ตำรวจคุมตัว 2 เด็กหญิง อายุ 13 และ 15 ปี ไปชี้จุดทำแผน หลังก่อเหตุฆ่าเพื่อนกดน้ำดับในวันเกิด เหตุหึงหวง
วันที่ 30 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีชาวบ้านไปพบศพ น้องเอ อายุ 15 ปี ลอยเสียชีวิตอยู่ในสระน้ำบึงบัวใหญ่ ต.บัวใหญ่ อ.บัวใหญ่ สวมเสื้อสีดำ นุ่งกระโปรงสีชมพู ไม่สวมเสื้อชั้นใน คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง
ซึ่งเป็นที่สลดใจ หลังจากสืบทราบได้ว่า คนร้าย คือ เด็กหญิงอายุเพียง 13 ปี และ เด็ก 15 ปี ซึ่งทั้ง 2 คนเป็น ขี่รถจักรยานยนต์ไปรับ น้องเอ จากที่บ้าน ก่อนไปที่จุดเกิดเหตุ โดยหลักฐาน คือ ภาพกล้องวงจรปิดที่ทั้ง 3 คนนั่งรถไปด้วยกันในวันเกิดเหตุ
ช่วงเช้าของวันนี้ เวลาประมาณ 08.00 น. พ.ต.อ.ธัชพล ส่องแสง ผู้กำกับการ สภ.บัวใหญ่ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ และชุดสืบสวน ได้มีการนำตัวเด็กหญิงทั้ง 2 คน ที่เป็นผู้ก่อเหตุฆ่าเพื่อนสาวเสียชีวิต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยนำรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะไปรับผู้เสียชีวิตไปก่อเหตุดังกล่าว
ซึ่งจุดเกิดเหตุ อยู่บริเวณบึงบัวใหญ่ ต.บัวใหญ่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา เมื่อไปถึงก็พบว่ามีญาติของผู้เสียชีวิตและชาวบ้านมารอดูการทำแผนครั้งนี้จำนวนมาก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยกันพื้นที่ ระหว่างที่นำตัว 2 ผู้ก่อเหตุลงจากรถตำรวจ มีแต่เสียงญาติผู้เสียชีวิต สาปแช่งตลอดการทำแผน และท่าทางของญาติที่อยากเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ ทำให้ทางตำรวจต้องช่วยคุมกันพื้นที่อย่างเข้มงวด เนื่องจากกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อเด็ก ที่เป็นผู้ก่อเหตุ
โดยจุดแรก เป็นจุดบริเวณหน้าบึงหนองน้ำ เป็นจุดที่ทั้ง 3 คน มาจอดรถ และมีการทะเลาะกัน ได้มีการเรียกให้ผู้เสียชีวิตไปที่ริมหนองน้ำ ขณะนั้นผู้เสียชีวิตถือโทรศัพท์อยู่ ลักษณะโทรหาใครสักคน จึงเข้าไปเอาโทรศัพท์ออกจากมือ และปิดเครื่อง
ต่อมาจุดที่ 2 คือบริเวณริมบึงหนองน้ำ เป็นจุดที่ผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน ช่วยกันดึงผู้เสียชีวิต มานั่งคุกเข่ากับพื้นริมน้ำ และช่วยกันกดหัวให้ลงจมน้ำ และเห็นว่าผู้เสียชีวิตนิ่งแล้ว จึงขี่รถออกจากพื้นที่ไป
หลังจากเสร็จสิ้นการทำแผน ทีมข่าวได้สอบถาม เด็กหญิงทั้ง 2 คน รับสารภาพว่า ได้รับน้องเอ ออกจากบ้านไปแล้วขับขี่รถไปที่ สระน้ำ จากนั้นทั้ง 2 คนก็ได้มีปากเสียงกับน้องเอ เรื่องปมชู้สาว จากการที่ น้องเอ ไปสนิทสนมกับ เพื่อนชายของน้องอายุ 13 ปี จึงจับน้องเอกดน้ำจนเสียชีวิต
