ฝากขัง 3 ผู้ต้องหา ไม่ปริปากขายปืน
ช่วงเช้าวันนี้ (7 ต.ค.66) พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา คุมตัว นายสุวรรณหงษ์ , นายอัครวิชญ์ 2 พ่อลูกขายจ.ยะลา ที่ขายอาวุธปืนให้เยาวชนวัย14 ปี และนายปิยะบุตร เพียรพิทักษ์ ผู้ขายและเครื่องกระสุนปืน แม็กกาซีนปืน ให้ผู้ก่อเหตุ ไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้
โดยทั้ง 3 คน ยังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิมวันที่ถูกจับกุม และมีสีหน้าที่อิดโรย ก้มหน้าก้มตา ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม นายปิยะบุตร เนื่องจากเป็นคนเดียวที่รับสารภาพ และเป็นตัวกลางสำคัญในการจัดหาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนส่งขายให้กับผู้ก่อเหตุ แต่นายปิยะบุตร ไม่ตอบคำถามใดๆ
สำหรับ นายสุวรรณหงษ์ , นายอัครวิชญ์ และนายปิยะบุตร ถูกดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนและกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ท้ายคำร้องขอฝากขังพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ทั้ง3คน
โดยในชั้นสอบสวน นายสุวรรณหงษ์ และ นายอัครวิชญ์ ผู้ต้องหา2พ่อลูกจ.ยะลา ให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่ได้ขายปืนให้เยาวชนวัย14ปี แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานเอาผิดทั้งหมด ทั้งสลิปการโอนเงินและหลักฐานอื่นๆ ส่วนนายปิยะบุตร ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าเป็นคนจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนให้กับเยาวชนวัย14ปีจริง ซึ่งมีรายงานว่าผู้ก่อเหตุโอนเงินเข้าบัญชีนายปิยะบุตร ในวันที่ 20 ก.ย.เพื่อซื้อเครื่องกระสุน ขนาด 9มม. จำนวน 1,800บาท และวันที่ 25 ก.ย.อีก 1,020บาท เพื่อซื้อแม็กกาซีน รวมถึงวันที่ 1ต.ค.อีก 2,820บาท เพื่อซื้อเครืาองกระสุน ขนาด.38
นอกจากนี้ตำรวจ หลังจากที่ตำรวจได้สอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสามคนแล้ว ได้ขยายผลจากเส้นทางการเงินและข้อมูลการสนทนาผ่านแอปพลิเคชันไลน์ พบผู้เกี่ยวข้องในการจำหน่ายกระสุนปืนเพิ่มเติม จึงได้ออกหมายจับเพิ่มเติมกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในเครือข่ายอาวุธปืนที่เชื่อมโยงกับเหตุกราดยิงพารากอน อีก 3 ราย เป็น ชาย อายุ 27 ปี , ชาย 19ปี และหญิง อายุ 24 ปี ข้อหา ร่วมกันมีปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต /ร่วมกันจำหน่ายปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่นกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี คาดว่าจะได้ตัวในวันนี้
ศาลไม่อนุญาตประกันตัว
ต่อมา ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุญาตให้ฝากขังตามคำร้องได้เป็นเวลา 12 วัน แต่ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวชั่วคราว โดยศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เชื่อว่าหากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาอาจหลบหนี ก่อนที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวเข้าเรือนจำทันที
บุกจับนิกกี้เอี่ยวเครือข่ายขายปืน
ต่อมา ตำรวจสืบนครบาล , กก.สส.บก.น.6 และ สน.ยานนาวาชุด ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัวนายภัสสรกรณ์ หรือนิกกี้ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหา "ร่วมกันจำหน่ายเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต" หลังขยายผลจากเส้นทางการเงินและข้อมูลการสนทนาผ่านแอปพลิเคชันไลน์ พบว่าเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายกระสุนปืนและเครื่อฃกระสุน ที่เชื่อมโยงกับการจำหน่ายให้กับเยาวชนอายุ14ปี
โดยตำรวจสามารถจับกุมตัวนายภัสสรกรณ์ ได้ที่บ้านพักหลังหนึ่ง แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพ ทั้งนี้ ยังตรวจยึดของกลางได้อีก 13 รายการ คือ
1.อาวุธปืนที่มีใบ ป.4 จำนวน 2 กระบอก
- พกกึ่งอัตโนมัต glock
- ลูกโม่ smith&wesson
3.ลูกกระสุนขนาด 9 จำนวน 4 กล่อง + 5 นัด
4.ลูกกระสุนขนาด .380 จำนวน 7 กล่อง
5.ลูกกระสุนขนาด .22 จำนวน 11 กล่อง
6.ลูกกระสุนลูกซอง จำนวน 14 กล่อง
7.ลูกกระสุนขนาด .38 จำนวน 14 กล่อง
8.ลูกกระสุนขนาด .45 จำนวน 2 กล่อง
9.ลูกกระสุนขนาด 357จำนวน 1 กล่อง
10.ลูกกระสุนขนาด 7.65 จำนวน 2 กล่อง
รวม 2,765 นัด
11.โทรศัพท์ จำนวน 3 เครื่อง
12.กล่องพัสดุที่ยังไม่ได้บรรจุ จำนวนมาก
13.อุปกรณ์ในการแพ๊คสินค้า จำนวนมาก
ขณะนี้อยู่ระหว่างคุมตัวเข้ามาสอบปากคำและดำเนินคดีที่ สน.ยานนาวา
โดยนายภัสสรกรณ์ ทำหน้าที่ส่งกระสุนให้กับเยาวชนอายุ 14 ปี ผู้ก่อเหตุกราดยิงพารากอนในรอบแรก
ขยายผลจับเครือข่ายเพิ่ม ร่วมเปิดบัญชีม้ารับโอนเงิน
ขณะที่ น.ส.สุธิดา อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาอีก1รายที่ถูกออกหมายจับ ทำหน้าที่ใช้บัญชีรับโอนเงินค่ากระสุนรอบแรก ได้ขอเข้ามอบตัวกับตำรวจ ที่อำเภอบางสะพานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และได้ควบคุมตัวแล้ว
ส่วนอีก 1 รายที่ถูกออกหมายจับคือ นายวุฒิพงษ์ 19 ปี ซึ่งรายนี้ทำหน้าที่ ใช้บัญชีรับโอนเงินค่ากระสุนรอบที่ 3 ได้ถูกควบคุมตัว ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ด้วยแล้วเช่นกัน อยู่ระหว่างนำตัวมาสอบสวนที่สน. ยานนาวา
เปิดผังความเชื่อมโยงเครือข่าย
เมื่อไล่ย้อนความเชื่อมโยงเครือข่าย นิกกี้ พบว่า นายปิยะบุตรจะติดต่อซื้อกระสุนกับนายธนาวุฒิ ก่อนจะเป็นผู้ติดต่อนายนิกกี้คนขาย ซึ่งเป็นกลุ่มขายอาวุธปืน โดยนางสาวสุทธิดาเป็นภรรยาของนายธนาวุฒิ ซึ่งนายธนาวุฒิใช้บัญชีนางสาวสุทธิดาเป็นบัญชีรับโอนเงินจากนายปิยะบุตร ก่อนจะโอนเงินต่อไปให้นายนิกกี้
ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 รายที่ถูกออกหมายจับ คือ นางสาวสุธิดา อายุ 24 ปี พบว่าทำหน้าที่ใช้บัญชีรับโอนเงินค่ากระสุน ได้ขอเข้ามอบตัวกับตำรวจที่ สภ.บางสะพานน้อย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แล้ว โดยได้ให้การเบื้องต้นว่า เมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว ได้ทำการเปิดบัญชีสำหรับใช้เงินอุดหนุนบุตร ต่อมา นายธนาวุฒิ เปลี่ยนวงค์ สามี จะนำบัญชีนี้ไปใช้สำหรับให้ผู้อื่นโอนเงินเข้ามาเป็นประจำ
