จากกรณี เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2566 มีลูกสาวของป้าคนหนึ่ง ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ได้ส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือกับหมอปลา ขอให้ช่วยประสานกับสื่อเพื่อออกตามหาแม่ โดยเหตุการณ์ดังกล่าว สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2566 น.ส.วรยา แก้วหล้า อายุ 24 ปี ได้ไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.วังม่วง ว่าเมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2566 เวลาประมาณ 18.00 น.ตามวันและเวลาดังกล่าวนางชวนพิศ แก้วหล้า หรือนางตี่ อายุ 54 ปี มารดาของผู้แจ้งได้บอกกับยายชื่อนางคำล้วน ว่าฝากกุญแจรถจักรยานยนต์ หลังจากนั้นได้เดินออกจากบ้านไปไม่ทราบว่าไปที่ใด จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาที่บ้าน และไม่มีใครสามารถติดต่อได้เนื่องจาก ผู้ที่หายตัวไป ไม่มีโทรศัพท์ติดตัวไปด้วย
ส่วนข้อมูลที่ลูกสาวส่งข้อความไปหาหมอปลา จากการตรวจสอบเบื้องต้น นางชวนพิศ ที่หายตัวไป ก่อนหน้านี้ทำอาชีพหาของป่าในเวลากลางคืนเพื่อนำไปขายในช่วงกลางวัน และก่อนจะหายตัวไปได้เข้าไปขโมยข้าวโพดที่ไร่แห่งหนึ่งกลับมาที่บ้าน กระทั่งมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ไปแจ้งกับเจ้าของไร่ข้าวโพด จากนั้นเจ้าของไร่ดังกล่าวจึงได้เข้าไปมีปากเสียงกับนางชวนพิศ และหลังจากนั้น นางชวนพิศ ก็หายออกไปจากบ้าน
ล่าสุดวันนี้( 7 ต.ค.66) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปพบกับ น.ส.วรยา อายุ 24 ปี เป็นลูกสาวของนางชวนพิศ ที่หายตัวไป บอกกับทีมข่าวฟังว่า แม่มีลูกทั้งหมด 4 คน ตนเองเป็นลูกสาวคนที่ 3 ส่วนพ่อเสียชีวิตไปนานแล้ว โดยที่ผ่านมาแม่มีอาชีพเก็บผักและหาของป่าขาย และต้องใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านคนเดียว เนื่องจาก ลูกๆต้องออกไปหางานโรงงานทำที่ต่างอำเภอ ซึ่งลูกๆจะผลัดกันกลับไปหาแม่ทุกวันหยุดและทุกสิ้นเดือน
ซึ่งในวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา ปกติในช่วงกลางวันก่อนลูกๆจะกลับไปหาแม่ แม่ต้องโทรศัพท์มาตามว่าจะถึงบ้านกันเมื่อไหร่หรือนั่งรออยู่ที่บ้าน แต่ปรากฏว่าวันนั้น ตนเองและพี่ชายรวมถึงน้องสาวคนเล็ก ไม่มีใครติดต่อกับแม่ได้ กระทั่งเมื่อเดินทางไปถึงบ้าน ก็ไม่พบตัวแม่อยู่ในบ้าน แล้วก็มาทราบภายหลังจากญาติและเพื่อนบ้านว่า ก่อนที่แม่จะหายตัวไปจากบ้าน มีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับตัวแม่ คือก่อนหน้านี้ ในช่วงที่แม่ออกไปหาของป่า แม่ดันไปขโมยข้าวโพดจากไร่ของผัวเมียคู่หนึ่งกลับมาที่บ้าน กระทั่งมีคนงานไปฟ้องผัวเมียเจ้าของไร่ ทำให้ในช่วงบ่ายของวันที่ 30 สิงหาคม มีชาวบ้านเห็น นายอ๊อด (นามสมมติ) เจ้าของไร่ข้าวโพดได้ขับรถกระบะมาที่บ้าน ส่วนนางกบ (นามสมมติ) เมียของเจ้าของไร่ก็ขี่รถจักรยานยนต์ตามเข้ามา ซึ่งเมื่อมาถึงบ้าน ยายและเพื่อนบ้านได้ยินเสียงว่าแม่มีปากเสียงกับผัวเมียเจ้าของไร่ข้าวโพดอย่างรุนแรง แต่ไม่ได้มีใครสนใจ เนื่องจากคิดว่าเป็นการทะเลาะกันธรรมดา ซึ่งหลังจากรถของผัวเมียขับออกไปจากบ้าน ก็ไม่มีใครเห็นแม่อีกเลย
