จากกรณี "น้องมัว" อายุ 14 ปี เด็กชาติพันธุ์ ถูกนายปิยะพงษ์ หรือนายพัน หรือนายบอย อายุ 35 ปี หลอกจะพาไปซื้อมือถือ และหายตัวออกจากวัดในอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ไปตั้งแต่ 16 กันยายน และเพิ่งเจอตัวเมื่อ28ก.ย.ที่ผ่านมา

ขณะที่นายพัน ถูกตำรวจจับดำเนินคดี และสอบสวนเบื้องต้นที่สภ.ประจันตคาม

ล่าสุดเมื่อเวลา 22.50 น.(28 ก.ย.)หลังตำรวจคุมตัวนายปิยะพงษ์ หรือนายพัน กลับไปสอบปากคำเบื้องต้น ที่ห้องสืบสวน สภ.ประจันตคาม ทีมข่าวช่อง 8 จึงได้เดินทางไปพูดคุยกับนายพัน ซึ่งทีมข่าวก็ไล่เลียงถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

โดยนายพัน อ้างว่า รู้จักกับน้องมัว ในขณะที่เข้าไปเก็บของเก่าในวัด ซึ่งในวันที่ 16 ก.ย. นายพัน ยังอ้างว่า น้องมัว นัดให้รับไปเที่ยว ก็เลยไปรับตามนัด จากนั้นพอเข้าไปรับเสร็จก็พาน้องมัวขึ้นรถซาเล้งไปซื้อโทรศัพท์ แล้วก็พาขี่รถเที่ยว และเหตุผลที่พาไปส่งก็เป็นเพราะว่า แม่น้องมัว แจ้งความกับตำรวจ

ซึ่งไทม์ไลน์ที่พาน้องมัวไปเที่ยวหลังจากขายรถซาเล้ง ตนเองพาไปทั้งหมด 5 จังหวัด คือ สระบุรี , ลพบุรี , อยุธยา , นครนายก , ปราจีนบุรี และเดินมาจนถึงจังหวัดปราจีนบุรี

ส่วนภาพจากวงจรปิด ที่เห็นว่าตนเองพาน้องมัว ไปขายโทรศัพท์ที่ตลาดบ้านนา จังหวัดนครนายก จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ ในวันที่ 19 ก.ย.ตนเองพาน้องมัวไปนอนค้างที่โรงแรมในอำเภอหินกอง จังหวัดสระบุรีก่อน 1 คืน กระทั่งเมื่อขึ้นรถตู้จากอำเภอหินกอง มาที่จังหวัดนครนายก ในวันที่ 20 ก.ย. หลังจากขายโทรศัพท์ ได้พาน้องมัว เข้าไปนอนในโรงแรมที่จังหวัดนครนายกอีก 1 คืน ยอมรับในระหว่างที่นอนอยู่ในโรงแรม ตนเองได้ดูข่าวตัวเองกับน้องมัว

ผ่านทางช่อง 8 ซึ่งเมื่อเห็นข่าว ยืนยันว่า ตนเองได้ถามน้องมัวแล้วว่า จะกลับหรือไม่ แต่น้องมัว ตอบกลับมาว่า อยากให้พาไปเที่ยวต่อ จากนั้นตนเองก็เลยพาน้องมัวขึ้นรถตู้จากจังหวัดนครนายกไปลงรถที่ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรีในวันที่ 21 กันยายน ซึ่งเมื่อไปถึงอำเภอกบินทร์บุรี ก็ยอมรับว่ากลัวถูกตำรวจจับและกลัวชาวบ้านจะเห็น จึงตัดสินใจพาน้องมัว เดินเข้าไปอาศัยอยู่ในป่าแล้วก็พาเดินเลาะป่าข้างทางรถไฟจนเดินมาถึง อำเภอประจันตคาม โดยการใช้ชีวิตอยู่ในป่า เท่าที่จำได้ประมาณ 5-6 วัน ซึ่งความเป็นอยู่ยอมรับว่าหาของป่าให้น้องมัวกินไปตามมีตามเกิด ซึ่งตอนที่พาน้องมัว กลับมาที่บ้าน ยืนยันว่าต้องการจะเข้ามอบตัวกับตำรวจ เนื่องจากตอนนั้นร่างกายของน้องมัว ไม่ไหวแล้ว

