แสงเดือน-ยุพาพร ผู้ต้องหาบัญชีม้า ร่ำไห้หนัก โผกอดสามี-ลูกสาว ยอมรับ “โง่เองที่อยากได้เงิน“ เจ้าตัวสุดงง ชายปริศนายื่นเรื่องประกันตัว-เหมาแท็กซี่ให้ส่งถึงบ้าน คาดเป็นทนายความส่วนตัวแม่มินนี่
จากกรณีเมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) ทีมข่าวช่อง 8 ได้พา 2 สามีของผู้ต้องหาที่ตกเป็นบัญชีม้า ซึ่งพัวพันกับเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ของมินนี่ เดินทางไปพบกับเจ้าหน้าที่สำนักงานกระทรวงยุติธรรมเพื่อหาทางช่วยเหลือภรรยาของทั้งสองที่ต้องติดคุกและไม่มีเงินประกันตัวเนื่องจากครอบครัวฐานะยากจน หลังจากนั้นได้พาทั้งสองคนไปไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์เพื่อขอดลบันดาลให้มีผู้ใจบุญช่วยเหลือประกันตัวภรรยาของทั้งสองคนออกมาสู้คดีก่อน
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ตั้งแต่ช่วงเวลาตี 5 วันนี้ (30 ก.ย.) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่บ้านของ 2 ครอบครัวนี้อีกครั้ง หลังจากทราบข่าวเมื่อช่วง 3 ทุ่มคืนเมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) ว่า นางแสงเดือนและนางยุพาพร ผู้ต้องหาบัญชีม้าทั้งสองคนได้ถูกประกันตัวออกมาจากเรือนจำคลองเปรม กรุงเทพฯแล้ว และอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้านเพื่อกลับมาพบหน้าครอบครัวอีกครั้ง
เมื่อทีมข่าวไปถึงพบว่าครอบครัวของทั้งสอง ต่างตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ นายทองใส สามีของนางแสงเดือด ได้ลุกออกมานึ่งข้าวเหนียวตั้งแต่เช้ามืดเพื่อรอต้อนรับภรรยากลับบ้าน
นายทองใส บอกกับทีมข่าวว่า “เมื่อคืนนี้ผมนอนไม่หลับ หลังจากรู้ว่าภรรยาผมมีคนประกันตัวให้กลับมาบ้านแล้ว ผมเลยตื่นมานึ่งข้าวให้เขาแต่เช้า” ทีมข่าวถามต่อ หน้าเจอหน้าภรรยาจะทำอะไรอันดับแรก เจ้าตัวตอบ “ผมจะขอไปกอด ไปหอมแก้มภรรยาให้ชื่นใจ ผมคิดถึงเขามากครับ”
จากนั้นเวลา 05.15 น. ได้มีรถแท็กซี่สีเขียวเหลือง 1 คัน ขับเข้ามาในหมู่บ้าน โดยภาพจากกล้องหน้ารถจะเห็น นางแสงเดือน และนางยุพาพร ซึ่งแต่งชุดนักโทษเรือนจำ เดินลงจากรถและโผเข้าไปกอดญาติๆที่ออกมารอรับหน้าบ้าน จากนั้นคนขับแท็กซี่ ได้ให้ทั้ง 2 คน มายืนหน้ารถและถ่ายรูปส่งให้ใครบ้างที่ว่าจ้าง จากนั้นไม่นานแท็กซี่คันดังกล่าวได้ขับรถกลับทันที
และต่อมาวินาทีที่รอคอย นายทองใส ได้เดินออกจากบ้านพร้อมกับทีมข่าวช่อง 8 เพื่อไปพบนางแสงเดือนภรรยาที่ยืนรออยู่หน้าบ้านของญาติๆ โดยทันที่นายทองใสเห็นหน้านางแสงเดือนภรรยา เจ้าตัวได้โผเข้ากอดพร้อมกับหอมแก้มภรรยาด้วยความดีใจ ส่วนนางแสงเดือนก็ร้องไห้ออกมาด้วยความคิดถึง
นางแสงเดือนบอกว่า ตนเองดีใจมากที่ได้ประกันตัวออกมา ตนเองร้องไห้ทุกคืน ตนเองเห็นเพื่อนคนอื่นๆได้ประกันตัวออกไปกันหมด ก็ฝากบอกเพื่อนที่ได้ออกไปก่อนว่า ช่วยหาคนมาประกันตัวพวกตนเองที ยอมรับว่า ความรู้สึกตอนที่อยู่ข้างเรือนจำ เป็นความรู้สึกที่แย่มาก ทั้งคิดถึงลูก คิดถึงสามี ห่วงว่าพวกเขาจะเป็นยังไง จะอยู่ยังไง ดีใจมากที่ได้ประกันตัวออกมา
เช่นเดียวกับอีก 1 ครอบครัว คือ ครอบครัวของนางยุพาพร ทันทีที่เธอเดินทางมาถึง นายเดชณรงค์ (หัวโล้น) ผู้เป็นสามี ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาพร้อมกับลูกสาว จากนั้น นางยุพาพร ได้เดินเข้าไปกอดสามีและลูกสาวพร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ โดยนายเดชณรงค์ได้ใช้มือลูบหลัง พร้อมกับบอกภรรยาว่า “ไม่เป็นอะไรแล้วนะ กลับบ้านเรานะ
นายเดชณรงค์ บอกว่า ตนเองดีใจมากที่ได้เจอภรรยาแล้ว ที่ผ่านมาผมเป็นห่วงภรรยามาก เพราะเขาเป็นโรคหัวใจ ซึ่งหากผมติดคุกแทนภรรยาได้ผมคงขอไปติดแทนแล้ว
ส่วนนางสาวยุพาพร ได้ร้องไห้และกอดสามี พร้อมกับบอกว่า ตอนอยู่ในคุกคิดว่าตัวเองจะถูกขังไม่ได้ออกมาแล้ว เพราะคนข้างในบอกว่าคดีมันใหญ่ ซึ่งเกี่ยวกับการฟอกเงิน บางคนเขาว่า 10 ปีโน่นแหละกว่าจะได้ออก ตนเองก็คิดไปเรื่อย จะติดต่อใครก็ไม่ได้ วันนี้ดีใจมากที่ได้ออกมาเจอพวกเค้าอีกที และไม่มีอะไรอยากจะบอกอะไรถึงมินนี่ เพราะตนเองไม่รู้จักมินนี่ด้วยซ้ำ ตนเองยอมรับว่าถูกจ้างไปเปิดบัญชีให้เขาจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเอาไปทำเรื่องผิดกฎหมายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ “ผิดเองที่โง่อยากจะได้เงินเขา”
จากนั้นครอบครัวของทั้งสองคน ทั้งแม่และลูกสาวของนางแสงเดือนได้เข้ามาหาและร้องไห้กอดกัน โดยนางหนูคำ กิ่งก้าน แม่ของนางแสงเดือน บอกกับทีมข่าวว่า ตนเองดีใจมากที่ลูกสาวได้กลับมา ที่ผ่านหลังจากลูกสาวถูกตำรวจจับไปตนเอง กินไม่ได้ นอนไม่หลับทุกคืน ใจเป็นห่วงแต่ลูกสาว วันนี้ลูกสาวได้ออกมาแล้วตนเองก็สบายใจ ดีใจมาก
เปิดใจ “แสงเดือน” ผู้ต้องหาบัญชีม้า ยอมรับหลงผิดรับจ้างเปิดบัญชี
ล่าสุดทีมข่าวได้เปิดใจพูดคุยกับนางแสงเดือน แก้วทอง ผู้ต้องหาบัญชีม้าหลังจากเธอได้ประกันตัวออกมา เธอบอกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 65 มี “นางเจอ” ซึ่งเป็นคนหมู่บ้านอื่นได้เข้ามาภายในหมู่บ้านและมาติดต่อว่าจ้างให้ตนเองช่วยไปเปิดบัญชีให้ โดยจะให้ค่าจ้างจำนวน 1,500 บาท ซึ่งขณะนั้นลูกชายป่วยหนัก ตนเองก็รับจ้างรับจ้างกรีดยาง หาไม่เงินทัน ขาดรายได้ จึงได้เดินทางไปเปิดบัญชีให้ โดยนางเจอเป็นคนพาไปทำที่ธนาคาร เมื่อเปิดบัญชีเสร็จ นางเจอก็นำสมุดบัญชีของตนเองไปทันที โดยไม่ได้บอกว่า เอาบัญชีของตัวเองไปทำอะไร ซึ่งต่อมาภายหลังตนเองก็ไปทราบว่า “นางเจอ” เคยทำงานอยู่กับครอบครัวของมินนี่ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
