"ชาดา" ตีกรอบทุกหน่วยต้องส่งรายชื่อผู้มีอิทธิพล จี้ มาเฟีย "สีแดง-เหลือง" ต้องปราบให้หมด ไม่หวั่น ป.ป.ช."ตรวจสอบปืน-พระเครื่อง" ชี้เป็นของสะสม พร้อมคืนหากรัฐเรียกคืน
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึง ความคืบหน้าในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่มีการระบุว่าสามารถได้รายชื่อ 600-700 รายชื่อและได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานความมั่นคงและได้ข้อสรุป ว่า องค์การปกครองได้มีการเปิดเผยรายชื่อมานั้น เราได้มีการนำข้อมูลมาทำใหม่ โดยพิจารณา ไม่ได้เอาเพียงตัวบุคคล แต่รวมถึงพฤติกรรมด้วย
นายชาดา กล่าวว่า แม้ในอดีตจะเคยมีการเปิดเผยรายชื่อไปแล้วและมีการผ่านการดำเนินการมาแล้วมากกว่า 2-3 ครั้งแต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ตนจึงให้นำข้อมูลที่เห็นว่าบุคคลนั้นมีความผิดรวมถึงมีบริวารอย่างไร ขณะนี้อยู่ในการรวบรวมรายชื่อใหม่ จากที่ประชาชนได้มีการร้องเรียนมา จากทางหมายเลขโทรศัพท์ที่ตนเคยให้ไปก่อนหน้านี้ พร้อมย้ำว่า ขอให้เป็นการแจ้งข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้อง โดยไม่มีการกลั่นแกล้งกัน ส่วนความร่วมมือกับหน่วยความมั่นคงก็จะมีการส่งรายชื่อ จากนั้นกระทรวงมหาดไทยจะนำรายชื่อจากประชาชน และ สส. ที่มีการส่งรายชื่อเข้ามา จะนำข้อมูลมากลั่นกรองอีกครั้ง
นายชาดา อธิบายถึงการจำแนกกลุ่มผู้มีอิทธิพล สีเหลืองสีแดง ว่า สีแดงคือบุคคลที่กระทำความผิดอยู่ ณ ปัจจุบัน ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ที่มีความเกี่ยวข้อง ที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการ อาจจะเป็นกลุ่มที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังจับกุมไม่ได้หรือแม้แต่หลักฐานที่ไม่เพียงพอ แต่การดำเนินการครั้งนี้เราจะดำเนินการทั้งระบบ โดยมีหน่วยงานความมั่นคงเข้าไปตรวจสอบภาษี หรือกรณีที่มีการฮั้วประมูล จะมีการดำเนินการอย่างเต็มระบบอย่างเข้มข้น เราจะเข้าไปตรวจสอบดำเนินการ หรือเรียกว่าตัดตอนถอนรากถอนโคน ใครที่คิดไม่ดี ไม่ถูกต้อง รังแกประชาชนอยู่ ตนขอให้เลิกสะ ไม่เช่นนั้นต้องพบกับการตรวจสอบทั้งระบบ อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
ส่วนกรอบระยะเวลาในการดำเนินการนั้น นายชาดา กล่าวว่าระยะเวลาในการรวบรวมข้อมูลใช้เวลานานพอสมควร ขณะนี้รอข้อมูลจากส่วนต่างๆ หรือหน่วยงานต่างๆ ส่งข้อมูลเข้ามาคาดว่าใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน และจะมีการปฏิบัติการอย่างเข้มข้นไปเรื่อยๆ
ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชี ทรัพย์สินส่วนตัวกรณีที่มีอาวุธปืนในครอบครอง 23 กระบอก นายชาดา ระบุว่า เดี๋ยวจะมีกฎหมายขององค์การปกครองโดยกระทรวงมหาดไทยออกมาตรการ หากใครครอบครองอาวุธปืนมาก อาจจะเสียภาษีที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนคนที่ครอบครองปืน แต่ไม่ได้ใช้ไปทำร้ายใคร ตนมองว่าอาจจะเป็นการสะสม แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องมีการตรวจสอบทั้งหมด
นายชาดา กล่าวต่อว่า ในส่วนของตนเองนั้นหากมีการเรียกร้องให้คืน ตนก็พร้อมคืน สำหรับการครอบครองปืนของตนนั้น ตนเผยว่าเป็นการสะสมเนื่องจากอาวุธปืนของตนมีลวดลายที่สวยงาม ส่วนการครอบครองพระเครื่อง ในฐานะที่ตนเป็นอิสลามนั้น ตนอยู่ในจังหวัดอุทัยธานี มีมุสลิมจำนวนไม่มาก ตนมีความผูกพันกับทั้งวัดและพระ รวมถึงเซียนพระในตลาด และตนมีความชอบในพระเครื่อง มีมาตั้งแต่สมัยที่ตนเป็นนายกเทศมนตรี พระเครื่องที่ตนมีอยู่ในครอบครองไม่ได้มีไว้สำหรับเพื่อเช่า ซึ่งทางป.ป.ช.ได้มีการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าอาจจะขัดกับศาสนาอิสลามตนมองว่าคนละเรื่องกัน
ทั้งนี้นายชาดา กล่าวทิ้งท้ายว่า "เราไม่ได้กราบไหว้บูชา มองว่าเป็นของมงคล การกราบไหว้ทางศาสนาเป็นคนละประเด็นกัน ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี"