*พ.ต.อ.ภาคภูมิ เปิดใจอีกครั้ง หลังมินนี่แถลง
พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย รองผู้บังคับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยภายหลังจากที่ มินนี่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ ว่า ตนเองได้ดูแล้วและข้อเท็จจริงก็เป็นจริงตามนั้น เป็นคำพูดของน้องเขา ความสัมพันธ์ก็เป็นไปตามนั้น

ส่วนจะมีผลต่อรูปคดีที่ทนายอนันตชัย ไชยเดช กำลังต่อสู้ให้หรือไม่นั้น มองว่า คงไม่เป็นไร เพราะน้องเขาคงพูดความจริงทั้งหมด มันเป็นความจริงก็คือความจริง

ส่วนกรณีที่ มินนี่ระบุว่า ตอนถูกจับแล้วถูกตำรวจPCT4 บังคับให้เขียนยอมรับว่า พ.ต.อ.ภาคภูมิเกี่ยวข้องด้วยตนเองทราบหรือไม่ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ระบุว่า พอมินนี่ถูกจับ ตนเองก็ยังไม่ได้คุยกับมินนี่อีกเลย และพอตนเองได้ฟังจากที่มินนี่ให้สัมภาษณ์ว่ามีตำรวจบังคับให้เขียนข้อความรับสารภาพนั้น ก็มองว่า ความเสียหายจะเกิดขึ้น2ส่วน ส่วนแรกน้องเขาต้องเสียหายที่จะต้องถูกบังคับ ถูกอะไรก็ตามตามที่เขากล่าว และอีกส่วนคือ ภาพที่หลุดออกมาเขาก็เสียหายอีกครั้ง เพราะข้อเท็จจริงแล้ว การเก็บพยานหลักฐานทำโดยตำรวจ แล้วหลุดไปอยู่ในมือบุคคลภายนอกโดยเจตนาของเขาคืออะไร ทำไมไม่เอาไปใช้เป็นพยานในคดีเท่านั้น และการออกมาเปิดเผย มันจะคิดเป็นเจตนาอื่นยังไง และอีกคนที่เสียหายคือตนเอง และครอบครัวตนเอง ซึ่งในทางคดีก็ว่าไป แต่การเอารูปออกมาก็ลองคิดดูว่าเจตนาของเขาคืออะไร คงไม่ได้สนใจเรื่องคดี แต่ตนเองมองว่าคงต้องการให้เกิดความเสียหาย

เมื่อถามว่า มีการวางแผนหรือทำให้เสียหายหรือดิสเครดิตมานานแล้วหรือไม่เพราะเกิดขึ้นตั้งแต่ที่มินนี่ถูกจับกุมในช่วงเดือน ก.ค. พ.ต.อ.ภาคภูมิ ระบุว่า คงไม่ไปกล่าวหาอย่างนั้น หากมีพยานหลักฐานก็ว่าไปตามกระบวนการ ตนเองเป็นตำรวจก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ถ้ามีพยานหลักฐานก็ว่ามา แต่วิธีการคือสิ่งที่ตนเองติดใจ ไม่ว่าจะเป็นการออกหมายจับ และการออกหมายค้นต่างๆตั้งแต่เริ่มต้น และพอตนเองยิ่งมาฟังที่มินนี่ให้สัมภาษณ์อีกก็มองว่า มินนี่คงต้องไปให้การเป็นพยานเพิ่มเติมในเรื่องนี้อีก

ส่วนจะต้องนัดพูดคุยกับมินนี่เพื่อหารือทิศทางการต่อสู้คดีหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิ ระบุว่า ในการต่อสู้คดีของตนเองกับมินนี่คงแยกกัน เพราะคดีของเขาว่าไปแล้ว คดีของตนเองพึ่งเริ่ม ซึ่งก็ต้องดูในอนาคตและตนเองก็คงต้องให้ทนายดำเนินการ

*ภาคภูมิยืดอก ผมผิดเองคนเดียว

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ บอกอีกว่า ขอโทษจริงๆกับพ่อแม่

"ตอนนี้ผมรู้สึกเสียใจที่ทำให้พ่อแม่และคนในครอบครัวชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเสียหาย ทำให้ภรรยาและลูกได้รับผลกระทบไม่ใช่แค่ปลายผม ฝ่ายมินนี่ก็เสียหายรวมถึงผู้บังคับบัญชา ยืนยันอีกครั้งหนึ่งต้นเหตุทั้งหมดเกิดจากผมคนอื่นไม่เกี่ยวข้อง ผมอยากจะขอโทษท่าน สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากความมักง่าย ไม่มีวินัยโลเล เลยทำให้เผลอไปคบหากับผู้หญิงอีกคน ซึ่งผมไม่ปฏิเสธ แต่ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบสามีภรรยา" พ.ต.อ.ภาคภูมิ ระบุ

นอกจากนี้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ บอกว่าในการต่อสู้คดีจะแยกกันระหว่างคดีตนเอง กับมิน ของผมก็ว่ากันไป ของมินนี่ก็ว่ากันไป ส่วนอนาคตต้องรอดูทนายด้วย

*แกะคำต่อคำ"ภาคภูมิ-มินนี่"
เมื่อย้อนไปดูคำพูดของพ.ต.อ.ภาคภูมิ และ มินนี่

โดย พ.ต.อ.ภาคภูมิ ระบุว่า รู้จักกับมินนี่ตอนที่เป็นผกก.สภ.เมืองเลย เจอกันที่งานเลี้ยงเมื่อปลายปี 2563 แต่ตอนนั้นผมรู้จักแม่ของมินนี่ก่อน

