*"บิ๊กโจ๊ก"ยื่นขอศาลไต่สวนพิรุธหมายค้น
ส่วนเหตุผล ที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นขอศาลไต่สวน หลังพบพิรุธหมายค้น โดยระบุว่าเหตุผลที่ขอหมายค้นบ้านระบุว่า เพื่อเข้าจับกุมสารวัตรนนท์ นายตำรวจติดตาม และมีข้อมูลว่าอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ผู้ขอหมายค้นจากศาล ต้องรู้อยู่แล้วว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์อาศัยอยู่บ้านหลังที่ตรวจค้น การไปขอหมายจับไม่ได้ระบุยศตำรวจ ใส่เพียงคำนำหน้าชื่อเป็นนายทั้งหมด ทำให้ศาลไม่ทราบ
*"จิรภพ"แจงส่งคอมมานโดร่วมตรวจค้น
ทีมข่าวช่อง8 ได้สอบถามปมประเด็นพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ถูกบุกค้นบ้านเมื่อวานนี้ สืบเนื่องมาจากการทำคดีกำนันนกหรือไม่
เรื่องนี้ พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยืนยันว่า ตำรวจสอบสวนกลางไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบุกค้นบ้านในครั้งนี้เป็นชุดทำงานดำเนินการ เชื่อว่าการทำคดีของกำนันนกของพี่โจ๊กนั้น ไม่ได้มีผลสืบเนื่องไปถึงการค้นบ้านของบิ๊กโจ๊กเมื่อวานนี้
ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า การค้นบ้านบิ๊กโจ๊กนั้นมีหน่วยคอมมานโด เข้ามาร่วมปฏิบัติการด้วย ทางพลตำรวจโทจิรภพ บอกว่า ทางหน่วยคอมมานโดนั้นมีการขึ้นตรงกับทางฝั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมากที่สุด ซึ่งถ้ามีความต้องการให้หน่วยคอมมานโด ไปร่วมปฏิบัติการ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องประสานเอง ทางฝั่งสอบสวนกลางไม่ได้รู้เรื่องด้วย
พลตำรวจโทจิรภพ ยังเปิดเผยอีกว่า ตนเองได้ยินแว่วๆ ว่าจะมีการค้นบ้านของบิ๊กโจ๊ก แต่ไม่รู้ว่ามีการประสานหน่วยคอมมานโดเข้าไปร่วมภารกิจในครั้งนี้ ส่วนจะเป็นการตัดขาบิ๊กโจ๊ก ไม่ให้ขึ้นตำแหน่งผบ.ตร.หรือไม่
พลตำรวจโทจิรภพ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการเตะตัดขาใดๆ สอบสวนกลาง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ เราไม่ฝักใฝ่ตำแหน่ง เรายุ่งแต่กับเรื่องงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การค้นบ้านของบิ๊กโจ๊กเมื่อวานนี้ พบว่ามีพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และรักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เข้ามาร่วมอยู่ในภารกิจด้วย
พลตำรวจโทจิรภพ กล่าวว่า บิ๊กเต่า เป็นผู้การปปป. และรักษาราชการแทนผู้การตำรวจทางหลวง เจ้าตัวอาจจะไปที่หน้าบ้านบิ๊กโจ๊กในนามส่วนตัว สังเกตว่า ในพื้นที่ไม่มีกองกำลัง ของปปป.ไปด้วย
มีคนตั้งข้อสังเกตว่า บิ๊กโจ๊ก และบิ๊กก้อง ทำงานต่างกันมาก บิ๊กโจ๊กแถลงทุกวัน เรื่องนี้
พลตำรวจโทจิรภพ กล่าวว่า การทำงานของแต่ละคน แต่ละที่ไม่เหมือนกัน ตนเองเกาะติดคดีตลอดอยู่แล้ว แต่ข้อมูลต่างๆต้องให้ชัวร์เสียก่อน แล้วค่อยมาแถลงข่าวทีเดียว
*เปิดผังผู้ใต้บังคับบัญชา
เมื่อไล่เปิดความสัมพันธ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับนายตำรวจที่ถูกออกหมายจับ ประกอบด้วย ลูกน้องใกล้ชิดเรื่องการทำงาน พล.ต.ต.นำเกียรติ , พ.ต.อ.ภาคภูมิ , พ.ต.อ.เขมรินทร์ , พ.ต.ต.ชานนท์ สารวัตรติดตาม , พ.ต.ท.คริษฐ์ ลูกน้องรับผิดชอบการโอนเงินค่าใช้จ่ายส่วนตัว
*เส้นทางการเงินเครือข่ายเว็บพนัน
ทีมข่าวช่อง8 ไล่เรียงเส้นทางการเงิน ของพ.ต.อ.ภาคภูมิ มีการโอนเงินเข้าบัญชีของพุฒิพงษ์
