ผู้เชี่ยวชาญอาชญวิทยาชี้เด็กเตรียมการก่อเหตุในห้าง หวังสร้างความหวาดกลัวให้คนหมู่มาก จับพิรุธป่วยจิตเวชจริงหรือแกล้ง

รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี ประธานกรรมการคณะอาชญาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต ให้สัมภาษณ์กับทีมข่างช่อง 8 ถึงเหตุการณ์เด็ก 14 ปีกราดยิงในห้างสรรพสินค้าเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ล่าสุดมีภาพวงจรปิดเห็นเด็กเดินริมถนนไปยังสถานที่เกิดเหตุ มีข้อสงสัยว่าทำไมถึงไม่ยิงคนตามท้องถนน อาจารย์วิเคราะห์ว่ามันเป็นรูปแบบลักษณะการก่อเหตุเหมือน เป็นการเลือกสถานที่และช่วงเวลามาแล้ว ที่ไม่ยิงตามท้องถนนเพราะตรงนั้นเป็นที่เปิด ถ้าเกิดเหตุแล้วโอกาสที่คนจะวิ่งหนีมันง่ายกว่าสถานที่ปิดอย่างห้างสรรพสินค้า ซึ่งถ้ายิงในห้างสรรพสินค้าโอกาสที่คนจะวิ่งหนีหาทางหลบหนีทำได้ยากกว่า

ส่วนการเลือกก่อเหตุในห้างใจกลางเมือง มีเหตุปัจจัยทั้ง 1.ต้องการสร้างความหวาดกลัวกับคนหมู่มาก 2.ต้องการเรียกร้องความสนใจทั้งจากคนใกล้ชิดและสาธารณชน 3.มีการเตรียมก่อเหตุ ทั้งเตรียมกระสุน เส้นทางเดินทาง สถานที่ และเวลา

อาจารย์มองว่า คนก่อเหตุเพิ่งก่อเหตุเป็นครั้งแรก แล้วมีการศึกษารูปแบบการก่อเหตุ ทั้งยังฝึกฝนทักษะการใช้อาวุธปืน ทั้งการยิง การใส่กระสุนมาก่อน ไม่ใช่เพิ่งมาหยิบปืนก่อเหตุในวันนั้นเลย นักข่าวถามต่อว่าที่เห็นว่าคาดเข็มขัดยุทธวิธีก่อนไปก่อเหตุ อาจารย์บอกว่า แน่นอนน้องคนนี้มีความรู้การใช้อาวุธปืน และยังมีความพร้อมในการปฏิบัติการ ตรงนี้อาจารย์บอกน่าสนใจ ทำไมคนไข้จิตเวชถึงมีความคิดที่เป็นขั้นเป็นตอน แบบสลับซับซ้อน ต่างจากคนไข้จิตเวชส่วนใหญ่ ที่เลือกทำร้ายตัวเอง หรือถ้ากลัวคนมาทำร้ายก็จะขว้างปาสิ่งของ แต่อันนี้เป็นเพียงข้อสังเกตต้องให้จิตแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านจิตเภทเป็นผู้ประเมินอีกครั้งหนึ่ง

ประเด็นที่ผู้ก่อเหตุทำเพื่อเรียกร้องความสนใจนั้น อาจจะต้องย้อนกลับไปดูว่าความใสของคนในครอบครัวที่มีต่อตัวเขาและคนรอบตัวในบ้านเขาใส่ใจตัวเด็กมากน้อยแค่ไหน อาจารย์พูดน่าคิดว่าคำว่า “สนใจ-ใส่ใจ” ไม่ได้หมายความว่า ให้เงิน สิ่งสำคัญคือต้องให้ความรัก ความเข้าใจ ความเป็นเหตุเป็นผลคุณธรรม ศีลธรรม ทำค่านิยมที่ดีงาม ตรงนี้ผมว่า เขาไม่มีเลย เพราะ ถ้าเขาตรงนี้ เขาคงไม่เอาปืนมาไล่ยิงคนผู้บริสุทธิ์

ส่วนที่มีข่าวว่า หลังจากก่อเหตุไปแล้วผู้ก่อเหตุได้โทรหาตำรวจ 191 อาจารย์มองว่าที่ทำเพื่อต้องการหาทางออก คิดแบบเด็ก เพราะไม่รู้ว่าณ เวลานั้นจะทำอย่างไรต่อไป จนสุดท้ายน้องยอมมอบตัว ไม่สู้กับตำรวจ ซึ่งตรงนี้น่าสนใจว่าทำไมเด็กถึงตัดสินใจยอมมอบตัว เพราะคนไข้จิตเวชเขาคิดแบบนี้ไม่ได้ ยิ่งพูดว่าน้องไม่ปกติ ถ้าโทรหาตำรวจต้องพูดอีกแบบ “ว่ามีคนจะยิงผม ทำร้าย ฆ่าผม” ไม่ใช่พูดว่า “ผมยิงคนตาย”

