แม่หนุ่มแรงงานไทยร่ำไห้ เชื่อลูกชายถูกจับเป็นตัวประกัน เหตุโจมตีอิสราเอล ดูจากภาพในโซเชียลมั่นใจไม่ผิดตัว

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุก่อการร้ายที่ประเทศอิสราเอล จนมีการเผยแพร่ข่าวออกตามสื่อต่าง ๆ รวมถึงมีรายงานว่า มีแรงงานไทย ที่ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ถูกจับเป็นตัวประกันหลายคน พร้อมยืนยันว่ามี แรงงานหนุ่ม หนึ่งในตัวประกันที่ถูกผู้ก่อการร้ายถูกจับตัว เป็นชาวบ้านหนองแสง หมู่ 5 ต.นามะเขือ อ.ปลาปาก จ.นครพนม โดยถูกจับตัวไปช่วงเย็นที่ผ่านมา อยู่ระหว่างทางรัฐบาลไทย ประสานเอกอัครราชทูตไทย ดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่ยังไม่ทราบชะตากรรม และข่าวความคืบหน้า เกี่ยวกับความเป็นอยู่ของแรงงานไทย

ล่าสุดทางด้าน ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่บ้านหนองแสง หมู่ 5 ต.นามะเขือ อ.ปลาปาก จ.นครพนม พร้อมได้รับคำยืนยัน จาก นายธวัชชัย อ่อนแก้ว อายุ 47 ปี พร้อมภรรยา คือ นางทองคูณ อ่อนแก้ว อายุ 47 ปี ว่าเป็นพ่อแม่ ของแรงงานไทย ที่ถูกจับเป็นตัวประกันในเหตุก่อการร้ายที่อิสราเอล ทราบชื่อคือ นายณัฐพร หรือ ตั้ม อายุ 26 ปี เป็นแรงงานไทยไปทำงานที่สวนเกษตร ในประเทศอิสราเอล ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ทั้งนี้ทางครอบครัว ยืนยันว่า ดูภาพถ่ายหลักฐานจากสื่อโซเชียล มั่นใจว่าเป็นลูกชาย ไม่ผิดตัว อีกทั้งขาดการติดต่อหลายชั่วโมง หลังมีข่าวเกิดเหตุการณ์ก่อการร้าย จากปกติจะมีการติดต่อโทรผ่านแช็ตเฟซบุ๊กได้ตลอด แต่ยังไม่สามารถติดต่อเพื่อนร่วมงาน หรือคนรู้จักที่เป็นแรงงานไทยได้

ด้าน นางทองคูณ อายุ 47 ปี แม่ของน้องตั้ม แรงงานไทยในประเทศอิสราเอล ที่ถูกจับเป็นตัวประกันว่า ในเหตุก่อการร้าย เปิดเผยว่า จากการติดตามข้อมูลข่าวสาร ภาพจากสื่อโซเชียล มั่นใจว่าคือลูกชาย เนื่องจากปกติตนกับลูกชายจะติดต่อพูดคุยสอบถามความเป็นอยู่กันตลอดทุกวันหลังเลิกงาน ทางแช็ตเฟซบุ๊กลูกชาย และติดตามเฟซบุ๊กลูกชายตลอด คือเฟซบุ๊กชื่อ Natthaporn Onkeaw ด้วยความเป็นห่วงไปทำงานต่างประเทศ แต่ล่าสุดหลังมีข่าวความรุนแรง พบว่าไม่มีความเคลื่อนไหว และพยายามติดต่อโทรสอบถาม แต่ไม่สามารถติดต่อได้ แต่ไม่มีคนรู้จักที่ไปทำงานด้วยกันที่สามารถติดต่อได้เช่นกัน มั่นใจถูกจับตัวอย่างแน่นอน ตนมีลูกแค่ 2 คน น้องตั้ม เป็นลูกชายคนโต อีกคนเป็นลูกสาว อายุ 12 ปี ทำให้น้องตั้ม เป็นเสาหลักครอบครัว ขยันทำงาน รักครอบครัว หลังจากพ่อเคยไปทำงานประเทศอิสราเอล เช่นกัน เมื่อหลายปีก่อน เพราะครอบครัวยากจน จึงไปขายแรงงานต่างประเทศหวังสร้างฐานะครอบครัว จนกระทั่งลูกชายมาสานต่อพ่อไปทำงาน เมื่อเดือนตุลาคม 2564 ผ่านกรมการจัดหางาน มีค่าใช้จ่ายเดินทางทั้งหมดรวม ประมาณ 60,000 บาท ไปทำงานสวนเกษตร เงินเดือนประมาณ 50,000 บาท ถือว่ารายได้ดี สัญญาจ้าง 5 ปี แต่ยังต้องเก็บเงินเพราะสร้างบ้าน ซื้อรถยนต์ รวมถึงรักษาพ่อที่ป่วยเบาหวาน มาถึงตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวความเคลื่อนไหว ได้แต่รอความหวังจากรัฐบาลให้ประสานการช่วยเหลือ ห่วงความปลอดภัย

แม่คูณ กล่าวอีกว่า ในส่วนตัวสิ่งสำคัญที่ขอพรคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้แต่ภาวนาให้คุ้มครองปกปักรักษา ให้น้องตั้มลูกชายปลอดภัย ส่วนตัวยังมั่นใจเชื่อศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครองลูกชาย อีกทั้งก่อนเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ได้นำเหรียญพระเครื่องหลวงพ่ออวน เกจิชื่อดังในวัดหมู่บ้าน รวมถึงเหรียญองค์พระธาตุพนม ทุกวันลูกชายจะเล่าให้ฟังว่าจะกราบไหว้ขอพรตลอด จึงเชื่อว่าลูกชายยังปลอดภัย