ซึ่งตอนแรกที่ยังไม่ได้ไปแจ้งความในคืนนั้น ตนเองและครอบครัว คิดว่าแม่ คงกลัวความผิดแล้วก็หนีไปออกไปจากบ้าน แต่ปรากฏว่า เวลาผ่านไป 2 วัน แม่ไม่ได้กลับมาที่บ้านและแม่ก็ไม่ได้ไปหาญาติคนไหน ตนเองจึงตัดสินใจไปแจ้งความกับตำรวจและได้ออกไปตามหาเบาะแสของแม่ แต่การตามหา ไม่มีใครในหมู่บ้านเห็นแม่เดินออกมาจากบ้านในวันนั้น ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้คิดว่า ถ้าแม่ออกไปจากบ้านเอง ยังไงแม่ต้องเก็บของไปด้วยและต้องล็อกประตูบ้าน แต่เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นตรงข้ามกันคือ ของแม่ยังอยู่ครบบ้านไม่ได้ล็อก และแม่ก็หายไปจากบ้านหลังที่ผัวเมียเจ้าของไร่เข้ามามีปากเสียงกับแม่
โดยหลังแจ้งความ ตำรวจได้เชิญผัวเมียเจ้าของไร่มาสอบปากคำแล้ว ซึ่งการสอบปากคำที่ตำรวจแจ้งกลับมาก็คือ เจ้าของไร่ ปฏิเสธว่าไม่ได้ติดใจเรื่องที่แม่เข้าไปขโมยข้าวโพด ถ้าตำรวจยังจะสอบปากคำในเรื่องที่กล่าวหาว่าสองผัวเมีย เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของแม่ เขาจะแจ้งความกับแม่ในข้อหาลักทรัพย์
ส่วนเมื่อวานนี้ ที่ตนเองจึงตัดสินใจส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือกับหมอปลา ให้ติดต่อกับทางช่อง 8 เพื่อมาช่วยตามหาแม่ในวันนี้ ก็เป็นเพราะว่า ทางคดีไม่มีความคืบหน้าจากตำรวจ ซึ่งพอถามไปว่ามีเบาะแสของแม่บ้างไหม ตำรวจก็ตอบแต่คำเดิมว่า ช่วยตามให้เต็มที่แล้วนะ แต่ไม่มีเบาะแสของแม่ และที่ผ่านมาก่อนที่จะมาขอความช่วยเหลือจากหมอปลา ตนเองก็ส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือกับหลายเพจหลายหน่วยงาน แต่ก็ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวเชื่อว่าถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ ยังไงระยะเวลาที่แม่หายไปเดือนกว่าๆแม่ก็ต้องกลับมาหาตนเองหรือไปหาญาติคนอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม หากแม่ยังมีชีวิตอยู่หรือดูช่อง 8 อยู่ในตอนนี้ ไม่ว่าแม่จะอยู่ที่ไหน ขอให้แม่กลับมาหาหนูนะ ไม่ต้องกลัวเรื่องคดี หรือถ้าหากมีคนพาแม่ไปจากบ้านก็ขอให้พาแม่กลับมาคืน ส่วนตัวไม่ได้ปรักปรำใคร แต่สองผัวเมียที่เอ่ยไปอยู่กับแม่เป็นคนสุดท้าย
*คาดขัดแย้งเรื่องข้าวโพด
นางคำล้วน อายุ 68 ปี ซึ่งเป็นแม่ของนางชวนพิศ บอกว่า วันที่ลูกสาวมีเรื่องทะเลาะกับเจ้าของไร่ข้าวโพด เกิดขึ้นประมาณ 1 ทุ่ม ของวันที่ 30 สิงหาคม ซึ่งตอนนั้นตนเองนอนดูทีวีอยู่ในบ้าน ได้ยินแต่เสียงเขาทะเลาะกันที่หลังบ้าน แต่ไม่ได้เดินออกไปดู เนื่องจากเดินไม่ไหว