ถามว่าเด็กคนนี้อาจจะมีพฤติกรรมแปลกว่าคนก่อเหตุคนอื่นๆ หรือไม่ อาจารย์บอกว่าต้องแยกกันระหว่างคนสภาพจิตไม่ปกติ กับ คนไข้จิตเวช โดยคนสภาพจิตไม่ปกตินั้น เป็นคนที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจ ถูกกดดัน ถูกบีบคั้นทางจิตใจ ทำให้มีพฤติกรรมและบุคลิกต่อต้านสังคม ส่วนคนจิตเวช มีอาการหูแว่ว ประสาทหลอน ปกติแล้วคนไข้จิตเวชจะมีระดับ ถ้าระดับอาการ 9-10 เป็นคนไข้จิตเวชที่ไม่รู้ตัวก่อเหตุอะไรไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนกรณีนี้ถ้าน้องป่วยก็ต้องไปดูว่าป่วยระดับไหน ส่วนตัวผมเองไม่สามารถบอกได้จากภาพในคลิปที่คุยกับตำรวจ แต่เท่าที่ดูคลิปนี้มันแปลกและมีนัยยะบางอย่างคือน้องคนนี้รู้วิธีการสื่อสารกับตำรวจ พี่พยายามพูดคุยกับน้องตอนจับตัวได้ ตรงนี้น่าสังเกตว่าน้องมีความรู้มาก่อนหรือไม่ ว่าคนไข้จิตเวชเป็นอย่างไร ซึ่งสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือ 1.ป่วยจิตเวชจริง 2.สื่อสารให้เหมือนเป็นคนไข้จิตเวช ถ้าเป็นอย่างหลัง ก็หมายความว่าฉลาดพอที่ทำให้คนเชื่อว่าป่วยจิตเวช หากแกล้งป่วย แต่หมอเขามีวิธีการตรวจเพราะหมอเรียนมา วัดจากผลตรวจประเมินจากจิตแพทย์

สิ่งที่ห่วงกังวลหลังเหตุการณ์นี้ 1.เรื่องอาวุธปืนอย่างแบลงกันที่ไม่ผิดกม.อาวุธปืน แต่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองรับทราบกำลังเร่งแก้ปัญหาก็เป็นเรื่องที่ดี 2.การดัดแปลงอาวุธปืนต้องปราบปรามจริงจัง 3.สังคมไทยต้องย้อนกลับสู่สมัยก่อนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย มีสายใยความรัก ดึงค่านิยมที่ดีงามกลับมา อย่าให้เจริญด้านเทคโนโลยี แต่ความเจริญด้านความเป็นคนลดลง

แบมแบม ห่วงเหตุกราดยิงพารากอน เสียใจแฟนคลับเป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บ

แบมแบม GOT7 ศิลปินหนุ่มแสดงความห่วงใยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น โพสต์ถามในทวิตเตอร์ว่า "มีอากาเซ่ เจ็บจากเรื่องที่พารากอนไหมครับ" ก่อนจะมีหลายคนเข้าไปตอบว่า หนึ่งในผู้บาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว มีคนที่เป็นอากาเซ่ (แฟนคลับวง GOT7) อยู่ด้วย

"ขอให้พี่ที่เจ็บจากเรื่องที่เกิดขึ้น ฟื้นฟูร่างกาย และกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมนะครับ เสียใจมาก ๆ ที่คนของเราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ หวังว่าจะไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้นะครับ ขอโทษที่ทำได้แค่ โพสต์ใน sns แบบนี้ (ถ้ามีคนที่รู้ว่าพี่เค้าอยู่โรงบาลไหนขอให้ส่งที่อยู่ให้หน่อยนะครับ อยากส่งกำลังใจ และของเล็กน้อยให้พี่เค้าครับ)”

จากนั้นก็มีผู้เข้ามาคอมเมนต์ในทวีตดังกล่าวโดยบอกว่าเป็นญาติของคุณหนุงหนิง แฟนคลับของนนท์ ธนนท์ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวว่า

“สวัสดีค่ะ เป็นญาติพี่หนุงหนิงค่ะ อยู่กับแม่ของพี่หนุงหนิงค่ะ ทางครอบครัวขอขอบคุณแบมแบมมากมากค่ะที่เอ็นดูและเป็นห่วงพี่หนุงหนิงค่ะ รายละเอียดขอส่งให้ทางแชทนะคะ”

ญาติ “วิเชียร” จนท.รักษาความปลอดภัย ห้างพารากอน ที่บาดเจ็บเผย เป็นลูกกตัญญู หาเงินสร้างบ้าน เลี้ยงดูพ่อแม่

วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่บ้านของนายวิเชียร ซึ่งมีบ้านเกิดอยู่ที่ ต.หนองขาม อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด เราได้พูดคุยกับเพื่อนบ้านของนายวิเชียร ให้ข้อมูลว่า นายวิเชียร ได้เดินทางไปทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ห้างพารากอนซักระยะหนึ่งแล้ว ส่วนภรรยาก็ทำงานที่ห้างเดียวกัน โดยทุกเดือนส่งเงินมาให้พ่อกับแม่และลูกชาย ซึ่งเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ตลอดไม่เคยขาด โดยนายวิเชียร เป็นลูกชายคนโตที่มีความกตัญญู รักพ่อรักแม่ เงินเดือนที่ทำงานได้ก็จะส่งเงินกลับบ้านมาตลอด และล่าสุดก็เพิ่งสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับพ่อกับแม่อยู่

ส่วนหลังเกิดเรื่อง น้องสาวของนายวิเชียรซึ่งทำงานเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลอยู่โรงพยาบาลอาจสามารถ ได้ทราบข่าวจากโทรศัพท์ หลังภรรยานายวิเชียรโทรศัพท์มาบอก ตอนแรกน้องสาวของนายวิเชียรก็ไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ เนื่องจากพ่อกับแม่นายวิเชียรอายุมากแล้ว และเป็นโรคหัวใจ หากได้ยินข่าวร้ายกะทันหันอาจจะหัวใจวายได้ ลูกสาวจึงคอยๆบอกพ่อกับแม่นายวิเชียรว่าตอนนี้เจ้าตัวอาการปลอดภัยแล้ว ถูกกระสุนยิงเข้าที่หลัง แต่อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว

สวดศพชาวเมียนมาเหยื่อกราดยิง ไร้เงาผู้ปกครองมือปืนวัย 14 ปี

เมื่อเวลา 18.00 น.ที่ศาลา 2 วัดผาสุกมณีจักร ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี Mr.THAN HTWE เอกอัครราชทูตประเทศเมียนมา ประจำประเทศไทย คุณสุทรรศชัย พลายแก้ว บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด คุณณริสาห์ วิวัฒนกิจเจริญ บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด คุณณัฐพล เดชวิทักษ์ สภากรรมการหอการค้าไทย และว่าที่ร้อยตรีภานุพงศ์ บรรดาศักดิ์ สมาชิกเทศบาลนครปากเกร็ด เขต 1 พร้อมญาติและเพื่อนร่วมงานของนาง MOE MYNT หรือตะวัน อายุ 31 ปี สัญชาติเมียนมา เหยื่อกระสุนเด็กอายุ 14 ปี คลั่งใช้ปืนไล่กราดยิงคนภายในห้างสรรพสินค้าพารากอน กทม. จนมีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บอีกหลายราย ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่วัด ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศกเศร้า โดยจะมีการตั้งสวดอภิธรรมศพ ตั้งแต่วันที่ 4-8 ต.ค. 66 เป็นเวลา 5 คืน จะประชุมเพลิงในวันที่ 9 ต.ค.66

น.ส.พรทิพย์ อายุ 25 ปี เพื่อนร่วมงานกล่าวว่า พี่ตะวันเป็นคนใจเย็น พูดเพราะ นุ่มนิ่ม ค่อยๆพูด ค่อยๆคิด ค่อยๆเดิน พี่ตะวันทำงานก่อนตนน่าจะ 3-4 ปี เป็นคนเก่งและไหวพริบดีมาก แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี พูดได้หลายภาษา เจ้าของเลยเอาไปช่วยหน้าร้าน โดยพี่ตะวันสามารถพูดได้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาพม่า และภาษาไทย ซึ่งภาษาไทยค่อนข้างชัด ตนรู้ว่าพี่ตะวันคอยส่งเสียให้ที่บ้านทุกเดือน เป็นเสาหลักของบ้าน มีบ้างที่ตนรู้ว่าพี่ตะวันส่งเงินให้ที่บ้านจนหมดจนไม่เหลือเงินใช้เลย และเคยบอกกับตนว่าไม่อยากให้แม่เขาอยู่ที่พม่า อยากให้มาซื้อคอนโด ซื้อบ้านที่ไทยและย้ายมา เมื่อไม่นานนี้เองที่เพิ่งคุยกับตน ตนเสียใจและไม่อยากให้เป็นพี่ตะวัน ก่อนหน้านั้นมีลางสังหรณ์เพราะโทรหาพี่ตะวันเท่าไหร่ก็ไม่ติด ไม่รู้ว่าโทรศัพท์พัง หรือหลบอยู่ตรงไหน