*ผงะ!เจอ2ศพซุกตู้คอนเทนเนอร์
จากกรณีเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ชาย 1 ราย หญิง 1 ราย สภาพเน่าเปื่อยอยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์คลังสินค้าแห่งหนึ่ง ลาดกระบัง จึงรุดเข้าไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานและตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจรถไฟ (บก.รฟ.)
*พบต้นทางตู้คอนเทนเนอร์จากฟิลิปปินส์
เบื้องต้นทราบว่าตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว เดินทางมาจากฟิลิปปินส์ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2566 ใช้เวลารวม 5 วันมาถึงที่ท่าเรือแหลมฉบังวันที่ 28 กันยายน 2566 ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายตู้มาถึงคลังสินค้าเมื่อช่วงตี 5 ของวันนี้ (2 ต.ค. 66)
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมไปถึงแพทย์นิติเวชได้เข้าไปตรวจพิสูจน์ศพอยู่ด้านในคลังสิรค้า แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าเก็บภาพด้านในจุดที่พบศพ
ขณะเดียวกันมีรายงานว่าศพที่พบเสียชีวิตมาประมาณ 2 สัปดาห์ สภาพศพเน่าเปื่อย และไม่ยืนยันเป็นร่องรอยไฟไหม้
จากการตรวจศพ พบว่าผู้หญิง ใส่แหวนที่นิ้วนางมือขวา
ขณะที่ศพของผู้ชาย มีรอยสักบนร่างกาย ที่หน้าอก แผ่นหลัง และท้องแขนขวา
ทั้ง 2 ศพ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้าย
*เปิดเส้นทางตู้คอนเทนเนอร์2ศพ
เมื่อไล่ย้อนเส้นทางของตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว พบว่า เริ่มมาจากจีน 3 มณฑล ในช่วงวันที่ 11-15 ก.ย. 2566
ก่อนจะมาถึงที่ฮ่องกง ในวันที่ 19 ก.ย. 2566
จากนั้น ในวันที่ 20 ก.ย. 2566 ถึงที่ไต้หวัน
ก่อนเคลื่อนถึงเมืองมนิลา ฟิลิปปินส์ ในวันที่ 24 ก.ย. 2566
และมาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ในวันที่ 28 ก.ย. 2566
และมาอยู่ที่คลังสินค้า ICD ลาดกระบัง เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่ผ่านมา
*กู้ภัยเผยนาทีกู้ศพ
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวสอบถาม นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ รองหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์มูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว พบว่าลักษณะของตู้มีความหนา หากวางอยู่บนพื้นและมีคนติดอยู่ การเคาะขอความช่วยเหลือก็เป็นไปได้ยากหากใช้มือเปล่าโดยไม่มีของแข็ง จึงเป็นได้ยากที่จะมีคนภายนอกได้ยิน
นอกจากนี้จากการพูดคุยกับแพทย์ชันสูตรทราบว่าน่าจะไม่ได้เสียชีวิตในประเทศไทย ซึ่งหลังจากมีการประสานเจ้าของตู้และบริษัทที่ขนส่งทางตำรวจสน.ตำรวจรถไฟมักกะสัน จะมีการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำเพิ่มเติมต่อไป
อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลว่า สภาพศพของผู้หญิงมีการสันนิษฐานว่าอาจจะตั้งครรภ์แต่ต้องรอการตรวจสอบและยืนยันจากทางเจ้าที่ตำรวจอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ศพทั้ง2ถูกส่งไปชันสูตรที่ นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจแล้ว
*แกะรอยเสื้อยืด