กระทั่งช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 66 ตนเองได้เดินทางไปขอสวัสดิการบัตรคนจน แต่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชีพบว่า ไม่สามารถขอสวัสดิการบัตรคนจนได้ เนื่องจาก เงินหมุนเวียนในบัญชีเกิน 100,000 บาท ตอนนั้นตนเองตกใจมาก ว่า มีเงินมากมายขนาดนี้ในบัญชีตนเองได้อย่างไร ตนเองจึงเดินทางไปแจ้งความกับตำรวจและแจ้งปิดบัญชีที่เปิดไว้
กระทั่ง 25 กันยายน เวลาเช้ามืด ระหว่างที่ตนเองนอนอยู่ในบ้าน มีรถตำรวจประมาณ 5-6 คัน มาจอดหน้าบ้านพร้อมกับตำรวจกว่า 10 คน เข้ามาจับตนเอง โดยบอกว่า ตนเองเปิดบัญชีมาซึ่งพัวพันกับเว็บพนันออนไลน์ ตอนนั้น ตกใจมากและถูกตำรวจจับเข้าคุกทันที
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ตนเองอยู่ภายในคุก ไม่มีใครประกันตัว เพราะเงินประกันจำนวนมาก ยอมรับว่าเป็นความรู้สึกที่สุดแสนจะทรมาน คิดถึงครอบครัว ข้างในถึงแม้จะสบายกายแต่ก็สบายใจ ทุกเช้าและก่อนนอน ต้องตื่นมาสวดมนต์ไหว้พระ ข้างในเปิดแต่เพลง เปิดแต่ละครให้ดู ไม่มีการเปิดข่าวเลยไม่รู้ว่า คดีของตนเองจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ คิดว่ามีแค่ข่าวกำนันนก
ที่ผ่านมาไม่เคยรู้จักหรือสนิทสนมกับครอบครัวของมินนี่เลย และตนเองยอมรับผิดที่หลงไปเปิดบัญชีให้เขา แต่ตนเองสาบานว่า ไม่รู้ด้วยว่า การรับจ้างเปิดบัญชีผิดกฎหมาย เพิ่งจะไปรู้ก็ตอนเข้าไปที่ธนาคาร และตนเองได้อ่านป้ายที่ติดอยู่ในธนาคารแล้ว แต่ตอนนั้นตนเองก็ยกเลิกไม่ได้แล้ว มันแก้ไขไม่ได้แล้ว เพราะรับปากกับนางเจอที่ยืนเฝ้าอยู่แล้ว
สุดท้ายอยากฝากเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์กับประชาชนที่ดูข่าว “อย่าไปเปิดบัญชีให้ใครเลย มันเสี่ยง มันไม่คุ้มค่าหรอกกับเงินเท่านี้”
เปิดใจ “ยุพาพร” ยืนยันไม่เกี่ยวข้องเว็บพนัน ยอมรับ “โง่เองที่อยากได้เงิน สุดท้ายต้องติดคุก”
เช่นเดียวกับนางสาวยุพาพร วงค์ลา อีกหนึ่งผู้ต้องหาบัญชีม้าที่ถูกจับกุมและเพิ่งได้ประกันตัวออกมาเมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนมาประกันตัวตนเองและเพื่อนอีกคนออกจากเรือนจำ รู้เพียงว่า มีทนายความผู้ชายคนหนึ่งได้เดินออกมารับตัวเองหน้าเรือนจำ พร้อมกับบอกว่า “มีผู้ใจบุญคนหนึ่งวางเงินประกันช่วยเหลือแล้วนะ”
เมื่อตนเองถามว่าเป็นใคร ทนายคนดังกล่าวไม่ตอบ จากนั้นทนายความได้ติดต่อรถแท็กซี่ให้มารับบริเวณด้านหน้าเรือนจำ และบอกกับพวกตนเองว่า ”ไม่ต้องจ่ายเงิน เขาเหมาแท็กซี่ให้ไปส่งที่จังหวัดเลยแล้ว“ จากนั้นทนายคนดังกล่าวได้เดินทางกลับไปทันที