ขณะที่มินนี่ ระบุว่า "ขณะที่มินนี่ บอกว่า รู้จักกับ พ.ต.อ.ภาคภูมิตั้งแต่ปี 2563 หลังพบกันในงานเลี้ยงในจ.เลย"

ผกก.ภาคภูมิ ระบุว่า "หลังจากย้ายมาที่ขอนแก่น ผ่านไปถึง 2 ปี ไม่เคยติดต่ออะไรกันเลย"

ขณะที่มินนี่ บอกว่า "คบหากันในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนเลิกราไป เพราะทราบว่าอีกฝ่ายมีครอบครัวแล้ว "

ผกก.ภาคภูมิ ระบุว่า เจอกันอีกเมื่อต้นปี 2566 ที่งานเลี้ยงบ้าง ร้านอาหารบ้าง ล่าสุดคุยกันช่วงที่ถูกจับ มินนี่โทรมาบอกว่าถูกจับขอคำปรึกษา ผมก็ให้ไปประกันตัวที่ถูกจับ หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย

ขณะที่ มินนี่ ระบุว่า "ช่วงปลายปีที่แล้ว (2565) บังเอิญกลับมาเจอกัน และพูดคุยอีกครั้งในช่วงเวลาหนึ่ง ที่ผ่านมาเขาจะยืมเงินหนูบ้างเป็นปกติ"

ผกก.ภาคภูมิ กล่าวว่า มินนี่นั้นชอบถ่ายรูปลงโซเชียล ผมก็เตือนบ่อยๆ เพราะก็กลัวภรรยาเห็น แต่สุดท้ายก็ลงอยู่ดี

ขณะที่มินนี่ ระบุ "ถูกตำรวจ PCT เข้าจับกุมและยึดโทรศัพท์ไป จึงอยากตั้งคำถามว่าภาพดังกล่าวหลุดไปได้อย่างไร ตอนนี้ทุกคนเดือดร้อนเพราะหนู ซึ่งเป็นภาพที่ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหน"



*อัจฉริยะอัดมินนี่แค่เล่านิทาน
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวถึงกรณีของ น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี หรือ น.ส.สุชานันท์ กุลวัฒนโยธิน หรือมินนี่ ว่า การออกมาพูดเมื่อวานนี้ก็เหมือนกับเด็กเล่านิทาน พูดตามโพยที่เตรียมมา ไม่รู้ว่าท่องเตรียมมาจากสิงคโปร์หรือไม่ เพราะการที่เจ้าตัวบอกว่าเคยเจอกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หรือ บิ๊กโจ๊ก 2-3 ครั้ง รวมถึงบอกว่า พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย เป็นคนพาไป ก็ไม่ตรงกับที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และ พ.ต.อ.ภาคภูมิ เคยพูดไว้ก่อนหน้าแล้ว ไม่รู้ว่าใครพูดจริงหรือไม่จริงกันแน่

"ประเด็นที่ มินนี่ บอกว่า พ.ต.อ.ภาคภูมิ ยืมเงิน ก็ดูไม่สมเหตุสมผล เพราะคนระดับ พ.ต.อ. จะไปยืมเงินเด็กกะโปโล เช่นเดียวกับการให้สัมภาษณ์เรื่องความสัมพันธ์ มองว่าเป็นการเบี่ยงประเด็น สาระสำคัญจริง ๆ คือ มินนี่ ต้องตอบให้ได้ว่า บัญชีม้าและบัญชีผู้ต้องหายาเสพติดเป็นร้อยเล่มอยู่กับมินนี่ขณะที่ตำรวจ PCT เข้าจับกุมตรวจค้นที่คอนโดได้อย่างไร "นายอัจฉริยะ กล่าว

นายอัจฉริยะ กล่าวด้วยว่า มินนี่ รู้จักกับนายแทนไท ด้วยหรือไม่ เพราะทราบว่านายแทนไท ไปพบเจอกันเป็นประจำทุกเดือน เช่นเดียวกับต้องตอบคำถามให้ได้ว่ามีการหลอกลูกน้องไปเปิดบัญชีม้าด้วยหรือไม่อีกด้วย ส่วนกรณีภาพถ่ายมินนี่กับเอศุภชัย ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนปล่อยภาพ เพราะภาพดังกล่าวก็เห็นมาจากทางสื่อมวลชนนำเสนออีกที เพียงแค่นำมาตั้งคำถามว่า เอ ศุภชัย ทำไมถึงมาอยู่ร่วมในงานดังกล่าว รู้จักกันหรือไม่ ถ้าหากมองว่าทำให้เสียหายก็ไปฟ้องได้เลย

*บ้านมินนี่ ที่เลยปิดเงียบ
นอกจากตอนนี้ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้เดินทางไปที่ บ้านพักของมินนี่ที่อยู่กับคุณแม่ที่จังหวัดเลย หลังมีกระแสข่าวว่า หลังจากมินนี่ได้ออกมาชี้แจงกับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้แล้ว ได้เดินทางกลับบ้านที่ จ.เลย พร้อมกับอัปคลิปผ่านติ๊ดตอกว่าอยู่กับลูกชาย แต่เมื่อไปถึงพบว่าประตูบ้านถูกปิดเงียบ และเงียบเหงา ไม่มีแม้แต่คนงานอยู่ภายในบ้าน จากการสังเกตมีรถจอดอยู่หลายคัน แต่ไม่มีใครอยู่บ้าน ทีมข่าวพยายามกดกริ่งเรียกอยู่สักพัก แต่ก็ไม่มีใครออกมา

ภาคภูมิลั่นไม่ขอหวนคืนสัมพันธ์มินนี่ ลั่นตัดขาดเพื่อเมียและลูก ไม่ขอพบหน้า