จากกรณีเกิดเหตุฆาตกรรม ที่บ้านพักหลังหนึ่ง ต.ยาง อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ตำรวจสภ.บรบือ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบนางสุวรรณ อายุ 54 ปี เสียชีวิตอยู่ในโอ่งแดง โดยได้รับแจ้งเหตุเมื่อ 20.00 น. วันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบตามลำตัวถูกแทงด้วยของมีคม 13 แผล เสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง
ส่วนผู้ก่อเหตุ คาดว่าเป็นนายชลนที (จีน) อายุ 23 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกเขย และ นางสาวธาราทิพย์ (เบียร์) ลูกสาวของผู้เสียชีวิต เนื่องจากภายหลังเกิดเหตุ ปรากฏว่าทั้งคู่ หอบลูกวัย 3 เดือน ขี่จักรยานยนต์หลบหนีออกไป ก่อนที่จะพบศพ
วงจรปิดปรากฏตัวกำแพงแสน
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด เวลาประมาณ 06.20 น. ของวันที่ 6 ต.ค.66 จะเห็นว่า นายจีนได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับเข้ามายังบ้านที่เคยอยู่อาศัย ในพื้นที่ ต.วังน้ำเขียว อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โดยนายจีนสวมเสื้อแขนยาวสีดำ และนางสาวเบียร์สวมเสื้อแขนยาวสีครีม พร้อมกับอุ้มลูกน้อยวัย 3 เดือนไว้ตรงกลาง
วันนี้ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม เป็นวันที่ 6 ตุลาคม 2566 เวลาประมาณ 06.40 น. ก็พบว่านายจีนและนางสาวเบียร์ก็ยังคงขี่รถจักรยานยนต์วนเวียนอยู่บริเวณละแวกบ้าน แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจที่จะนำเด็กไปฝากบ้านนางราตรี ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นเพราะความกลัว เนื่องจากก่อนหน้านี้นายจีนได้พยายามนำลูกไปฝากเลี้ยงกับทางญาติอีกแห่งหนึ่ง แต่ทางญาติได้ปฏิเสธและขู่จะเรียกตำรวจมาจับ
หลังจากนั้น 06.55 น. ซึ่งเป็นเวลาหลังจากที่นายจีนได้นำเมียกับลูกไปฝากไว้ที่บ้าน นายจีนก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปหานางราตรีที่ไร่ข้าวโพด ซึ่งเป็นการไปร้องขอให้นางราตรีนั้นช่วยรับลูกของตนไปเลี้ยงดูให้ ระหว่างที่ตนนั้นต้องหลบหนีคดี โดยจังหวะนี้นายจีนได้เดินทางไปคนเดียว
ยายหลอดผวา หวั่นถูกทำร้าย
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับ นางหลอด อายุ 69 ปี ซึ่งเป็นยายของนายจีน ผู้ก่อเหตุ โดยนางหลอด เล่าว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 4 ต.ค.66 นายจีนนั้นได้โทรมาหาตน และบอกว่า "ยาย พรุ่งนี้ผมจะเอาหลานไปฝากให้ยายเลี้ยงนะ ยายช่วยเลี้ยงหลานด้วยนะ" แต่ยายหลอดก็ได้ปฏิเสธไป เนื่องจากได้เห็นข่าวที่นายจีนได้ก่อเหตุฆาตกรรมแม่ยายยัดโอ่งน้ำก็รู้สึกกลัว เพราะเมื่อก่อนตอนที่นายจีนอยู่อาศัยที่บ้านหลังเดียวกับตน นายจีนก็เคยก่อวีรกรรมไว้แสบ ทั้งจะข่มขืนลูกพี่ลูกน้องบ้านเดียวกัน ทั้งเคยเอาเหล็กแทงคนในบ้าน ทางญาติ ๆ จึงตกลงกันว่าจะให้นายจีนออกจากบ้านไป แต่ก็ยังคงอนุญาตให้นางสาวเบียร์อยู่ที่บ้านได้ เพราะเห็นใจเนื่องจากนางสาวเบียร์ท้องแก่ใกล้คลอด ตอนนั้นนายจีนจึงตัดสินใจไปบวชพระที่วัดใกล้บ้าน แต่บวชไม่ทันถึง 5 วัน ก็ต้องถูกจับสึก เพราะขณะอยู่ในผ้าเหลือง นายจีนก็นางสาวเบียร์ก็ได้แอบลอบไปหากันที่กุฏิ จนสร้างความอับอายให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก จากนั้นสองผัวเมียก็ได้ตัดสินใจย้ายไปอยู่ทางแถบอีสาน และก็ไม่เคยติดต่อมาอีกเลย