นางสงวน ก้องชัยภูมิ อายุ 58 ปี ย่าของเด็กที่เสียชีวิต ได้เดินทางมาดูการทำแผนด้วย พร้อมกับตะโกนด่า ร้องไห้ และบอกกับทีมข่าวว่า วันนี้ตนเองเดินทางมาจากขอนแก่น เพื่อดูการทำแผน ที่ผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนด้วยกันกับหลาน วางแผนฆ่าหลานตนเองเสียชีวิต เมื่อพบเด็กทั้ง 2 คน ลงมาจากรถ ดูท่าทางเขาไม่สลดใจอะไรเลย ตนเองรู้สึกโกรธแค้นมากที่ทำกับหลานสาวแบบนี้ และเชื่อว่าเขาวางแผนกันมาอย่างดี ส่วนที่ผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน อ้างว่าที่ก่อเหตุเป็นเพราะอยากได้แค่โทรศัพท์ ส่วนตัวไม่เชื่อว่าเหตุผลเขามีแค่นี้ เชื่อว่าน่าจะมีอะไรที่มากกว่านี้อย่างแน่นอน ตนเองรู้สึกโกรธแค้นมาก และพร้อมเข้าลุย เพราะชีวิตมันต้องแลกด้วยชีวิต หลานสาวของตนเองทั้งคน ซึ่งถ้าหากเขามาขอขมาหน้าศพ ตนเองไม่ยินยอมใดๆทั้งสิ้น และไม่ให้อภัยเลย
ด้านนางสาวสุพัตรา นานอก อายุ 35 ปี แม่ของเด็กผู้เสียชีวิต เล่าว่า หากลูกสาวฟังอยู่อยากบอกว่า รักเขามาก คิดถึงเขา เสียใจที่ไม่ได้ดูแลลูกอย่างเต็มที่ ส่วนผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน ตนเองไม่ขอให้อภัยเลย เพราะรู้สึกโกรธแค้นในใจมาก ตนเองเลี้ยงดูมาอย่างดีทุกอย่าง ไม่เคยคิดจะทำร้ายลูก แต่เขาเป็นใคร ทำไมถึงทำร้ายฆ่าลูกตนเองได้แค่เพียงไม่กี่นาที อยากถามเขาว่าเขาทำได้ยังไง จิตใจและความคิดเขาง่ายเกินไป
นางเต็มสิริรัตน์ นานอก อายุ 65 ปี ยายของผู้เสียชีวิต เล่าว่า วันนี้เดินทางมายังจุดเกิดเหตุเพื่อทำพิธีขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง ได้จัดเตรียมธูป เทียน กล้วยน้ำว้า หมาก พูล ผ้าขาวม้า สวิง และเครื่องเส้นไหว้ ตามความเชื่อ ขอให้เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่าเจ้าเขา ปล่อยดวงวิญญาณหลานสาวที่เสียชีวิตในบึงแห่งนี้กลับบ้าน อีกทั้งกล่าวว่าวันนี้ตั้งใจเดินทางมารับดวงวิญญาณของหลานสาว จากนั้นได้เริ่มทำพิธีโดยความเชื่อสมัยโบราณ โดยการใช้สวิงแกว่งไปมาช้อนเอาดวงวิญญาณตามความเชื่อของคนโบราณที่สืบต่อกันมาอย่างช้านาน จากนั้นแม่ผู้ตายได้คว้าผ้าขาวม้าที่เชื่อว่าเป็นดวงวิญญาณของลูกสาวมากอดไว้แนบอก
หลังจากเสร็จสิ้นการทำแผน ทีมข่าวได้สอบถามเด็กหญิงทั้ง 2 คน เปิดเผยความรู้สึกกับทีมข่าวว่า ว่ารู้สึกผิดและอยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต เจนตนาแค่อยากได้โทรศัพท์นำไปขาย นำเงินมาใช้จ่ายส่วนตัว แต่พอมาถึงเกิดเหตุอารมณ์โมโห ที่ผู้ตายได้มาพัวพันกับชายหนุ่มทำให้ขาดสติ และได้โอกาสที่ไม่มีใครอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ จึงสบจังหวะลงมือก่อเหตุ ที่ผ่านมาทะเลาะกับผู้ตายบ่อยครั้งเรื่องแฟนหนุ่ม