ผู้ค้าศูนย์อาหารอาคารดัง ย่านสีลม ร้องกองปราบฯ โดนเรียกเก็บเงินค่าเช่าที่ล่วงหน้า รวมกว่า 1 ล้านบาท อ้างมีลูกค้ามาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 3 พันคน แต่ขายจริงเจอลูกค้าวันละ 80-100 คนเท่านั้น ซ้ำ พอไปต่อไม่ไหวขอเงินคืนกลับไม่ให้
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 26 กันยายน 2566 มีรายงานว่า ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พาตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.เกียรติบดินทร์ วงศ์งาม สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความกรณีถูกฉ้อโกงค่าเช่าที่ค้าขาย ของอาคารชื่อดัง ย่านสีลม เหตุเกิดระหว่างเดือนเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม ที่ผ่านมา สูญเงินกว่า 1,000,000 บาท
เบื้องต้นแจ้งความ สน.ทุ่งมหาเมฆ ทำได้แค่ลงประจำวันเป็นหลักฐาน มองว่าเป็นคดีแพ่ง แนะนำไปปรึกษาทนาย พอไปติดต่อทนายความก็โดนเรียกค่าใช้จ่ายก่อนจนไม่มีเงินจ่าย หลายคนแม้แต่เงินจะเดินทางมาแจ้งความกองปราบฯ ก็ยังไม่มี จึงอยากจะร้องขอความช่วยเหลือตำรวจกองปราบฯ
จ่าคิงส์ กล่าวว่า อาคารมีชื่อแห่งหนึ่ง ย่านถนนพระราม 4 สีลม อาคารดังกล่าวปล่อยให้บริษัทฯ เข้ามาเช่าช่วงพื้นที่ทำโครงการศูนย์อาหาร มีการโฆษณาเชิญชวนทางสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ระบุว่าถ้ามาขายที่นี่จะมีรายได้ดี เพราะมีคนมาใช้บริการต่อวัน 2-3,000 คน แต่เมื่อพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาเช่าที่ขายอาหารเครื่องดื่ม ที่มีการเก็บค่าเช่าล่วงหน้าระหว่าง 80,000 - 200,000 บาท กลับมีคนมาใช้บริการแต่ละวันไม่ถึง 100 คน ทำให้ผู้ค้าที่เข้าไปลงทุนได้รับความเสียหาย ไม่เป็นไปตามที่ประกาศเชิญชวนของโครงการ เมื่อจะขอเงินล่วงหน้าที่เรียกเก็บไปก่อนก็ไม่ยอมคืน ถือว่าเป็นการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน
น.ส.เอ (นามมสมมุติ) อายุ 34 ปี แม่ค้าส้มตำ กล่าวว่า โครงการฯ ดังกล่าวได้โฆษณาในเพจเฟซบุ๊กโดยโพสต์ว่ามีพนักงานในตึกแห่งนี้จำนวน 3-4,000 คน ที่จะมาใช้บริการศูนย์อาหารแห่งนี้ ซึ่งมีแห่งเดียวภายในตึก ตนจึงสมัครเข้าไปร่วมโครงการด้วย แต่เมื่อเข้าไปขายส้มตำแล้วกลับขายไม่ได้เพราะไม่ตรงกับที่โฆษณาไว้ เนื่องจากยังมีร้านอาหารอีกมากมายด้านล่างของอาคารนี้ นอกจากนี้ความสะอาดของทางศูนย์ฯ ยังไม่ได้มาตรฐานปล่อยให้มีแมลงสาบเข้าไปพื้นที่เตรียมจำหน่าย สร้างความเดือดร้อนรำคาญกับผู้ค้าและผู้บริโภคที่มาใช้บริการ ตนต้องจ่ายค่าแรกเข้าจำนวน 75,000 บาท ไม่รวมรายจ่ายค่าวัตถุดิบที่ต้องเตรียมขายแต่ละวันอีกต่างหาก
ขณะที่ นายสมชาย (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี เจ้าของร้านข้าวมันไก่ เผยว่า ทางโครงการอ้างว่า ผู้มาร่วมขายของกับทางศูนย์ฯ จะได้ที่จอดรถฟรี แต่จริง ๆ ต้องจ่ายชั่วโมงละ 50 บาท ทำให้แต่ละวันมาจอดคันหนึ่งตก 4-500 บาทต่อคัน อีกทั้งยังมีการันตีคนมาซื้ออาหารวันละไม่ต่ำกว่า 3,000 คน อ้างร้านเก่าที่ออกไปขายได้วันละ 3-5,000 บาท ซึ่งตนขายอยู่ 3 เดือน จากที่เคยขายได้วันละ 1,000 คน ก็ลดลงเรื่อย ๆ เดือนสุดท้ายเหลือคนมากินวันละ 80-100 คนเท่านั้น ตนต้องเสียค่าเช่ารายปีที่เรียกเก็บไปก่อนล่วงหน้า 125,000 บาท ยังไม่รวมค่าอุปกรณ์และวัตถุดิบอีกประมาณ 200,000 บาท ทำได้อยู่ 3 เดือน ทนขาดทุนไม่ได้จึงหยุดกิจการ แต่ทางโครงการฯ บอกรอให้รายใหม่เข้ามาขายแทนก่อน
น.ส.เปิ้ล (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี บอกว่า ตนขายน้ำและเครื่องดื่มจ่ายเงินล่วงหน้าไป 140,000 บาท ทำสัญญา 2 ปี ที่ระบุว่าแต่ละร้านห้ามไม่ขายซ้ำกันก็ไม่จริง พ่อค้าแม่ค้าที่เข้าไปขายแค่สัปดาห์แรกก็ถอย บางรายทิ้งเงินล่วงหน้าเลยก็มีหลายราย เช่นรายที่ขายหมูทอด ยอมทิ้งเงิน 85,000 บาทไปเลย เพราะไม่ต้องการแบกภาระขาดทุนรายวันเพิ่มอีก ขายได้ 2 เดือน ไปต่อไม่ไหว ทางโครงการฯ บอกขายไม่ได้ก็ออกไป รอคนอื่นมาเซ้งพื้นที่ แต่เมื่อมีคนเอาพื้นที่ตนไปแล้วก็ยังไม่ยอมคืนเงินอีก บอกให้ตนไปหาคนมาเซ้งก่อน
ทั้งนี้ ตนรวบรวมเพื่อนพ่อค้าแม่ค้าได้ประมาณ 10 ราย วงเงินที่โดนเรียกเก็บล่วงหน้ากว่า 1,000,000 บาท เคยไปแจ้งความตำรวจก็ได้แค่ลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ปรึกษาทนายก็จะเรียกเก็บเงินค่าว่าความอย่างเดียว ไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของพวกตนเลย ขอความช่วยเหลือจากใครก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือเลย บางคนไม่กล้าออกมาแจ้งความเกรงว่าจะไม่ได้เงินคืนก็ทนรอต่อไป
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายแต่ละคนเพื่อดำเนินการเรียกผู้ประกอบการศูนย์อาหารของอาคารดังกล่าว มาเจรจาตกลงกันถ้ายอมความได้ หากตกลงไม่ได้ก็จะต้องดำเนินคดีฉ้อโกงต่อไป