“ตำรวจสอบสวนกลาง แถลงข่าวความคืบหน้าคดีกำนันนก ยืนยันผู้กำกับเบิ้ม ไม่เข้าข่ายละเว้น ม.157 มีการช่วยเหลือสารวัตรศิวทันที และเตรียมดำเนินคดีกับตำรวจอีก 15 ราย”
ตำรวจสอบสวนกลางแถลง หรือ CIB แถลงข่าวความคืบหน้าคดีกำนันนก ที่กองบังคับการกองปราบพหลโยธิน นำโดยพลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และผู้บังคับการจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยใจความสำคัญคือทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางตรวจสอบแล้วพบว่า ในวันที่เกิดเหตุมีข้าราชการตำรวจไปร่วมงานจำนวน 29 คน โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มดังนี้
กลุ่มที่ 1 คือกลุ่มผู้ที่เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวน 2 คน
กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่ให้การช่วยเหลือผู้ต้องหา มีจำนวน 6 คนซึ่งถูกออกหมายจับดำเนินคดีและนำตัวไปฝากขังแล้วก่อนหน้านี้
กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บโดยทันทีขณะที่เกิดเหตุ มีจำนวน 6 คน
และกลุ่มที่ 4 คือกลุ่มที่มีพฤติการณ์ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ มีจำนวน 15 คน
ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา พันตำรวจเอกวชิรา หรือผู้กำกับเบิ้ม ได้มีการใช้อาวุธปืนปลิดชีพตัวเอง ในบ้านพักย่านคูคต จังหวัดปทุมธานี โดยจากการสืบสวนพบว่าผู้กำกับเบิ้ม อยู่ในกลุ่มการให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บโดยทันที
โดยหลังเกิดเหตุได้เร่งนำตัวพันตำรวจตรีศิวกรและพันตำรวจโทวศิน ไปโรงพยาบาลโดยต่อเนื่องโดยทันที จึงไม่เข้าข่ายความผิด ไม่มีการละเว้นปฏิบัติหน้าที่
โดยในส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าข่ายความผิดตามป.อาญามาตรา 157 ทั้ง 15 รายนั้น คณะพนักงานสอบสวน จะเรียกเข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาให้รับทราบ โดยจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พ่อ-แม่ นำอัฐิ "สว.แบงค์" กลับถึงบ้านเกิด เตรียมลอยอังคารน้ำโขง
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 66 ที่วัดสว่างสุวรรณาราม จ.นครพนม พระราชสิริวัฒน์ หรือเจ้าคุณเพชร เจ้าคณะจังหวัดนครพนม ฝ่ายมหานิกาย เจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณาราม พร้อมด้วย เรืออากาศโท ศิลนา สายบัว และ นางทัศนัย สายบัว บิดา-มารดา ของสารวัตรแบงค์ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส. กก.2 บก.ทท.2 นำอัฐิมาเก็บไว้ที่วัดสว่างสุวรรณาราม เพื่อรอทำบุญอุทิศส่วนกุศล 100 วัน และลอยอังคารในแม่น้ำโขง เพื่อให้ไปสู่สุคติ
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ห่มผ้าเหลือง มุ่งปฏิบัติธรรม วัดป่าภูทักเบิก
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 65 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. ได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทเงียบที่วัดเทพสรธรรมาราม ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยมีพระอาจารย์เทียนชัย ชัยทีโป เจ้าอาวาสวัดเทพสรธรรมาราม เป็นพระอุปัชฌาย์
โดยหลังจากเข้าพิธีเสร็จแล้วจะเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าภูทักเบิก ต.วังบาล อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ถึงวันที่ 11 ธ.ค.65 โดยมี นิภาพรรณ สุขวิมล ภรรยา และผู้ใต้บังคับบัญชาใกล้ชิดร่วมอนุโมทนาบุญ
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2565 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังได้ประธานพิธีถวาย กฐินสามัคคี" ณ.วัดป่าภูทับเบิก โดยได้ยอดกฐินรวม 12,974,723 บาท
ผู้ใหญ่บ้านยัน ผบ.ตร.ต่อศักดิ์ เป็นคนดีเป็นมือปราบสายธรรมมะ มักจะมาทำบุญที่วัดเป็นประจำ และขณะบวชก็ตั้งอยู่ในกิจของสงฆ์อย่างเคร่งครัด
นายสุวัธชัย สรวิทยวิเชียรผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.บ้านใหม่ อ.เมืองปทุม จ.ปทุมธานี เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่14 เคยมาบวชที่วัดเทพสรธรรมมาราม เมื่อช่วงเดือน ธันวาคม 2565 และได้ไปปฏิบัติธรรมที่ วัดป่าภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งในพิธีบวช พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกิจของสงฆ์อย่างเคร่งครัด และตั้งใจอย่างมากในพิธีบวช ซึ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ หลังจากบวชเป็นพระได้จำวัดที่วัดเทพสรธรรมมาราม เป็นเวลา2วัน โดยช่วงที่อยู่วัดแห่งนี้ได้ปฏิบัติตามกิจของสงฆ์เหมือนพระทุกรูป เช่น การบิณฑบาตร
และทำวัดสวดมนต์
สมควรแล้วที่ท่านได้ฉายามือปราบสายธรรมมะ เพราะนอกจากจะมาบวชที่วัดแห่งนี้แล้วก็มักจะมาทำบุญอยู่บ่อยครั้ง ส่วนตัวก็รู้สึกดีใจที่ท่าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้ขึ้นเป็น ผบ.ตร. และด้วยการที่ท่านเป็นคนใจบุญชอบทำบุญท่านก็จะต้องเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีลูกน้องรักท่านจำนวนมากอย่างแน่นอน และ ประชาชนก็จะมีตำรวจที่ดีในการคอยดูแล
"โรม" ไม่แปลกใจ "ต่อศักดิ์" นั่ง "ผบ.ตร" จี้ "เศรษฐา" ตอบให้ได้เลือกจากอะไร หากไม่กระจ่างนายกฯต้องแบกรับความรู้สึกประชาชน
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ก.ตร. มีมติแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า ชื่อของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็นชื่อที่ล่องลอยมานานแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่ได้แปลกใจอะไร แต่แน่นอนจะเป็นคำถามไปสู่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพราะไม่ว่าใครจะเป็นผบ.ตร.
นายกรัฐมนตรี ต้องตอบคำถาม ว่า กระบวนการแบบไหนที่ใช้ในการเลือก เลือกจากอะไร แต่หากไม่ได้คำตอบ นายกรัฐมนตรีคงต้องแบกรับกับความผิดหวัง ของพี่น้องประชาชน ของพี่น้องตำรวจต่อไป ซึ่งกฎเกณฑ์ที่ดี จึงไม่ใช่แค่ว่าเลือกใคร แต่เพราะเหตุใดถึงต้องเลือกคนนี้ ซึ่งตนคิดว่าสิ่งนี้ตนไม่เห็นผ่านผบ.ตร. คนนี้เลย
นายรังสิมันต์ โรม ยังกล่าวต่อด้วยว่า แม้จะมีกระแสข่าวว่านายกรัฐมนตรีงดออกเสียง แต่ยังไงก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะการเลือกก็ให้อำนาจนายกฯเป็นคนเลือก และโยนชื่อเข้าไปที่ ก.ตร. และถ้าตนเข้าใจไม่ผิด ไม่มีการเสนอชื่อมากกว่า 1 คน และไม่มีการแข่งขันกัน นายกฯจึงต้องตอบให้ได้ นี่คือสิ่งที่ตนคิดว่ามีความสำคัญ นายกรัฐมนตรี จะต้องมีหลักเกณฑ์ไหม ในการที่จะเลือกบุคคลต่างๆ ไม่เช่นนั้นจะมีข้อที่จะทำลายความเชื่อมั่น ของตำรวจ และนายกฯควรจะตอบด้วยว่า สุดท้ายการเลือกผบ.ตร.เลือกอย่างไรเป็นตั๋วหรือไม่เป็นตั๋ว