ส่วนเหตุผลที่ตนเองต้องไปรับจ้างเปิดบัญชี ก็เพราะครอบครัวไม่มีเงิน ตอนนั้นขัดสนเรื่องเงิน ลูกชายก็ป่วย จึงได้เจอกับ “นางเจอ” ซึ่งเจ้าตัวชวนให้ตนเองไปเปิดบัญชีโดยบอกว่าจะได้เงินจำนวน 1500 บาท ตนเองด้วยความอยากได้เงินมาเพื่อรักษาลูกชาย จึงยอมเดินทางไปเปิดบัญชีให้ ส่วนเหตุผลที่จ้างให้ตนเองไปเปิดบัญชี ”นางเจอ“ ไม่ได้บอกว่าเอาไปทำอะไร หลังจากเปิดบัญชีให้รับเงินเสร็จก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
กระทั่งช่วงกรกฎาคม ปี 66 ตนเองเริ่มสงสัยว่า ทำไมตัวเองทำบัตรประชารัฐไม่ผ่าน จึงได้ไปตรวจสอบกับธนาคารจึงพบว่าบัญชีธนาคารมีเงินหมุนเวียนเกิน 100,000 บาท
โดยก่อนถูกจับ ตนเองนั่งเช็ดตัวลูกชายที่ป่วยอยู่ภายในบ้าน จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมากันหลาย 10 นายมายืนหน้าบ้านและบอกว่า ตนเองไปเปิดบัญชีม้า ก่อนจะจับตนเองไป ซึ่งตนเองตกใจมาก ตำรวจบอกว่า บัญชีของตนเองไปยุ่งเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งตนเองยืนยันว่า ไม่รู้เรื่องและไม่เคยเข้าไปยุ่ง วันๆรับจ้างกรีดยาง อยู่กับสวน อยู่กับนา เสร็จงานก็กลับบ้านนอน โทรศัพท์มือถือก็ไม่มีจะใช้
ยืนยันตนเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่า การรับจ้างเปิดบัญชีเป็นเรื่องผิดกฎหมาย บางคนด่าตนเองว่า ไม่เคยเห็นข่าวบ้างเลยหรอ บางคนด่าตนเองว่า จะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ ตนเองก็ยอมรับผิด แต่ตนเองไม่รู้เรื่องจริงๆ เพราะเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ไม่เคยตามข่าวอะไรเลย และตนเองยอมรับผิด “เราโง่เองที่อยากได้เงินเขา มันโทษใครไม่ได้”
สภาพชีวิตที่อยู่ในห้องขัง อยากได้เข้าไปเลย เพราะมันทรมานมาก ตอนที่นั่งอยู่ในห้องขังกับนางแสงเดือนสองคน กันเองยังคุยกันเลยว่า “พวกเราคงติดคุกกันอีกหลาย 10 ปี พวกเรามันโง่เพราะเงินจริงๆ“ เพียงเพราะเงิน 1500 บาท ไม่คิดจะทำให้ชีวิตของตนเองและครอบครัวมาเจอโชคชะตาที่เลวร้ายขนาดนี้
สุดท้ายตนเองอยากฝากเป็นอุทาหรณ์ให้กับประชาชนทุกคนดูตัวเองเป็นตัวอย่าง “ก่อนจะเชื่อใครก็คิดให้ดี”
ตนเองดีใจมากที่ยังมีโอกาสได้ประกันตัวออกมาเจอครอบครัวอีกครั้ง และอยากขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีคนนั้นที่วางเงินประกันช่วยเหลือตนเองเพื่อให้มาเจอครอบครัว ถึงแม้ตัวเองจะไม่รู้ก็ตามผู้ใหญ่ใจดีคนนั้นคือใคร
ทีมข่าวถามต่อว่า โกรธครอบครัวมินนี่หรือไม่ที่ทำให้ตนเองต้องติดคุก ? เจ้าตัวตอบว่า ตนเองไม่ได้โกรธครอบครัวของมินนี่เลย และมองว่าเป็นเพราะตัวของตนเองที่เห็นแก่เงินมากเกินไป เพราะถ้าเห็นแก่เงินก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
แม่ยาย “นางเจอ” เผยลูกสะใภ้หอบลูกหนีออกจากบ้านไม่ทราบสาเหตุ ยอมรับเคยเป็นแม่บ้านในร้านกาแฟครอบครัวมินนี่จริง
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของสามีนางเจอ หรือ นางบุศราคัม หลังผู้ต้องหาบัญชีม้าทั้ง 2 ราย อ้างว่านางเจอเป็นคนติดต่อว่าจ้างให้ไปเปิดบัญชีเพื่อแลกกับเงินจำนวน 1500 บาท เมื่อไปถึงพบว่า นางเจอไม่อยู่บ้านแล้ว
