บิ๊กโจ๊ก ทำบุญวัดดังพิษณุโลก ขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้กลับมาเป็นตำรวจ
27 ก.ค. 2563 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ได้เดินทางมาถึงบริเวณศาลาการเปรียญ โดยมีผู้ติดตามประมาณ 15 คน ส่วนมากเป็นพลเรือน แต่มีตำรวจ 2 นาย ติดตามมาด้วย เนื่องจากใส่เสื้อกั๊กระบุเป็นตำรวจ หลังจากเดินทางมาถึง ผู้ประกอบพิธีพราหมณ์นุ่งขาวห่มขาวได้ให้ บิ๊กโจ๊ก จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พร้อมกับถวายพวงมาลัยดอกมะลิสดให้กับ พระครูเกษมวาปีพิสัย เจ้าอาวาสวัดบึงกระดาน จากนั้นได้ไปจุดธูปเทียน พร้อมกับจุดเทียนชัยจำนำพรรษาเล่มใหญ่ 2 เล่ม บูชาพระมหาอุปคุต พระอรหันต์แห่งโชคลาภ
จากนั้น บิ๊กโจ๊ก ได้จุดธูปเทียนบูชาถวายเครื่องสักการะภายในพื้นที่เสริมดวงชะตา ก่อนจะพนมมือไหว้พระเจริญพระคาถา สวดพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พร้อมนำสายสิญจน์มาพันรอบศีรษะตนเอง โดยพระสงฆ์เจริญพระคาถานานร่วมชั่วโมง
หลังจากพิธีสวดเสริมบารมีเรียบร้อย บิ๊กโจ๊กได้ถวายสังฆทานและผ้าไตรจีวร พร้อมถวายปัจจัยให้พระภิกษุสงฆ์ทั้ง 9 รูป และทำการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล โดยพระครูเกษมฯ ได้ปะพรมน้ำมนต์ และมอบพระมหาอุปคุตขนาดตั้งโต๊ะบูชาให้กับบิ๊กโจ๊ก 1 องค์ เป็นอันเสร็จพิธี
ด้าน วาสนา หรือ ป้าแมว เล่าเรื่องราวหลังจาก บิ๊กโจ๊ก มาทำบุญต่อชะตาเสริมบารมีเมื่อปี 63 พบว่าเป็นสายมูตัวจริง
บิ๊กโจ๊ก สายมู เดินทางหล่อพระพุทธรูปทองคำ และเพิ่งไปทำบุญกับเฮียแต๋ม
ป้าเพ็ญศรี ผู้ใหญ่บ้าน เผยว่า บิ๊กโจ๊กและเฮียแต๋ม มากับคนจำนวนมากและมาร่วมพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปทองคำเมื่อปี 2561 ซึ่งไม่มีความปกติอะไร
ล่าสุด 26 ก.ย.ที่ผ่านมา บิ๊กโจ๊กเดินทางมากราบสักการะหลวงพ่อนาค พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่หน้าอุโบสถ วัดมีชื่อแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมภรรยา และเฮียแต๋ม
ในภาพวงจรปิดหน้าอุโบสถ พบบิ๊กโจ๊กและคณะ ประกอบด้วย ดร.ศิรินัดดา หักพาล ภรรยาบิ๊กโจ๊ก พล.ต.ท.บุญลือ กอบางยาง อดีต รอง ผบช.ภ.4 และภรรยา พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.นพดล เพ็ชร์พิสุทธิ์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี และ พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล นายเวรบิ๊กโจ๊ก โดยทุกคนสวมชุดไปรเวท เดินทางมากราบสักการะหลวงพ่อนาค ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงาน สอบเข้ารับราชการ ค้าขาย เสร็จแล้วเข้าไปกราบสักการะพระพุทธนรสีห์มหามุนี พระประธานในอุโบสถ
พระประดิษฐ์ วรปัญโญ พระลูกวัด ผู้มาเปิดประตูอุโบสถให้บิ๊กโจ๊กและคณะเข้ากราบสักการะหลวงพ่อนาคและพระพุทธนรสีห์มหามุนี เล่าว่า วัดได้รับการประสานจากตำรวจอุดรธานี ว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จะเดินทางมากราบสักการะหลวงพ่อนาค และพระประธานในอุโบสถ ตนจึงได้รับมอบหมายให้เดินมาดูแลความเรียบร้อยในอุโบสถ เมื่อถึงเวลาก็พบรถตำรวจขับนำรถตู้มาจอดในวัด บิ๊กโจ๊กและคณะเดินขึ้นมาบนอุโบสถ ส่วนตนได้ต้อนรับ บิ๊กโจ๊กได้สักการะหลวงพ่อนาค เสร็จแล้วก็ไปสักการะพระประธานในโบสถ์ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าบิ๊กโจ๊กอธิษฐานอะไร เพราะอธิษฐานในใจ และเห็นบิ๊กโจ๊กมาวัดนี้เป็นครั้งแรก เมื่อกราบสักการะเสร็จคณะของบิ๊กโจ๊กก็เดินทางกลับ
บิ๊กโจ๊ก พร้อมทนายษิทรา โผล่เชียงใหม่ นั่งบนหลังช้าง โปรยทาน 2 หมื่น ร่วมทำบุญทอดจุลกฐิน ถวายพระพุทธรูปปางเปิดโลก วัดอุดมชัยราษฎร์ อ.แม่ริม เมื่อตุลาคม 2563 ที่ผ่านมาเผื่อทำบุญสะเดาะเคราะห์
พระพยอม เผย บิ๊กโจ๊ก ทำบุญสะเดาะเคราะห์ล้างบาปกรรมไม่ได้
ทีมข่าวช่อง 8 ได้ติดต่อเพื่อคุยกับพระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม เป็นพระราชาคณะชั้นราชฝ่ายมหานิกาย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งทางพระสังฆาธิการเป็นเจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี เพื่อสอบถามประเด็นการทำบุญสะเดาะเคราะห์ของบิ๊กโจ๊กท่านมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง
พระพยอมเผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ต้องบอกก่อนว่าในยุคนี้ สังคมไทย คนไทย เอียงไปทางสายมู ไสยศาสตร์ แก้กรมมต่างๆ เป็นพิธีกรรมไปส่ะหมด
แต่ถ้าแก้กรรมในหลักพระพุทธศาสนานี้ต้องควบคุม ผัสสะ แล้วกรรมจะไม่ต่อ ผัสสะ คือตาเห็น หูฟังได้ยิน แล้วเราสามารถควบคุมได้ กรรมมันก็จะไม่ต่อยอด แบบนี้เขาเรียกว่าจบ ตัดกรรม
ถ้าไปสร้างเคราะห์ไว้ไม่ดี การไปทอดกฐิน ทอดผ้าป่าใดๆ มันก็ไม่สามารถช่วยได้ คือมันจะมีกรรม 2 ตัว ตัวแรกคือ อุปปีฬกกรรม หมายถึง กรรมที่ทำหน้าที่บีบคั้น เบียดเบียนสุขและทุกข์ ส่วนอีกตัวเขาเรียกว่า อุปัตถัมภกกรรม คือ คอยติดตามดูแลคุ้มครองปกป้องรักษา ไม่ให้โดนบีบคั้นกลั่นแกล้ง
ที่คนเน้นทำบุญเพราะจะสร้างอุปัตถัมภกกรรม เพื่อไม่ให้ อุปปีฬกกรรม คอยมาบีบครั้นกลั่นแกล้ง ซึ่งก็เป็นความเชื่อที่พอจะอนุโลมได้ ดีกว่านั่งทุกข์นั่งกลุ้ม เป็นโรคซึมเศร้า แต่พอทำบุญก็ช่วยเยียวยาจิตใจให้เขารู้สึกโล่งใจ
แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถสู้การละบาปได้ ถ้าเขาไม่ทำบาปทำกรรมก็ไม่ต้องกลัวอะไร แต่สมัยนี้คนทำบาปกรรมเยอะ แล้วจะมาแก้กรรมได้อย่างไร ถ้ายังทำบาปอยู่ ต่อให้จะไปแก้กรรมสักกี่ที่มา แต่ยังทำบาปอยู่ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร กรรมก็จะเพิ่มไปอีกเช่นเดิม
แต่การทำบุญทำทาน สะเดาะเคราะห์แบบนี้ ก็คงเป็นสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกสบายใจมากกว่า ว่าตัวเองได้แก้กรรมแล้ว