ครบ 4 ปี โรงพักเพชรเกษมทำบุญให้เหยื่อ "ไอ้ไอซ์" ส่งหีบเหล็กเผาเมรุวัดม่วง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ต.ค. ที่เมรุวัดม่วง ซอยเพชรเกษม 63 พ.ต.อ.ดร.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ สน.เพชรเกษม จัดพิธีฌาปณกิจและบังสุกุล ให้กับ น.ส.วรินทร์ธร หรือ กุ๊กกิ๊ก อายุ 22 ปี ผู้เสียชีวิต ในคดี นายอภิชัย องค์วิศิษฐ์ หรือ "ไอซ์หีบเหล็ก" อายุ 40 ปี ถูกฆ่าฝังดิน

โดยนายอภิชัย หรือ ไอซ์ ได้ก่อเหตุหน่วงเหนี่ยวกักขัง นางสาววรินทร์ธรณ์ หรือ กุ๊กกิ๊ก ผู้ตาย ไว้ในห้องพัก ก่อนฆ่าผู้ตายโดยทรมานหรือโดยกระทำ ทารุณโหดร้ายจนถึงแก่ความตาย ต่อมานายไอซ์ กับพวกร่วมกันขุดหลุม และฝังศพผู้ตายเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและเป็นการทำให้เสียหาย เคลื่อนย้าย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งศพ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ซึ่งต่อมาได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวไว้ได้พร้องของกลางในคดี ประกอบด้วยเสื้อผ้า และทรัพย์สินของผู้ตาย อยู่ภายในหีบเหล็ก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ยึดไว้เป็นของกลางในคดี และเก็บไว้บริเวณห้องว่างชั้น 4 สน.เพชรเกษม กระทั่งศาลอาญาธนบุรี สั่งตัดสินจำคุกตลอดชีวิต “ไอซ์ หีบเหล็ก” และให้ริบทรัพย์สินที่บรรจุอยู่ภายในหีบเหล็กดังกล่าวซึ่งประกอบด้วย เสื้อผ้า และทรัพย์สินของผู้ตาย ซึ่งได้เก็บไว้เป็นเวลานานภายในห้องร้างดังกล่าว

ด้านพ.ต.อ.ดร.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม ได้มีการปรับปรุงห้องร้างดังกล่าวเป็นศูนย์ควบคุมสั่งการ (CCOC) และจะเปิดทำการในวันที่ 17 ตุลาคม 2566 ซึ่งตรงกับวันตำรวจ จึงได้ ร่วมกันกับข้าราชการตำรวจทุกนายในโรงพัก นิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์บริเวณห้องขั้น 4 และเคลื่อนย้ายหีบเหล็กไปทำพิธีฌาปณกิจ พร้อมทั้งสวดบังสุกุลเพื่อทำบุญให้กับผู้เสียชีวิต ที่เมรุวัดม่วง โดยมีพระพิพัฒน์ศาสนธำรง เจ้าอาวาสวัดม่วงเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตาย โดยได้ขออนุมัติทำลายของกลางจากผู้บังคับบัญชาถูกต้องตามขั้นตอน หลังจากที่ศาลมีคำสั่งริบ โดยหลังจากนี้ จะรายงานผล การดำเนินงานทั้งหมดให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นต่อไป

ชาวบ้านละแวกบ้าน ไอซ์หีบเหล็ก หลอนได้ยินเสียงโหยหวน

ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนางสาวดาว อายุ 26ปี ชาวบ้านที่อาศัพอยู่ห้องเช่าที่ติดกับบ้านไอซ์หีบเหล็ก บอกกับผู้สื่อข่าวว่าที่ผ่านมาเธอและน้องสาวของเธออาศัยอยู่ภายในห้องเช่าซึงอยู่ติดกับบริเวณจุดที่มีการทิ้งศพช่วงกลางคืนจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนของผู้หญิงเป็นประจำ จนทนไม่ไหวทำให้ต้องมีการติดผ้ายันต์เอาไว้ที่หน้าต่างห้อง นอกจากนี้เวลาเดินเข้าหอพักเส้นทางจะมืดและค่อนข้างเปลี่ยวในช่วงกลางคืนจะรู้สึกเหมือนมีผู้หญิงเดินตาม ซึ่งน้องสาวที่เคยอยู่ห้องเดียวกับเธอเคยเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆผมยาวเดินอยู่ในบริเวณนี้ช่วงกลางดึก ซึ่งน้องสาวเธอกลัวจนกระทั่งต้องตัดสินใจย้ายออกจากหอพักไปในวันนี้ ซึ่งหลังจากที่คดีนี้เป็นข่าวโด่งดังก็พบเห็นสิ่งลี้ลับผิดปกติในลักษณะนี้มาโดยตลอด