โดยตำรวจได้สอบปากคำสามีของนางสาวสุธิดามาประกอบสำนวนคดี ซึ่งนายธนาวุฒิ ให้การว่า ตนอยู่ในกลุ่มไลน์ซื้อขายอาวุธปืน ซึ่งมีการโพสต์รูปลงขายกระสุนปืน จึงได้เอารูปจากกลุ่มไลน์ดังกล่าวไปโพสต์สตอรี่เฟซบุ๊ก ต่อมาได้มีนายปิยะบุตร เพียรพิทักษ์ หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ชายจากกุฏิสาม” ทักมาเพื่อขอซื้อกระสุนปืน จึงได้ติดต่อไปยังคนขายที่ลงรูปในกลุ่มไลน์ และสั่งซื้อโดยเอาที่อยู่ผู้รับของจากนายปิยะบุตรส่งให้คนขาย และส่งเลขบัญชีธนาคารกรุงไทยของนางสาวสุธิดา ส่งไปให้นายปิยะบุตร เพื่อโอนเงินมา จำนวน 1,350 บาท จากนั้นได้โอนเงินค่ากระสุนไปยังคนขายกระสุน จำนวน 1,150 บาท โดยตนเองได้ค่านายหน้า จำนวน 200 บาท และเป็นนายหน้าซื้อขายกระสุนปืนมาแล้วประมาณ 10 ครั้ง
อีกราย คือ นายวุฒิพงษ์ อายุ 19 ปี พบว่า ทำหน้าที่ใช้บัญชีรับโอนเงินค่ากระสุนที่สั่งซื้อรอบที่ 3 สามารถจับกุมตัวได้แล้วเช่นกัน ที่ อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เบื้องต้น ได้ให้การว่า เมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ที่แล้ว ได้ทำการเปิดบัญชีให้กับนายธนาวุฒิ โดยได้รับค่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท
เปิดเส้นทางซื้อปิยะบุตร
จากการตรวจสอบพบ พบว่า ผู้ก่อเหตุโอนเงินเข้าบัญชีนายปิยะบุตร 3 ครั้ง เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 66 ค่าเครื่องกระสุนขนาด 9มม. จำนวน 1,800 บาท
ต่อมาวันที่ 25 ก.ย. 66 โอนค่าแม็กกาซีน จำนวน 1,020 บาท
และในวันที่ 1 ต.ค.66 โอนค่าเครื่องกระสุนขนาด .38 จำนวน2,820 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,640 บาท
สะอื้นไห้ คุมเค้นสอบเพิ่มอีก4เครือข่ายปืน
โดยในขณะที่ตำรวจคุมตัว นายธนาวุฒิและนางสาวสุทธิดา 2 สามีภรรยา มาสอบสวนที่สน.ยานนาวา ปรากฏว่า นายธนาวุฒิ ร้องไห้โฮและกล่าวขอโทษสังคม รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะขอเลิกทำแบบนี้เด็ดขาด
ปัดไม่รู้เห็นร่วมเครือข่าย
ส่วนนายวุฒิพงษ์ อายุ 19 ปี ซึ่งถูกใช้ชื่อเปิดบัญชีม้า ถูกจับกุมเช่นเดียวกัน โดยได้เงินเพียง 1,000 บาท โดยบอกว่า ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น และไม่รู้ว่าบัญชีถูกใช้เปิดเพื่อรับโอนเงิน และไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้อย่างแน่นอน
เปิดภาพหลักฐานสำคัญมัดตัวนิกกี้
ภาพสำคัญบางส่วนที่ตำรวจ ขยายผล พบว่า นายภัสสรกรณ์ หรือนิกกี้ อายุ 27 ปี ถือสิ่งของบางอย่างออกบ้านไปส่งพัสดุ โดยตำรวจพบความเชื่อมโยงจากกรณีที่เยาวชน14 ผู้ก่อเหตุ โอนเงินค่า ซื้อกระสุนปืนขนาด 9 มม. ให้กับ นายปิยะบุตร (ผู้ต้องหาที่ถูกจับก่อนหน้านี้) จำนวน 1 กล่อง ราคา 1,800 บาท ในช่วงบ่ายของวันที่ 20 ก.ย.2566
พ่อไม่รู้ลูกเอี่ยวเครือข่ายกระสุนปืน