*อ้างถูกทำร้ายก่อน
ส่วนประเด็นเรื่องที่น้องมัว ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่าตนเอง ทำร้ายร่างกาย เรื่องดังกล่าวเกิดมาจากตนเองถูกน้องมัว ทำร้ายร่างกายก่อน ตนเองก็แค่ทำร้ายร่างกายกลับก็เท่านั้น ซึ่งทีมข่าวก็ถามอีกว่า ตลอดระยะเวลาที่ลักพาตัวน้องมัวออกมา ได้ล่วงละเมิดทางเพศน้องบ้างหรือไม่ นายพัน ยืนยันว่า ไม่ได้ล่วงละเมิดทางเพศ ส่วนเหตุการณ์ก่อนๆคดีเก่าที่เคยทำร้ายร่างกายเด็ก ไม่ได้เป็นความชอบส่วนตัว แต่ทำไปเพราะอาจจะหลอนยา ขอโทษแม่น้องมัว ขอโทษสังคมรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ทุกๆคนที่ออกมาตามหาต้องมัว สำนึกผิด ยืนยันไม่ได้ล่วงละเมิดทางเพศน้องมัว

*ไล่ย้อนเส้นทางหลบหนี
เมื่อไล่เรียงเส้นทางที่นายพันพาน้องมัวหลบหนี โดยพาตัวน้องจากสิงห์บุรี แล้วหลอกน้องว่าเดี๋ยวจะไปซื้อมือถือ ผ่านสิงห์บุรีเสร็จสรรพมันก็พานั่งรถซาเล้งไปนอนที่พัก หลังจากนั้นพาไปขายรถซาเล้ง เพื่อเอาเงินเป็นทุนในการหนีตำรวจ กระทั่งมันหนีเข้าไปถึงสระบุรี ก่อนจะหนีเข้าอยุธยา จนกระทั่งไปที่สถานีรถไฟสระบุรี และสุดท้ายเขาข้ามไปนครนายก

*คุมตัวส่งสภ.อินทร์บุรี
ต่อมาในเวลา 23.00 น. เมื่อชุดสืบสวนของ สภ.ประจันตคาม ได้ทำบันทึกจับกุมตัวนายพัน เสร็จเรียบร้อย ตำรวจได้มีการนำตัวนายพัน เดินไปเข้าห้องขังบนโรงพักเพื่อรอให้ตำรวจ สภ.อินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี นำรถมารับตัวกลับไปดำเนินคดี ซึ่งบรรยากาศในห้องสืบสวน

*ครอบครัวนายพันสุดเครียด
ก่อนที่ตำรวจจะพานายพัน เดินออกมา มีทางพี่สาวของนายพัน ได้ซื้อข้าวซื้อน้ำมาให้กับนายพัน โดยจะมีบางช่วงบางตอนที่ญาติ พยายามขอตำรวจนั่งคุยกับนายพัน แต่ตำรวจไม่อนุญาตให้คุย เนื่องจากไม่ใช่เวลาเยี่ยมญาติ อีกทั้งต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จก่อนที่ตำรวจเจ้าของคดีจะมารับตัวนายพันกลับไปดำเนินคดีที่จังหวัดสิงห์บุรี

โดยหลังจากที่ตำรวจนำตัวนายพันไปเข้าห้องขัง ทีมข่าวจึงพยายามถามกับทางญาติว่า สรุปแล้วพัน กลับมาบ้านตั้งแต่วันไหน ใครเจอน้องมัว เป็นคนแรก ซึ่งทางญาติ พากันเดินหนีกลับไปขึ้นรถ บอกแต่ว่า ไม่อยากให้สัมภาษณ์แล้ว ตอนนี้ทางบ้านเครียด แม่นายพันก็เครียดจนความดันขึ้น ไม่ขอตอบอะไรมากกว่านี้