เมื่อตรวจสอบเสื้อยืด สีดำ พบอยู่ข้างศพ และพบว่ามีตราต่างประเทศ ระบุว่า Alpha Kappa Rho ซึ่ง สมาคมภราดรภาพในฟิลิปปินส์ จัดตั้งปี พ.ศ.2516 ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน โดยคติสมาคม Vincit Omnia Veritas หรือ ความจริงชนะทุกสิ่ง
*เตรียมโอนคดีให้ท้องที่ดูแล
ขณะที่ พันตำรวจตรีนรงฤทธิ์ ทองทวี สารวัตรสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจรถไฟมักกะสัน เปิดเผยภายหลังเข้าประชุมติดตามความคืบหน้าคดี ร่วมกับตำรวจนครบาล ว่า จากการสืบสวนในเบื้องต้นทำให้ได้ข้อมูลบางส่วนมาว่าตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวได้เดินทางมาจากประเทศจีน เป็นตู้เปล่าที่มาเข้าประเทศไทย ไม่มีสินค้า ซึ่งมีเส้นทาง มาจาก จีน และอเกจากจีนก็ยังเป็นตู้คอนเทนเนอร์เปล่า ไปเข้า ฮ่องกง ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ และเข้ามาประเทศไทยที่ ท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา และออกจากท่าเรือแหลมฉบังเมื่อเวลาตี2 มาถึง ลาดกระบัง เมื่อตี5 ของวันนี้ ซึ่งเมื่อช่วงเช้า พนักงานของบริษัทเอฟเวอร์กรีน เข้าไปทำความสะอาดตู้คอนเทรนเนอร์ เลยพบศพดังกล่าว
โดยจากการที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแพทย์เข้าไปตรวจศพ คาดว่าทั้ง2ศพ น่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2สัปดาห์ จึงคาดว่าศพนี้น่าจะเป็นชาวต่างชาติ เพราะตู้คอนเทนเนอร์เข้ามาประเทศไทยได้แค่ 4วัน ส่วนผู้เสียชีวิตจะเป็นชาติไหน ยังสรุปไม่ได้ต้องรอผลการตรวจสอบก่อน
โดยหลังจากนี้จะมีการประสานข้อมูลคนหายไปที่ประเทศฟิลิปปินส์ รวมถึง จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ส่วนจะมองเป็นเรื่องการค้ามนุษย์หรือไม่นั้น ก็มองว่า ไม่เคยมีเคสในลักษณะนี้เกิดขึ้น โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างประสานต่างประเทศว่ามีบุคคลสูญหายที่ไหนอย่างไรหรือไม่
โดยในวันพรุ่งนี้จะมีการเรียกสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอีกครั้ง ตั้งแต่ บริษัทเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์ด้วย และระหว่างนี้แนวทางการรวบรวมพยานหลักฐาน ชุดสืบสวนจะต้องรวบรวมให้ได้มากที่สุด ก่อนจะโอนย้ายคดี ไปให้สถานีตำรวจนครบาลลาดกระบังรับผิดชอบต่อ เนื่องจากวันที่ 17 ตุลาคม สถานีตำรวจรถไฟมักกะสัน จะยุบหน่วยเข้าไปอยู่ภายใต้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
*จำลองเหตุการณ์ติดในตู้คอนเทนเนอร์
ทีมข่าวจำลองเหตุการณ์ในวันนี้ ทีมข่าวจะทดลองการเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์แบบเข้าไปอยู่ด้านใน 2 คน จากนั้นทีมข่าวก็จะ จำลองเหตุการณ์คือ เคาะจากภายในตู้คอนเทนเนอร์ว่าคนข้างนอกจะได้ยินเสียงหรือไม่
ทีมข่าวจะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือออกมาจากภายในว่าคนที่อยู่ข้างนอก จะได้ยินเสียงหรือไม่
ซึ่งวันนี้ทีมข่าวเริ่มการทดลองโดยการเปิดประตูเองก่อน จากนั้นเมื่อนักข่าวกับผู้ช่วยช่างภาพเข้าไปด้านในตู้คอนเทนเนอร์ ก็จะให้คุณลุงที่ดูแลสถานที่เป็นคนปิดประตูและล็อกประตูจากด้านนอก