และจะถูกโอนผ่านบัญชีม้าอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นของนายครรชิต โดยมี พ.ต.ท.คริษฐ์ ถือบัญชี
ก่อนที่จะมีการโอนต่อ ไปยังพ.ต.อ.อาริศ 424,000บาท , พล.ต.ต.นำเกียรติ 450,000 บาท , พ.ต.อ.เขมรินทร์ 420,000 บาท รวมทั้งยังพบมีตำรวจอีกหลายนายได้รับเงินโอนเข้าบัญชี
*เปิดคำอดีต"ชูวิทย์"เคยเตือนไว้
ล่าสุดโลกออนไลน์มีการย้อนคลิปของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ซึ่งให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา โดยครั้งนั้นเป็นช่วงที่ นายชูวิทย์ ออกมาพูดเตือนถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ภายใต้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สิ่งที่ต้องระวังในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร. คือ คนใกล้ตัว ที่มักจะทำให้ตกอับดับแสง
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ฝากเตือนไปถึง พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ต้องระวัง หากจะเป็นเบอร์ 1 ในอนาคต ไม่มีปัญหาหรอก ตามคิว แต่ถ้าเกิดไม่ระวังตัวก็อาจจะตกคิวได้ ตนไม่ทราบ พร้อมยกตัวอย่างคนรอบข้าง บิ๊กโจ๊ก ที่มีพฤติกรรมชอบอวด ชอบโพสต์ ถามจริง ๆ ว่ามี ผบ.ตร. คนไหนทำแบบนี้ไหม ถ้าไม่มี ตนก็ได้แค่เตือนนิ่ม ๆ จะโกรธกันก็ไม่ว่า ตนแก่แล้ว เตือนด้วยความหวังดี
นอกจากนี้ ชูวิทย์ยังฝากเตือนบิ๊กโจ๊กถึงความสนิทสนมกับ ทนายตั้ม ว่าทนายตั้มอาจใช้ความสนิทกับบิ๊กโจ๊กสร้างเครดิตให้ตัวเอง คนจะเป็น ผบ.ตร. ได้ ควรวางตัวดี ไม่ควรให้คนอื่นมาสนิทและนำชื่อไปหากิน พร้อมกับย้ำว่า ตำรวจด้วยกันกลิ่นมันไว ทิ่มได้เป็นทิ่ม และมีคนจองกฐินยาว ระวังจะไม่ได้เป็น ผบ.ตร. เพราะน้ำผึ้งหยดเดียว
*พล.ต.ท.อำนวย เคลียร์ปมการค้น
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน กรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวข้องกับการขอหมายค้น โดยระบุว่า "" การค้นนั้น!! ........ สำคัญไฉน?? "
กระผมบรรยายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เรื่องการค้น การจับ การสืบสวนสอบสวนมานานหลายปีดีดัก.......
เมื่อมีประเด็นข้อสงสัย ถกเถียงกันว่าเป็นการปฏิบัติที่ชอบ หรือ มิชอบ เช่น
- จะไปค้นบ้านใคร จำเป็นต้องระบุชื่อเจ้าบ้านด้วย หรือ ระบุเพียงเลขที่บ้าน?
- หัวหน้าผู้ทำการตรวจค้นต้องเป็นระดับใด??
- เจ้าของหรือผู้ครอบครองบ้านจะปฏิเสธ หรือ ประวิงเวลาในการเข้าปฏิบัติการตามหมายค้นได้หรือไม่???
การค้น นั้น......การค้นที่รโหฐานจะต้องมีคำสั่ง หรือหมายของศาล(หมายค้น) "การค้น" เพื่อพบและยึดสิ่งของที่ได้มาจากการกระทำความผิด , มีไว้เป็นความผิด ,ได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือเป็นพยานหลักฐานยืนยันถึงการกระทำความผิด.... หรือเพื่อพบบุคคลซึ่งมีหมายให้จับ....... (มาตรา 69 และ มาตรา 92)
ในการยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาล ผู้ยื่นจะต้องมีเหตุแห่งความสงสัย และพยานหลักฐานตามสมควรแสดงต่อศาลว่ามีสิ่งของดังกล่าวข้างต้น หรือ บุคคลที่มีหมายให้จับซุกซ่อน หรือซ่อนตัวอยู่ในนั้น โดยศาลจะทำการไต่สวนคำร้องจนสิ้นสงสัยก่อนที่ออกหมายค้นให้........ หมายค้นที่ออกให้จะให้ความสำคัญกับสถานที่ๆจะทำการค้น เช่น เคหสถาน สถานที่ราชการ ... โดยไม่ได้โฟกัสไปที่เจ้าของ หรือ ผู้ครอบครองสถานที่ที่จะค้น..........
