*บิ๊กโจ๊กตั้งทนายกระดูกเหล็ก
ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้สื่อข่าวหลายสำนักมาเฝ้าสังเกตการณ์ กรณีพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ บิ๊กโจ๊ก จะมีการมอบหมายให้ทนายมายื่นคำร้อง หลังจากที่มีบิ๊กเซอร์ไพรส์ เปิดตัวทีมทนายของตัวเอง ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เปิดตัวทีมทนาย คือ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายกระดูกเหล็ก ที่จะมาดูแลเรื่องสำนวนคดีต่างๆ
ต่อมาเวลา 10.50 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่า มอบหมายให้ทนายอนันต์ชัย ไปยื่นคำร้องที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนทางละเมิดกรณีการขอหมายจับของชุดจับกุม เนื่องจากการ ขอหมายจับตำรวจ ในฐานะตำรวจต้องไปขอที่ศาลอาญาฯ ทุจริตเท่านั้น แต่ไปขอที่ศาลนี้มีขั้นตอนละเอียดต้องแจ้งยศ และศาลจะไม่ออกหมายจับให้ แต่จะออกหมายเรียก แต่ถ้ามีพลเรือนอยู่ด้วยจะต้องไปขอที่ศาลอาญาฯทุจริต เพราะพลเรือนเป็นผู้ให้การสนับสนุน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงการออกหมายสารวัตรนนท์ มีข้อสังเกตว่าทำไมไม่ออกหมายจับตั้งแต่วันศุกร์ แต่มาจับที่บ้านตนในวันจันทร์ที่ 25 ก.ย.
*เฮียแต๋ม เคารพแบบญาติผู้ใหญ่
นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงประเด็น "เฮียแต๋ม" ที่เป็นเจ้าของบ้าน โดยระบุว่า ต้องบอกว่าเฮียแต๋ม กับครอบครัวรู้จักกันมาตั้งแต่ยังเป็นสารวัตร แม้จะไม่ใช่ญาติแบบความสัมพันธ์ แต่เป็นญาติผู้ใหญ่และสมัยนั้นตัวเอง อยู่แฟลตวิภาวดีตั้งแต่เป็น ร.ต.ท.จนเป็นผู้การ 191 ดูแล้วงานเยอะลูกน้องเยอะ สร้างบ้านไม่ทัน พ่อตายกที่ดินให้ภรรยา 10 ไร่ ที่พุทธมณฑลสาย 7 และไปถมที่ไว้แต่ไม่ว่าง จะไปซื้อบ้านก็เสียดายเงิน จึงไปหาเช่าและเฮียแต๋ม ก็ถามว่ามีที่นี่อยู่ใกล้แฟลตวิภาวดี ทีแรกจะให้อยู่ แต่ไม่สบายใจ จึงขอเช่าค่าน้ำค่าไฟจ่ายเอง 3 หลัง ส่วนอีก 2 หลังไว้เก็บของ
*เปลี่ยนฉายาบิ๊กโจ๊ก เป็น โจ๊ก อัคนี
ขณะที่นายอนันต์ชัย กล่าวว่า เรื่องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร่วมเฟรมในคลิปร้องเพลงกับมินนี่
และ รูปที่มีเอ ศุภชัย ร่วมเฟรมด้วย
โดยส่วนตัวมองว่า เป็นบุคคลสาธารณะ จะไปกล่าวหาใครไม่ได้ โดยในเรื่องนี้ศาลท่านมองเจตนา ซึ่งต้องดูรายละเอียดอื่นประกอบด้วย
ทั้งนี้ ส่วนว่าการเข้าค้นบ้านตำรวจระดับรองผบ.ตร.เพราะไม่ควร และต้องให้เกียรติ เวลาทำงานก็ทำหามรุ่งหามค่ำโดยจะตั้งคณะทำงานดูว่าใครพาดพิงมาบ้าง "งานนี้ผมเอาอยู่ ใครบอกว่าตายแน่ โจ๊กหวานเจี๊ยบ ผมจะเปลี่ยนชื่อบิ๊กโจ๊กเป็นอัคนี พระเพลิงเผาหมดทุกอย่าง รับทำคดีไม่เคยหนักใจ ทำคดีต้องชัวร์ ต้องดูข้อเท็จจริง ดูข้อกฎหมายชัดเจนแล้วถึงจะรับ ใครให้สัมภาษณ์ ใครออกเอกสารเปิดเผย ใครหมิ่นประมาทท่านสุรเชษฐ์ ตามไล่เช็กบิลทั้งหมดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
*8ตำรวจเข้าพบบิ๊กโจ๊ก
โดยวันนี้ (27ก.ย.66) พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผบก.ศฝร.บช.น. ซึ่งเป็น 1 ใน 8 ตำรวจ เดินทางเข้าพบพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยมีการหอบเอกสารมาด้วย
*"พล.ต.ท.ไตรรงค์"ไม่กังวล "บิ๊กโจ๊ก" เอาผิด
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์ ซึ่งปรากฏผู้ต้องหาในคดี 8 ราย เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และกรณีการเข้าตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวถึงการขยายผลไปถึงกลุ่มผู้เกี่ยวข้องทั้งพลเรือน ตำรวจ และทหาร ว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนของพนักงานสอบสวน ซึ่งวันนี้คณะทำงานจะมีการประชุมหารือกันเพื่อขยายผลต่อจากกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม
ส่วนการเรียก "เฮียแต๋ม" และภรรยา ที่มีการเปิดเผยข้อมูลว่า เป็นเจ้าของบ้านที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เช่าให้ผู้ใต้บังคับบัญชาพักอาศัยมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน
*เด้ง8ตำรวจลูกน้องบิ๊กโจ๊ก
วันนี้ ( 27 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามในคําสั่งสํานักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 543/2566 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการและรักษาราชการแทน ใจความว่าด้วยได้รับรายงานเหตุข้าราชการตำรวจถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหา ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่น ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน เนื่องจากเป็นกรณีที่มีข้าราชการตำรวจถูกดำเนินคดีในการกระทำความผิดอาญา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ราชการในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการอำนวยความยุติธรรมทางอาญาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้การดำเนินการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมทั้งเพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ จึงให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม และให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการ แทนในตำแหน่งต่างๆ รวมจำนวน 12 ราย โดยในจำนวนนี้ มี 8 นายตำรวจลูกน้องของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ที่ถูกออกหมายจับด้วย