ส่วนการเลือก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็น ผบ.ตร. เป็นการย้ำ ว่า มีการเตะตัดขากันในสำนักงานตำรวจแห่งชาติใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนคิดว่าบรรยากาศการเลือก ผบ.ตร.รอบนี้ ค่อนข้างตึงเครียด ไม่ว่าจะกรณีกำนันนก ซึ่งตนเชื่อว่าแรกเริ่มคงไม่เกี่ยวอะไรกับ ผบ.ตร. แต่พอมีการต้องเลือกผบ.ตร. ก็อาจจะมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะสาวไปถึงตำรวจ ที่เกี่ยวข้องในระดับสูง และในส่วนของคดีการพนันออนไลน์ ที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ ที่อาจจะสาวไปถึงตำรวจระดับสูง ก็เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ใกล้ๆกับการเลือกผบ.ตร. ดังนั้น จึงทำให้เป็นที่รู้สึกได้อยู่แล้วว่าการเลือก ผบ.ตร.ครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง และมีวิธีการที่ไม่ใช่แค่พิจารณาจากโปรไฟล์แล้ว แต่อาจจะรวมไปถึงการใช้วิธีการที่เรียกว่าเตะตัดขากันก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามเตะตัดขาสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ให้สังคมลองพิจารณา แต่ก็ต้องบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้โผอะไร เป็นเรื่องที่รับรู้รับทราบอยู่แล้ว
นายรังสิมันต์ ยังยืนยันว่าในวันพรุ่งนี้ตนจะตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาเรื่องปัญหาในองค์กรตำรวจ และการแต่งตั้ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ซึ่งตนหวังว่านายกรัฐมนตรีจะมาตอบ ตนได้ข่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องเดินทางแต่องค์กรตำรวจ ซึ่งมีผู้ใต้บังคับบัญชานายกรัฐมนตรี 200,000 กว่าคนมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยรักษา ความมั่นคงและในขณะที่ตำรวจร้อนเป็นไฟ คดีกำนันนกตำรวจตาย 2 คนและคดีเว็บพนันที่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งค่อนข้างชัดเจนว่าวันนี้รูปธรรมขององค์กรตำรวจมีความเกี่ยวข้องที่เชื่อมโยงกับธุรกิจที่ผิดกฎหมายรวมไปถึงมีความขัดแย้งในการแย่งชิงผบ.ตร. ดังนั้นจนคิดว่าถ้ามองจากสาระสำคัญในเรื่องของความขัดแย้งความเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ผิดกฎหมายของตำรวจ เรื่องตำรวจเป็นเรื่องใหญ่ที่นายกรัฐมนตรีเพิกเฉยไม่ได้เด็ดขาดและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้การตอบคำถามโดยมีแผนเป็นรูปธรรม มีรูปแบบวิธีการที่จะแก้ปัญหาตำรวจอย่างรวดเร็ว มีความจำเป็นอย่างมากที่ผู้ที่เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างนายเศรษฐาต้องดำเนินการและการตอบคำถามต่อสภาไม่ใช่การตอบคำถามตนแต่เป็นการตอบคำถามสังคมตอบคำถามประชาชน
ดังนั้น ตนจึงคิดว่าเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีจะให้คนอื่นทำแทนไม่ได้ เป็น เรื่องที่อยู่ใต้นายกฯ โดยตรง ในขณะที่เรื่องบางเรื่องเข้าใจว่าเป็นเรื่องจำเป็นเช่นกันแต่มีคนสามารถทำแทนได้ตนจึงอยากให้นายกรัฐมนตรีให้ความสัมพันธ์เรื่องตำรวจ โดยการมาตอบคำถามที่สภาในวันพรุ่งนี้
"กระทู้ถามสดด้วยวาจาในเรื่องนี้ แม้นายกรัฐมนตรีจะไม่เดินทางมาตอบคำถามในสภา แต่ตนมองว่าการเดินทางของนายกรัฐมนตรีที่ต้องเดินทางไปกัมพูชานั้นตนเห็นว่ารัฐมนตรีพลังงานก็สามารถเดินทางไปแทนได้เพราะการเดินทางไปประเทศกัมพูชานั้นเกี่ยวข้องกับพลังงาน มีผู้ที่มีดังนั้นมีผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องที่ตนเชื่อว่าน่าจะทำแทนได้แต่ คำถามคือตำรวจจะให้ใครทำแทนนี่คือสิ่งที่นายกรัฐมนตรีอย่างนายเศรษฐา ทวีสิน ที่เป็นมือใหม่ที่ตัวเองชอบพูดเสมอ ต้องเข้าใจว่าไม่มีคนอื่นแทนได้ในเรื่องงานตำรวจ" รังสิมันต์กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อมีการแต่งตั้งพลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ เป็นผบ.ตร. จึงต้องยิ่งตั้งคำถามตั้งกระทู้ต่อคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี ว่าสุดท้ายการเลือก ผบ.ตร. เลือกจากอะไร นายกรัฐมนตรีเตรียมคำตอบมาจากบ้านเลยก็ได้ว่ามีหลักเกณฑ์ วิธีคิดอย่างไร