กรณีมีคลิปที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร้องเพลงคู่กันกับ "มินนี่" เจ้าของเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ โดยพบว่าภายในงานเลี้ยงดังกล่าว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้ร่วมงานด้วย
ล่าสุด นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ ที่ปรากฏในคลิปบิ๊กโจ๊กร้องเพลงกับมินนี่ได้โพสต์ข้อความบางช่วง ระบุว่า ในส่วนคดีที่เป็นข่าวใหญ่ในวันนี้ ไม่เกี่ยวกับผม และผมยินดีให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบครับ ส่วนใครที่โยงมั่ว ก็ต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเองกันด้วยนะครับ
*เปิดประวัติพล.ต.ต.นำเกียรติ
โดยการออกหมายจับ 8 นายตำรวจครั้งนี้ 1 ในนั้น คือ พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจน์พงษ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรม บช.น. โดยมีผลงานคดีดังหลายคดี เช่นคดีการเสียชีวิตพริตตี้สาวลัลลาเบล , คดีแอมไซยาไนด์ , คดี 6 นายตำรวจเอี่ยวช่วยผู้ต้องหาหลบหนี ในคดียิงพ.ต.ท.ศิวกร สายบัว สารวัตรแบงค์
*เปิดเส้นทางตำรวจ"เขมรินทร์"
อีก 1 คน ที่ถูกจับตามองอย่างมาก นั้นคือพ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ซึ่งเป็นคนสนิทพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งเส้นทางตำรวจข้าราชการสำคัญ เป็นพนักงานสอบสวน สบ.1 สน.นางเลิ้ง , รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม สน.มักกะสัน , รองสารวัตรสืบสวน สน.คลองตัน , รองผกก.สืบสวน สน.บางกอกใหญ่ , รอง ผกก.สืบสวน สน.ห้วยขวาง
ส่วนคดีสำคัญ คือ เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีกำนันนก จ.นครปฐม
ส่วนความคืบหน้ากรณีของพ.ต.อ.ภาคภูมิพิศมัย ตำแหน่งผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ซึ่งเป็น 1 ใน 8 นายตำรวจ ที่ถูกออกหมายจับ
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปที่บ้านของ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พบว่า เจ้าตัวมีบ้านอยู่ในตัวเมืองขอนแก่น จำนวน 2 หลัง หลังที่ 1 ตั้งอยู่ภายในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เมื่อทีมข่าวเดินทางไปถึงพบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านพักหลังใหญ่ (สองชั้น) ภายในบ้านพบว่า มีดวงไฟเปิดอยู่ และประตูด้านในบ้านเปิดกระจกไว้รับลมคล้ายกับมีคนอยู่ ส่วนประตูด้านหน้าบ้านพบถูกปิดโดยมีการคล้องกุญแจจากด้านใน ต่อมาทีมข่าวได้ตะโกนเรียกและกดกริ่งเพื่อจะสอบถามคนที่อยู่ภายในบ้าน แต่ไม่มีเสียงตอบรับ
ต่อมาทีมข่าวได้สอบถามเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามให้ข้อมูลว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็น พ.ต.อ.ภาคภูมิ จริง แต่เจ้าตัวได้ย้ายไปอยู่หมู่บ้านแห่งใหม่ได้นานหลายปีแล้ว แล้วตนเองไม่ได้เห็น พ.ต.อ.ภาคภูมิ กลับมาที่บ้านหลังนี้สักพักใหญ่แล้ว ยอมรับว่าตกใจกับข่าวที่ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ถูกออกหมายจับว่าพัวพันเว็บพนันออนไลน์ และไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่นัก เนื่องจากที่ผ่านมา พ.ต.อ.ภาคภูมิ ถือเป็นตำรวจหนุ่มไฟแรง และเป็นตำรวจน้ำดี ตนเองเพื่อนบ้านยังติดตามข่าวว่า เจ้าตัวมักจะเดินทางไปช่วยทำคดีใหญ่ๆ ช่วย “บิ๊กโจ๊ก” อยู่ตลอด คดีล่าสุดก็คดีกำนันนก ซึ่งหาก พ.ต.อ.ภาคภูมิ มีความผิดจริง ตนเองและรู้สึกเสียดาย เนื่องจากที่ผ่านมา พ.ต.อ.ภาคภูมิ หากพบเจอกับตนเองก็มักจะยิ้มทักทาย และอัธยาศัยดี อ่อนน้อมถ่อมตน ยกมือไหว้พวกตนเองอยู่เสมอ
*พิมพิลาส พลเรือน ออกรถฟอกเงิน?
ขณะเดียวกันทีมข่าวช่อง 8 ได้ตรวจสอบข้อมูลของ 1 ในผู้ต้องหาที่เป็นพลเรือนที่ถูกออกหมายจับ คือ นางสาวพิมพิลาส ซึ่งขณะนี้เธอยังอยู่ระหว่างหลบหนี
จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อ 22 กันยายนที่ผ่านมา (3 วันก่อนถูกมีการบุกจับ) ตัวเธอและแฟนหนุ่ม นั่นคือ นายบัณฑิต ซึ่งถูกออกหมายจับและถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ได้เดินทางไปถอยรถยนต์ป้ายแดงมาหมาดๆ ภายในโชว์รูมรถยนต์แห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ราคาประมาณ 1.89 ล้านบาท
ซึ่งต้องมาตรวจสอบว่า การออกรถครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือไม่
วันนี้ทีมข่าวช่อง8 ไปคุยกับคุณปุ๋ยเป็นนามสมมุติ ปรากฏว่าปุ๋ยก็ยอมรับว่า 1 ใน 15 คน ที่โดนจับวันนี้ มาดาวน์รถไป 1 ล้าน แล้วก็เพิ่งถ่ายรูปกับรถไปเมื่อ 3 วันก่อน ชาวบ้านเนี่ยอย่างปุ๋ยเอง ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เบื้องต้น รถยังไม่ได้ถูกยึด ส่วนที่ว่ามันจะไปเกี่ยวการฟอกเงินหรือไม่ ชาวบ้านบอกอันนี้ไม่รู้ แต่รู้ว่าก็มีเงินในการดาวน์รถ 1 ล้าน
ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจค้นภายในบ้านพักของนางสาวพิมพิลาส เพื่อเก็บข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม และเดินทางไปติดตามตัวนางสาวพิมพิลาสที่บ้านพัก แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงยังไม่พบตัวนางสาวพิมพิลาสแต่อย่างใด โดยพบเพียงแต่รถยนต์ฟอร์ดเอเวอเรสต์สีดำที่เจ้าตัวเพิ่งถอยออกมาได้3 วันจอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเข้าไปตรวจสอบภายในบ้านอยู่ถึงขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ
ต่อมาทีมข่าวได้สอบถามเพื่อนบ้านให้เป็นข้อมูลว่าบ้านหลังดังกล่าว มีนางสาวพิมพิลาสและนายบัณฑิตแฟนหนุ่ม พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ประมาณ 5 ปีกว่าแล้ว โดยทั้งสองคนไม่ค่อยส่งเสียงกับเพื่อนบ้านเท่าไหร่นัก และพวกตนเองก็เพิ่งทราบข่าว ว่าทั้งสองถูกออกหมายจับ