หัวหน้าผู้ทำการตรวจค้น ต้องเป็นพนักงานฝ่ายปกครองตั้งแต่ระดับสาม หรือตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ชั้นร้อยตำรวจตรีขึ้นไป ซึ่งมีชื่อระบุในหมายค้น (มาตรา 97) ดังนั้น ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร(ยศตั้งแต่ร้อยตำรวจตรีขึ้นไป)ที่มีชื่อระบุในหมายค้นจะเป็นหัวหน้าผู้นำทำการตรวจค้นได้ตามกฎหมาย เจ้าของหรือผู้ครอบครองสถานที่ที่จะเข้าทำการตรวจค้นจะปฏิเสธไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดมิได้ และมาตรา 100 ยังให้อำนาจเจ้าพนักงานผู้ค้น เอาตัวบุคคลที่อยู่ในที่ค้น หรือจะถูกค้นที่มีพฤติกรรมจะขัดขวางถึงกับทำให้การค้นไร้ผลไปควบคุมไว้หรือให้อยู่ในความดูแลของเจ้าพนักงานในขณะที่ทำการค้นเท่าที่จำเป็น ได้อีกด้วย
สื่อหลายแขนงเชิญกระผมให้ไปออกรายการและมีคำถาม ข้อสงสัยที่ฟังแล้วอาจจะเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง ....กระผม จึงขอถือโอกาสนี้ชี้แจงสื่อและสังคมในประเด็นข้างต้นมาด้วยความเป็นห่วงกับการที่มีการให้ข่าวแล้วทำให้สังคมไขว้เขว โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจ ผู้ที่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา อันว่าด้วยการนี้จะต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และ ที่สำคัญจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค และโดยสุจริต
*เปิดชื่อคณะกรรมการคนนอกสอบปมค้นบ้าน"บิ๊กโจ๊ก"
ในเรื่องของการตรวจค้นบ้านของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ล่าสุด มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 247/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีดังกล่าว ประกอบด้วย
1.นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธานคณะกรรมการฯ
2.นายชาติพงษ์ จีระพันธุ อดีตรองอัยการสูงสุด กรรมการ
3.พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ กรรมการเเละเลขานุการ
ทั้งนี้ ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจำนวนไม่เกิน 2 คน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ โดยให้ดำเนินการตรวจสอบและรายงานผลให้นายกฯ รับทราบภายใน 30 วัน
*นายกฯหนักใจปมค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก ไม่เลื่อน ผบ.ตร.คนใหม่
ส่วนความเคลื่อนไหวของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยเรื่องนี้ว่า หลังมีการตั้งคณะกรรมการแล้วขอให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการในการชี้แจง ทั้งนี้ ยอมรับว่า มีความหนักใจในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ และสาธารณชนจับตามองอยู่ จึงต้องทำให้สบายใจ เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง
ส่วนจะมีผลต่อการตัดสินใจเลือก ผบ.ตร. คนใหม่ ที่จะประชุมเลือกในวันพรุ่งนี้(27 ก.ย.)หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าเพิ่งคิด ค่อยว่ากันทีหลัง และยืนยันว่าในวันพรุ่งนี้จะยังคงพิจารณาอยู่ ไม่มีการเลื่อนวาระออกไป ส่วนวันพรุ่งนี้จะสามารถลงนามแต่งตั้ง ผบ.ตร. คนใหม่ได้เลยหรือไม่นั้น ขอพูดคุยกันก่อน เพราะเพิ่งเลิกประชุม ครม. ซึ่งหลังจากนี้จะไปประชุมกับฝ่ายความมั่นคงต่อ
เมื่อถามว่า หวั่นหรือไม่ในเชิงกฎหมาย หากการแต่งตั้ง ผบ.ตร. คนใหม่ไม่เป็นไปตามลำดับอาวุโส นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ก็ต้องดูไปตามกฎหมาย ถ้าผมจะแต่งตั้งใคร ก็ต้องดูว่าข้อกฎหมายทำให้ผมสามารถแต่งตั้งได้”
นายกรัฐมนตรี ยังปฏิเสธตอบคำถามว่ามีบุคคลใดบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. คนใหม่แล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ได้แต่ยิ้ม และส่ายหน้า