โดยอย่างแรกที่ทีมข่าวเข้าไปจำลองเหตุการณ์ ก็คือการเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์ 3 คนรวมช่างภาพที่ถ่ายภาพให้ ซึ่งการจำลองเหตุการณ์ นักข่าวและผู้ช่วยช่างภาพ ก็จะทดลองโดยการนั่งและนอนอยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งวันนี้ทีมข่าวใช้เวลาเข้าไปอยู่ภายในประมาณ 30 นาที โดยจากการสอบถามกับผู้ช่วยช่างภาพ ในการเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ด้านในประมาณ 30 นาที ค่อนข้างจะหายใจลำบากซึ่งไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ภายในต่อได้
โดยหลังจากการเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์ ทีมข่าวก็เริ่มเข้าไปจำลองเหตุการณ์ ถัดไป ซึ่งเหตุการณ์ต่อไปนี้ ทีมข่าวได้จำลองเหตุการณ์ในตู้คอนเทนเนอร์ เสมือนเหตุการณ์จริง ซึ่งจะเข้าไปด้านในและให้คนข้างนอกปิดประตู ซึ่งการจำลองเหตุการณ์ ในรอบนี้ จะให้ผู้ช่วยช่างภาพถ่ายคลิปผลลัพธ์การจำลองเหตุการณ์ในครั้งนี้ ว่าเมื่อนักข่าวเข้าไปเคาะและส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือออกมา คนที่อยู่ข้างนอกจะได้ยินเสียงหรือไม่
*เผยคนที่ใช้ชีวิตกับตู้คอนเทนเนอร์
ขณะเดียวกันวันนี้หลังจากการจำลอง นายอนุชา อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นคนดูแลสถานที่ และเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับตู้คอนเทนเนอร์ มากว่า 31 ปี ได้เดินมาที่ตู้คอนเทนเนอร์อีกครั้ง และเป็นคนจำลองเหตุการณ์ให้กับทีมข่าวดูว่า หากเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับตู้คอนเทนเนอร์จริงๆ หากจะเข้าไปภายในตู้คอนเทนเนอร์ คนๆนั้นจะต้องถือท่อนเหล็กเข้าไปด้วยหรือนำท่อนเหล็กไปขัดที่ประตูก่อนจะเข้าไปด้านใน ซึ่งคุณลุงอนุชา ยังให้ทีมข่าวลองปิดประตูในขณะที่มีท่อนเหล็กขัดประตู ซึ่งเมื่อลองปิด ก็จะได้ยินเสียงกลอนกระทบกับประตู โดยลุงอนุชา ให้ข้อมูลในการทดลองปิดประตูว่า หากใช้เหล็กขัดประตูเอาไว้ เมื่อมีคนมาปิด ยังไงคนข้างในจะต้องได้ยินเสียงก่อนที่บุคคลนั้นจะปิดประตู หรือข้อ 2. การปิดประตูของคนที่ทำงานหรือใช้ชีวิตอยู่กับตู้คอนเทนเนอร์ ส่วนใหญ่ถ้าคนข้างในไม่เข้าไปแอบที่บานประตูอีกด้าน ยังไงคนที่เดินมาปิดประตูก็จะต้องกวาดสายตามองเข้าไปก่อนที่จะปิดประตูตู้คอนเทนเนอร์
ซึ่งวันนี้นายอนุชา ยังบอกอีกว่า ตู้คอนเทนเนอร์ที่มาจำลองเหตุการณ์ในวันนี้ มีลักษณะใกล้เคียงกับตู้คอนเทนเนอร์ที่พบศพ ส่วนการจำลองของทีมข่าวช่อง 8 ในวันนี้ มีความเป็นไปได้หลายอย่างคือ 1. ศพที่พบ อาจจะเข้าไปหลับภายในและไม่มีใครได้ยินเสียง 2. อาจจะเป็นเพราะว่าคนปิดประตูสะเพร่า ปิดประตูโดยไม่มองภายในตู้ก่อน 3. ความเป็นไปได้มากที่สุดคือ ศพที่พบ ต้องการซ่อนตัวในตู้คอนเทนเนอร์โดยแอบคนที่มาปิดประตูที่บานประตูอีกด้านที่ปิดเอาไว้อยู่
ส่วนเรื่องความการเข้าไปใช้ชีวิตหลังจากประตูตู้คอนเทนเนอร์ปิด ที่ด้านล่างและด้านบน ส่วนตัวเชื่อว่าถ้าถูกขังไว้ด้านในจริงๆ คนที่เข้าไปจะอยู่ได้ไม่เกิน 2 - 3 ชั่วโมง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ตนเองมาใช้ชีวิตทำงานอยู่กับตู้คอนเทนเนอร์ 31 ปี ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่มีคนติดภายในตู้คอนเทนเนอร์มาก่อน