ด้านนาย นเรศ อายุ 47 ปี พ่อของนายธนาวุฒิได้ติดตามลูกชายและลูกสะใภ้เพื่อซื้ออาหารมาเยี่ยม ได้ให้ข้อมูลว่า ตนเองไม่รู้มาก่อนว่าลูกชายใช้บัญชีม้าซื้อขายกระสุนปืนแต่เมื่อวานลูกชายได้โทรมาหาและร้องไห้พร้อมกับสารภาพว่าลูกชายได้ใช้บัญชี ของภรรยา เพื่อรับโอนเงินซื้อกระสุนปืน โดยมีนายปิยะบุตรทักเข้ามาในเพจของลูกชาย ที่ไปแคปหน้าจอจากสมาคมยิง ปืนแห่งหนึ่งในจังหวัดอยุธยา มาทำหน้าเพจของตนเองในการขายกระสุนปืนปืน เพื่อขอซื้อกระสุนปืน ลูกชายจึงได้ทักไปที่สมาคมยิงปืนอยุธยาที่ลูกชายรู้จักเพื่อขอซื้อลูกปืนอีกทอดหนึ่งเมื่อได้รับคำยืนยันว่าทางสมาคมมีกระสุนขายให้ ลูกชายก็ได้โอนเงินไปซื้อและได้ให้ทางสมาคมส่งลูกปืนไปให้นายปิยบุตรหนึ่งทอดซึ่งลูกชายได้ใช้บัญชีของนางสาวสุทธิดาซึ่งเป็นภรรยาในการรับเงินโดยตนเองก็ตกใจกับที่เกิดขึ้นเพราะทราบว่าลูกชายประกอบอาชีพอยู่บ้านโดยการเช่าพระและขายพระเมื่อรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กราดยิงตัวเองก็รู้สึกตกใจส่วนลูกชายก็ตกใจและ รีบเข้ามามอบตัวแต่ปรากฏว่าเป็นหมายจับของนางสาวสุธิดาซึ่งเป็นลูกสะใภ้(เจ้าของบัญชีรับเงิน)แต่สุดท้ายเรื่องก็ต้องมาถึงลูกชายอยู่ดี ซึ่งตัวเองก็ได้เตือนลูกชายไปว่าให้รับสารภาพและให้ความร่วมมือกับตำรวจทุกอย่างเพราะว่าเราทำความผิดแล้วก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น
ซึ่งตัวของลูกชายก็ขายลูกปืนทั่วไปโดยกินส่วนต่างลูกละ 1- 2 บาทเพื่อใช้ในการซื้อค่าขนมและค่านมลูก ส่วนตัวเองก็ไม่เคยสนับสนุนลูกชายให้ทำเช่นนี้ ซึ่งลูกชายกระทำลงไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์และไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น จึงกราบขอโทษญาติผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคนแทนลูกด้วย
โดยการะขายกระสุนปืนนี้ก็ไม่คุ้มเพราะว่ากำไรที่ได้มีเพียงหลักร้อยตอนนี้ทั้งลูกชายและภรรยาก็ถูกตำรวจจับกุมส่วนหลานที่เหลืออีกสองคนวัย2ขวบและ5ขวบตัวเองก็ต้องไปรับมาเลี้ยงดูแทนลูกชายและลูกสะใภ้ จึงอยากจะขอประกันตัวลูกสะใภ้ออกไปเพื่อจะไปเลี้ยงดูหลาน ส่วน ลูกชายก็คงจะต้องรับความผิดที่กระทำลงไป
จวกหนุ่มโพสต์ปืนขู่ไปห้าง ตำรวจเล็งจับ
ขณะเดียวกัน มีชายคนหนึ่งมีการลงรูปปืน และเขียนข้อความขู่จะไปก่อเหตุที่ห้างดัง
ล่าสุด พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 เปิดเผยว่า ตำรวจทราบไอดี ผู้โพสต์ภาพปืน ผ่านอินสตาแกรมข่มขู่บุกห้างแล้ว เบื้องต้นพบว่าหลังมีการโพสต์ภาพและข้อความดังกล่าว ได้ปิดบัญชีหนีไป อยู่ระหว่างให้พนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวนดำเนินการตามล่าตัวอยู่ ซึ่งการกระทำดังกล่าว แม้จะมีการคอมเมนต์ก่อนปิดบัญชีว่า โพสต์เล่นๆ แต่เข้าข้อกฎหมายกระทำความผิดฐานทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว นอกจากนี้ หากได้ตัวมาแล้วจะถูกแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อีกด้วย
ทัวร์ลงหลังถ่ายรูปโชว์ปืน ยันถ้ายเอ็มวีนานแล้ว
ต่อมาทีมข่าวช่อง8 ติดต่อไปหาคุณต้น ต้นเหรียง โดยเจ้าตัวตอบกลับมาทางแชตว่า ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ครับ เพราะเรื่องนี้ผ่านมานานมากแล้ว และในเอ็มวีก็ไม่ใช่ปืนจริง