สอบถามนางอุมา (นามสมมติ) แม่ยายของนางเจอ ให้ข้อมูลว่า ลูกสะใภ้ได้ขนของหอบลูกชาย 2 คน หนีออกไปจากบ้านได้ประมาณเกือบ 2 อาทิตย์ที่แล้ว อ้างว่าจะกลับไปหาแม่แท้ๆที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อลูกสะใภ้ได้เลย
ส่วนที่ผ่านมายอมรับว่า ลูกสาวเคยเป็นอดีตคนงาน เป็นแม่ครัวภายในร้านกาแฟของครอบครัวมินนี่ ภายในไร่ทรัพย์สมบูรณ์จริง (มีรูปถ่ายหน้าร้านกาแฟ) แต่ได้ออกจากงานมาปีกว่าแล้ว เนื่องจากตั้งท้องมีลูกน้อย
ยืนยันที่ผ่านมาตนเองไม่เคยทราบเลยว่าลูกสะใภ้เที่ยวติดต่อหาคนเปิดบัญชีม้า และไม่รู้ว่าลูกสะใภ้รับงานมาจากใคร และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบถามหา ลูกสะใภ้ ว่าเกี่ยวข้องกับคดีของมินนี่ มีแต่นักข่าวที่โทรศัพท์มาถามเท่านั้น ส่วนลูกสะใภ้จะทำผิดจริงหรือไม่ตนเองไม่รู้
แต่หากผิดจริงตัวเองก็ไม่ขอปกป้อง เพราะสงสาร 2 ผู้ต้องหาที่เข้าไปอยู่ในคุก เนื่องจากหลงไปเปิดบัญชีให้กับลูกสะใภ้
มินนี่ ขอเก็บตัวสักพัก วอนสื่อเลิกตามหา-โยงคนครอบครัวได้รับผลกระทบ
พี่สาวคนสนิทมินนี่ แจ้งผ่านทีมข่าวช่อง 8 อยากอยู่นิ่งๆ เก็บตัวสักพัก ไม่อยากให้เลยเถิดโยงพี่สาว-พี่ชาย พร้อมเผย ประกันตัวคนของมินนี่ที่ถูกกล่าวหาเปิดบัญชีม้าครบหมดทุกคนแล้ว
วันที่ 30 ก.ย. 66 ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ได้รับการประสานจากพี่สาวคนสนิทของ มินนี่ สุชานันท์ ที่ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าแม่เว็บพนัน ว่า ขณะนี้ มินนี่ ไม่ได้อยู่บ้านที่กรุงเทพ แต่ขอเก็บตัวเงียบ อยู่นิ่งๆ ที่โรงแรมแห่งหนึ่งและยังไม่มีกำหนดเดินทางกลับบ้านเกิดที่จ.เลยแต่อย่างใด
โดยพี่สาวคนสนิทของมินนี่ ระบุว่า น้องไม่ให้สัมภาษณ์เพิ่มแล้วค่ะ ขออยู่นิ่งๆ ไม่อยากให้ส่งผลเสียต่อรูปคดี ที่ผ่านมามีหลายรายการอยากเชิญมินนี่ไปสัมภาษณ์ แต่น้องไม่ออกที่ไหนเพิ่มเลยค่ะ ที่บ้านอยากให้อยู่นิ่งๆ เพราะเขาก็ต้องรอดูตำรวจเหมือนกันเขาจะมาไม้ไหนกับน้องอีก เราก็สู้ตามหลักฐานที่มีเหมือนกัน ตอนนี้น้องพักที่โรงแรม ไปดักที่บ้านก็ไม่เจอน้องนะคะ ไม่อยากให้เลยเถิดไปไกล โยงไปถึงครอบครัว พี่สาวพี่ชาย ทำข่าวแต่มินนี่คนเดียวพอนะคะ
นอกจากนี้ มินนี่ ยังฝากพี่สาวคนสนิทมาแจ้งว่า น้องมินนี่อยากให้ช่อง 8 ไปสัมภาษณ์ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของบัญชีม้า เพื่อขอความเป็นธรรม โดยเฉพาะนายพุฒิพงษ์ พูนศรี ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของบัญชีม้า ใช้ในการโอนเงินไปให้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ตำรวจคนสนิทของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.
ล่าสุด มินนี่ ฝากมาแจ้งว่า ทางทนายความได้ไปประกันตัวผู้ที่ถูกจับกุมในข้อหาเปิดบัญชีม้าออกมาทั้งหมดแล้ว ทั้งนายพุฒิพงศ์ , นางเรไร อดีตแม่บ้านมินนี่ รวมถึงนางแสงเดือนและนางยุพาภร ซึ่งเป็น 2 คนสุดท้ายที่ได้รับการประกันตัวออกมาล่าสุด โดย มินนี่ ยืนยันว่า คนของเรามีแค่ 1 คน คือนายพุฒิพงศ์เท่านั้น ที่เหลือไม่ใช่ แต่ทนายช่วยประกันให้หมด
“พล.ต.ต. ภพพล จักกะพาก” เผยบริสุทธิ์ใจ ไม่เคยมีใครสั่งให้ดูแล “มินนี่” เป็นกรณีพิเศษ
ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ กับ พล.ต.ต. ภพพล จักกะพาก ผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ถึงความสนิทสนม พร้อมเคลียร์ถึงประเด็นที่คนมองว่าเป็นคนอารักขา มินนี่ นั้น เวลาจะเดินทางไปไหนมาไหน
เจ้าตัวได้เผยว่า ตนยืนยันว่า ไม่เป็นการอารักขา ด้วยตนเป็นตำรวจการท่องเที่ยว ดูแลความเรียบร้อย ที่สนามบินอยู่แล้ว เวลาใครไปไหนมาไหน เจอตนก็ทักทายเป็นปกติ ซึ่งไม่ได้มีอะไร และประเด็นที่ตนมองว่ามันไม่ได้มีอะไรที่พิเศษ ในเรื่องนี้
ถ้าถามว่าเจอกันที่ได้ ก็เผยว่า เจอกันครั้งแรก วันที่ไปงานเลี้ยงของ บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รู้แค่ว่ามากับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4 ที่เป็นรุ่นน้องตน แต่ก็ไม่ได้ทราบ หรือรู้ว่าทำงานอะไรมาก่อน
ในเรื่องที่ตนมีภาพออกมา ก็ต้องบอกว่า ใครก็ถ่ายรูปด้วยกันได้ เจอกันครั้งแรก ก็ถ่ายได้หมด ไม่รู้จักก็ถ่ายได้ การเจอกันหลังจากงานเลี้ยงก็เจอกันบ้าง เพราะตนเป็นตำรวจท่องเที่ยว และ มินนี่ เดินทางบ่อย เวลาเจอก็ทักทายยิ้มแย้ม ภาพที่ออกมา ก็ถ่ายก่อนจะมีคดีเกิดขึ้น
สำหรับเรื่องตอนถูกเข้าจับกุม ไม่ได้ทราบมาก่อน ทราบพร้อมทุกคน ยังคิดเลย ว่าใช่ไหม เพราะเห็นภาพปิดหน้าปิดตา แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องตกใจ และยืนยันว่าไม่เคยมีการโทรหรือพูดคุยขอความช่วยเหลือจากตน ไม่มีใครสั่งให้ตนช่วยเหลือ หรือดูแลเป็นพิเศษ และด้วยตนเป็นตำรวจท่องเที่ยว ก็อยู่สนามบินตลอด เป็นเรื่องปกติที่จะเจอได้
พร้อมในประเด็นที่คนมองว่า ตนมีความสัมพันธ์ เกินเลยกับ มินนี่ นั้น ขอเคลียร์ชัด ไม่มีอะไรแบบนั้นแน่นนอ เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง และถ้ามีการเรียก ก็พร้อมไปยืนยันความบริสุทธิ์ใจ