอมมานโดจะไปสู้กับใคร ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ใครผิดวัตถุประสงค์ เพราะฉะนั้นมองทุกการตรวจค้นครั้งนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง และถ้าจะให้ใครวิเคราะห์เชื่อว่าจะต้องมีสาเหตุมาจากการที่จะแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในครั้งนี้"
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถามกลับผู้สื่อข่าว ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเช่นนี้จากการวิเคราะห์ อย่างไรในอีก 2 วัน จะแต่งตั้งผบ.ตร. ผลจะเป็นอย่างไร จะแต่งตั้งผู้อาวุโสอันดับ 1 ไหม หรือ อันดับ 2 อันดับ 3 อันดับ 4 คิดว่ามีผลภายนอกมาครอบงำนายกหรือไม่ ถ้าพูดกับเขาคิดเช่นนี้ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ฝากเตือนถึงนายกรัฐมนตรีต้องคิดให้รอบคอบ พร้อมยกกฎหมายพ.ร.บ.ตำรวจ ตามมาตรา 77 (1) การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเฉพาะครั้งนี้ให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรายชื่อโดยให้นายกรัฐมนตรี คำนึงถึงความอาวุโส ความรู้ความสามารถประกอบกัน
"ซึ่งที่ผ่านมาในอดีต จะแต่งตั้งอันดับ 1 หมดไม่มีที่จะมาตั้งอันดับรองจากนั้น ซึ่งในระยะหลังๆการเมืองเข้ามาแทรกมาก
ถ้าเป็นลักษณะนี้จะเข้าตามอาวุโสและอันดับ 2 อันดับ 3 อันดับ 4 จะไม่มีการคิดไม่คิดเลื่อยขาเก้าอี้ ไปส่งชิงวิ่งราวเพื่อให้ได้ตำแหน่งนี้ ไปประจบสภการเมืองผู้มีอำนาจไปแสวงหาผลประโยชน์ประจบสอพลอเขาและทางนี้ก็จะแต่งตั้งใครก็ได้ เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น"
แต่พอระยะหลังเริ่มมีการข้ามความอาวุโส เพราะปล่อยให้มีการวิ่งเต้น ให้มีการแสวงหาผลประโยชน์และแต่งตั้งข้ามอาวุโสไป" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุ
ในเรื่องของการแต่งตั้งผู้บังคับบัญชาไม่ทำตามหลักเกณฑ์ ถือว่ากระทำผิดวินัย ตามมาตรา87
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่จะเกิดขึ้นนี้ ไม่อยากให้นำกรณีการบุกค้นบ้านพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ มาประกอบการพิจารณา เพราะเหตุการณ์เมื่อเช้านี้มองว่าเป็น “วิธีที่สกปรกชกใต้เข็มขัด” ไม่ควรมีเหตุการณ์นี้ นอกจากนี้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ยังมองว่าเหตุการณ์นี้เป็นการข่มขวัญพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ดิสเครดิตทำให้เสียภาพพจน์ เพราะหากเจออะไรที่ผิดกฎหมายถึงขั้นหมดอนาคตในวฃการตำรวจ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าไม่แน่ บ้านไหนตำรวจอาจจะมีอาวุธปืนเถื่อนและเครื่องกระสุนที่ผิดกฎหมาย เพราะเอามาใช้ในการปฏิบัติงาน
ส่วนที่มีตั้งคำถามว่าพฤติกรรมของลูกน้องคนสนิทกระทำความผิดแบบนี้ เป็นไปได้หรือไม่ได้หรือไม่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์จะไม่ทราบ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์มองว่ามันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ต้องพิจารณา ตามพยานหลักฐานและเหตุผล แต่เท่าที่ตัวเองติดตามข่าวในวันนี้ไม่พบเส้นทางการเงินที่จะเชื่อมโยงไปยังพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ แต่ก็ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ ดังนั้นจะมาบอกว่าเค้ารู้ได้อย่างไร เพราะพฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งย้อนกลับไปสมัยที่ตัวเองเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็มีรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีการไปฮั้วกับนายกรัฐมนตรี คือนายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งมีความเขี้ยวกว่านายเศรษฐา 1000 เท่า 10,000 เท่า พอได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็สั่งปลดเสรีพิศุทธ์ตั้งพัชรวาทมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแทน
“ดังนั้นจึงขอเตือนนายเศรษฐาว่าระวังจะถูกหลอกเหมือนนายสมัคร เพราะ ตอนนั้นนายสมัครก็มีการเรียกเงินตัวเองถึง 80,000,000 บาท จนตัวเองต้องไปฟ้องศาล และคำวินิจฉัย ก็เป็นคุณประโยชน์กับตัวเอง เสียดายที่นายสมัครเสียชีวิตไปก่อน ตัวเองเลยโดนเล่นงานฟรีเรียกร้องค่าเสียหายอะไรไม่ได้”
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ยังมองว่า ตอนนี้สถานการณ์ในองค์กรตำรวจแบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งฝ่ายกัน แก่งแย่งชิงดีกัน ซึ่งจะแก้ไขอย่างไรนั้นผู้นำต้องดีก่อน แต่เชื่อว่าองค์กรตำรวจจะไม่ล่มสลายเช่นเดียวกับประเทศไทยเช่นเดียวกับประเทศไทย
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ยังเสนอแนะไปยังพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ว่า หากเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ต้องสู้ ตนยังสู้จน คนอื่นแพ้ภัย ส่วนจะสู้อย่างไรนั้นก็ให้ไปดูว่าการค้นบ้านครั้งนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และความเห็นส่วนตัวก็มองว่าพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ก็มีความรู้ความสามารถ แต่คนที่เหมาะจะนั่งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ควรเป็น พลตำรวจเอกรอย อิงคไพโรจน์ เนื่องจากมีทั้งความอาวุโสและผลงานที่ชัดเจน