*ปัดลักพาตัว อ้างสำนึกผิดแล้ว
ต่อมาเวลา 10.20 น. ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่ สภ.อินทร์บุรี พบว่า นายพัน กำลังเตรียมให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่สอบสวน ทีมข่าวจึงมีโอกาสได้พูดคุยกับนายพันครู่หนึ่ง โดยได้มีการสอบถามถึงแรงจูงใจในการลักพาตัวน้องมัวออกจากวัด ซึ่งนายพันได้ให้คำตอบว่า "ตนนั้นไม่ได้ลักพาตัวน้องมัว แค่จะพาน้องไปเที่ยวเฉย ๆ ซึ่งก็ไม่ได้มีการบังคับขืนใจอะไร น้องก็เต็มใจไปด้วย ที่ผ่านมาขอยืนยันว่าไม่เคยทำร้ายร่างกายน้องมัว" ทีมข่าวช่อง 8 จึงถามว่า แล้วที่ผ่านมาได้ติดตามข่าวบ้างหรือเปล่า ที่ครอบครัวของน้องมัวต่างออกมาร่ำไห้ขอให้ส่งตัวน้องกลับคืน นายพันก็ตอบว่า "ก็พอจะรู้ว่าครอบครัวต้องการให้นำตัวน้องมัวส่งคืน โดยตนก็ตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าหากพาน้องไปเที่ยวเสร็จ ก็จะพาน้องกลับไปส่งบ้าน แต่ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้นำตัวน้องไปส่งเป็นเพราะตนนั้นกลัว กลัวว่าจะถูกครอบครัวน้องมัวรุมทำร้ายที่ไปเอาลูกเขามา ที่ผ่านมาน้องมัวก็มีร้องไห้งอแงอยากกลับบ้านอยู่บ้าง แต่ตนก็พยายามหาจังหวะไปส่งอยู่ ซึ่งตอนนี้ก็รู้สึกเครียดและอยากขอโทษพ่อแม่ของน้องมัว ตนนั้นรู้สึกผิดแล้ว"

*ทำแผนชี้จุด
ในเวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อินทร์บุรี ได้นำตัวนายพัน มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในจุดที่ 1 คือ บริเวณวัดบางโฉมศรี จ.สิงห์บุรี โดยนายพันได้ขับรถซาเล้งคันดังกล่าวเข้าเลียบทางถนนข้างวัด แล้วจึงอ้อมมายังบริเวณลานหลังวัด จากนั้นมีการให้เงินเด็กภายในวัดจำนวน 20 บาท เพื่อให้ไปเรียกตัวน้องมัวออกมาหาบริเวณหลังวัด ก่อนพูดชวนน้องมัวไปซื้อโทรศัพท์แล้วขับซาเล้งออกไปทางเส้นทางเดิม

ต่อมาในจุดที่ 2 คือ โรงแรมแห่งหนึ่ง ห้องที่ 4 เป็นจุดที่นายพันได้พาน้องมัวมาพักอาศัยหลังจากที่ได้พาน้องมัวออกมาจากวัด ในจุดนี้

*ย้อนประวัติคดนายพัน
จากการตรวจสอบพบว่านายพัน จะเลือกก่อเหตุกับเด็กผู้ชาย โดยเมื่อปี 2560 ในพื้นที่สภ.ประจันตคาม นายพันไปล่อลวงเด็กชาย 4 คน

กำลังวิ่งเล่นในสนามโรงเรียน หลอกว่าจะพาไปเล่นเกม และทำอนาจาร ก่อนที่เด็กๆวิ่งหนี ก่อนจะตะโกนขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน

*แม่น้องมัวขอคุณทุกฝ่ายที่ช่วยตามลูกกลับคืน
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวช่อง8 ได้พูดคุยกับแม่ของน้องมัว โดยขอบคุณ เจ้าหน้าที่ สื่อ ทุกคน ทุกหน่วยงาน ที่ช่วยตามหาลูกจนเจอ ตอนนี้น้องปลอดภัยแล้ว