ซึ่งเสียงที่ทะเลาะกันจับใจความได้ว่าเป็นเรื่องข้าวโพด เพราะ เสียงผู้หญิงที่ดังขึ้นมา ตะโกนว่า มึงจะเอาไปสักนิดสักหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่นี่มึงเล่นเอาไปเป็นถุงปุ๋ยเลย จากนั้นเสียงเงียบไป กระทั่งตนเองเดินออกไปดูลูกสาวที่บ้าน แต่ปรากฏว่า ไม่เห็นลูกสาวอยู่ในบ้าน จึงเดินตะโกนเรียหาลูกสาวว่า ตี่มึงออกมาอยู่ไหน เขาไม่ได้เอาเรื่องอะไร ออกมาเถอะ เขาแค่มาเตือนมาบอกสั่งสอน แต่ก็ไม่พบลูกสาว ซึ่งเข้าใจตอนนั้นว่าลูกสาวคงวิ่งหนีออกไปจากบ้าน คนที่บ้านก็เลยช่วยกันตามหา แต่ก็ไม่มีใครเจอ กระทั่งคืนนั้น นางกบ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นเมียเจ้าของไร่ข้าวโพด ก็ได้เข้ามาที่บ้านอีกรอบ โดยมานั่งพูดว่า เสียงที่ยายได้ยิน ไม่ได้ทะเลาะกันนะ แค่จะมาเตือน ไม่ได้เอาเรื่องเอาราวอะไร ซึ่งตอนที่เขามาพูด ตนเองยืนยันว่า นางกบ ไม่ได้มีพิรุธอะไร และตามร่างกายก็ไม่ได้มีร่องรอยการต่อสู้
ส่วนชีวิตประจำวันของลูกสาวก่อนจะหายตัวไป ยืนยันว่า ไม่ว่าลูกจะออกไปไหน เขาต้องกลับมาที่บ้านทุกวัน ไม่เคยไปนอนค้างที่อื่น ไม่รู้ว่าหลังเกิดเหตุหนีไปอยู่ที่ไหน ยืนยันที่ผ่านมา ไม่เคยมีคนแปลกหน้าเข้ามาที่บ้าน ซึ่งหลังจากลูกสาวหายไป คนในครอบครัวก็ทำทุกวิถีทางแล้วทั้งไปบนบานศาลกล่าว ทั้งไปออกตามหาก็ไม่พบตัว หมดปัญญาแล้ว หายไปเดือนกว่า ถ้ายังมีชีวิตอยู่ยังไงลูกสาวก็ต้องกลับมาที่บ้าน
เจ้าของไร่โพสต์เดือดฉุนถูกฉกข้าวโพด
ขณะเดียวกันวันนี้ ลูกสาวของนางชวนพิศ ยังได้ส่งเฟซบุ๊กที่นางกบ (นามสมมติ) เจ้าของไร่อ้อย ที่เคยโพสต์ข้อความเอาไว้ก่อนเกิดเหตุ 3 วัน ซึ่งข้อความที่โพสต์ นางกบ โพสต์เอาไว้ว่า อย่าให้เจอแล้วกัน #ทำไร่ก็ลำบากปีนี้ ยังจะมาลักของกูอีก อีตี่ข้างไร่
ซึ่งในโพสต์ดังกล่าว เพื่อนๆในเฟซบุ๊กยังเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า จ้างมือปืนป่าว ซึ่งนางกบ ก็ตอบกลับว่า เล่นเป็นกระสอบ ขอบริการด่วน พรุ่งนี้ใครขายข้าวโพดปิ้งแสดงว่ามันเอาไปขายให้
เจ้าของไร่ข้าวโพดปัดอุ้ม จะทำทำไมเรื่องแค่นี้
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับนางกบ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นเจ้าของไร่ข้าวโพด ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า วันเกิดเหตุจริงๆแล้ว ตนเองไปซุ่มดูในไร่ เนื่องจากมีคนมาบอกว่านางชวนพิศ จะเดินออกมาขโมยข้าวโพดในเวลานั้น กระทั่งพอถึงเวลา นางชวนพิศ ก็ออกมาขโมยข้าวโพดจริงๆ ตนเองจึงเดินออกไปตะโกนถามว่า ป้าลักข้าวโพดหนูทำไม แก่จนจะตายอยู่แล้ว ทำไมไม่รู้จักทำมาหากิน หนูเป็นเด็กอายุแค่ 26 ยังรู้จักทำมาหากิน จากนั้นตนเองก็บอกกับนางชวนพิศ ว่าอย่าไปไหนนะ เดี๋ยวจะกลับไปรับคนที่บ้านให้มาคุยด้วย ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องจะเอาตำรวจมาคุย ซึ่งตอนนั้นยืนยันว่า นางชวนพิศ ก็ไม่ได้เถียงและยอมรับว่าขโมยข้าวโพดจริง แต่ปรากฏว่า พอย้อนกลับไปอีกรอบ ก็ไม่เจอตัวนางชวนพิศ แล้ว
ส่วนเรื่องที่ลูกของนางชวนพิศ ไปร้องขอความช่วยเหลือจากคนนั้นคนนี้ จริงๆแล้วลูกเขารู้สันดานของแม่เขาดีว่าแม่เขาเป็นคนยังไง ตนเองอายุแค่นี้ คงไม่ไปอุ้มฆ่าใครหรอก จะหาเหาใส่หัวทำไม ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น ตนเองต่างหากที่เป็นผู้เสียหายที่จะต้องไปแจ้งความ ยืนยันไม่รู้ว่านางชวนพิศ หนีไปตอนไหน และตอนที่มีปากเสียงกัน ตนเองกับสามี ก็ไม่ได้โดนตัวนางชวนพิศ แม้แต่ปลายนิ้ว