จนกระทั่งวันที่ 5 ต.ค.66 ช่วงประมาณ 17.00 น. นางสาวเบียร์ก็ได้อุ้มลูกเดินมาหาตน นางหลอดเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าบ้านและล็อกประตูทันที ซึ่งนางสาวเบียร์ก็ได้เข้ามาเคาะประตู แล้วบอกว่า "เปิดประตูให้หน่อย จะเอาหลานมาให้เลี้ยง" ตนจึงสวนกลับไปว่า "อย่าเอามา ฉันไม่รับ รู้นะว่าไปก่อเรื่องอะไรกันไว้ ถ้าไม่ออกไปจะเรียกตำรวจมาจับให้หมด" เมื่อเอ่ยถึงตำรวจ นางสาวเบียร์ก็ได้เดินกลับออกไปพร้อมลูกทันที ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่รู้หรอกว่านายจีนไปไหน เพราะเห็นแค่นางสาวเบียร์ที่อุ้มลูกเข้ามา คิดว่านายจีนคงจะไม่กล้าเข้ามา เพราะตอนออกจากบ้านไปก็มีคนหมายหัวเอาไว้เยอะพอสมควร
และเมื่อคืนที่ผ่านมา พอตกกลางคืน นางหลอดก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตูบ้าน หมาก็เห่าขู่เสียงดัง ตนก็ได้ตะโกนถามไปว่า "ใคร ถ้าไม่บอกจะไม่เปิดประตูนะ" แต่ก็ไร้วี่แววเสียงคนตอบ ซึ่งตนก็คิดว่าน่าจะเป็นนายจีน ที่อาจจะโกรธแค้นเพราะตนไม่ยอมช่วยรับเลี้ยงลูก ตอนนี้ก็รู้สึกกลัว กลัวว่าหลานชายที่เคยเลี้ยงดูจะย้อนกลับมาทำร้าย ตอนนี้ก็อยากบอกนายจีนให้เข้ามอบตัว ยังไงเรื่องนี้ก็หนีไม่พ้น วันหนึ่งก็ต้องถูกตามเจอตัว จะหนีแบบนี้ไปตลอดไม่ได้หรอก
ไม่ยอมมอบตัว ขอหนีให้ถึงที่สุด
จากนั้นทีมข่าว ไปคุยกับนางราตรี อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นน้าของนายจีน โดยนางราตรีเล่าว่า เมื่อคืนตนนั้นได้โทรศัพท์ไปหานายจีน เพื่อบอกให้นายจีนนั้นมามอบตัว โดยบอกนายจีนว่า ตอนนี้ลูกน้อยวัย 3 เดือนนั้นไม่สบาย เป็นผื่น มีไข้ และถ่ายท้อง พรุ่งนี้จะต้องนำตัวเด็กไปฉีดยาที่โรงพยาบาล แต่นายจีนก็ได้ตอบกลับมาว่า "ผมกลับไปไม่ได้แล้ว ผมมาไกลแล้ว" ซึ่งตนก็ได้พยายามเกลี้ยกล่อมบอกให้นายจีนกลับมา เพราะนายจีนก็เคยติดคุกแล้ว ครั้งนี้จะติดอีกซักรอบก็คงไม่เป็นไร ดีกว่าต้องไปเสี่ยงชีวิตที่ไม่รู้จะโดนจับตายตอนไหน นางราตรีก็พูดคุยอยู่นานประมาณ 10 นาที แต่ท้ายที่สุดแล้วนายจีนก็ยังคงดื้อรั้น และไม่ยอมเข้ามอบตัว โดยนายจีนได้พูดว่า "ยังไงครั้งนี้ผมก็ไม่ยอมมอบตัวเด็ดขาด ผมไม่อยากติดคุก ถ้าให้ผมมอบตัว ผมขอตายดีกว่า" นางราตรีได้ยินอย่างนั้นก็เสียใจ ไม่รู้ว่าทำไมนายจีนถึงดื้อรั้น เพราะเมื่อก่อนนายจีนก็ค่อนข้างที่จะเชื่อฟังตน ตั้งแต่มาคบกับนางสาวเบียร์ก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่แย่อยู่แล้ว ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
คาดหนีลงใต้ หลังแชตขอญาติงานให้ทำ
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้ข้อมูลสำคัญอีกอย่างหนี่ง ซึ่งเป็นข้อความแชตที่นายจีนได้ส่งไปขอความช่วยเหลือจากนางแก้ว ซึ่งเป็นญาติกัน โดยขณะนี้นางแก้วนั้นได้ทำอาชีพก่อสร้างอยู่ที่ จ.ภูเก็ต และจากข้อความเมื่อวันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม 2566 สามารถสรุปใจความได้ว่า นายจีนนั้นได้ส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือจากนางแก้ว โดยบอกว่าตนนั้นกำลังจะหนีไปอยู่ที่ใต้ จะไปหางานทำทางภาคใต้ และเห็นว่านางแก้วนั้นได้ทำงานอยู่ที่ใต้พอดี จึงขอให้นางแก้วไปช่วยคุยกับเจ้านายให้รับตนเข้าทำงาน แต่นางแก้วก็ได้ทราบข่าวอยู่แล้วว่านายจีนได้ก่อเหตุฆ่าคนตาย จึงตอบปฏิเสธไป พร้อมบอกว่าตนเองก็จะไปหางานทำที่อื่นแล้ว คงจะให้มาอยู่ด้วยไม่ได้