กรณีเหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม พบร่างหญิง ถูกฆ่ายัดโอ่ง และพบการเชื่อมโยง ว่านายจีนซึ่งเป็นลูกเขย กับนางสาวเบียร์ลูกสาวแท้ๆ ของคนตาย เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยหลังก่อเหตุได้มีการหลบหนีไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

ล่าสุดวันนี้ทั้งคู่ยังคงหลบหนีออกจากพื้นที่ และยังไม่สามารถจับตัวได้

 

วันนี้ (8 ต.ค.) ทีมข่าวช่องแปดเดินทางย้อนกลับไปเจอกับ นางหลอด อ่วมทอง อายุ 69 ปี ยายของนายจีนผู้ต้องหา เผยถึงเหตุการณ์เมื่อประมาณ7-8ปีก่อน ตอนที่นายจินอาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลสามง่าม จังหวัดนครปฐม โดยโดยสมัยนั้นนางหลอดมีบ้านเป็นลักษณะบ้านไม้เล็กๆ ไม่มีรั้วรอบขอบชิด และนอนรวมกันเพราะเนื่องจากเป็นลักษณะเพลิงพัก โดยนางหลอดได้พานายจีน ตอนนั้นอายุ18-19ปี และหลานสาว อีกคนคือ น้องทิพย์ อายุ 14ปี มาเลี้ยงอยู่ดูแลด้วยกันที่บ้านหลังดังกล่าว และช่วงที่นางหลอดออกจากบ้านไปบ้านญาติไม่ไกล ทิ้งให้น้องทิพย์ซึ่งเป็นหลานสาวนอนอ่านหนังสืออยู่ในห้อง ปรากฏว่าตัวของนายจีนอยู่ในอาการคลั่งเพราะเสพยาเสพติด คาดว่าน่าจะขาดสติ บุกเข้าไปที่นอนของน้องทิพย์ซึ่งนอนอ่านหนังสืออยู่ พยายามปลุกปล้ำ จนกระทั่งน้องทิพย์ได้มีการร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ตนเองจึงรีบวิ่งเข้าไปปรากฏว่าเห็นนายจีนกำลังกระทำอนาจารหลาน จึงได้มีการแจ้งตำรวจจับ โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นตัวของนายจีนก็ถูกจับติดคุกประมาณ3ปี ก่อนถูกปล่อยตัวออกมา และหลังจากที่ปล่อยตัวออกมาแล้วเจ้าตัวก็มาขออยู่ด้วยที่บ้าน แต่ตัวเองไม่ให้อยู่ด้วย เพราะกลัวว่าจะก่อเหตุอีกจึงไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น จนเป็นที่มาของการไปพบรักกับนางสาวเบียร์ ลูกสาวของคนตายในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม

 

ส่วนไทม์ไลน์ความรักของทั้งคู่ ก่อนหน้านี้หลังจากที่นายจีนพ้นโทษ ตนเองไม่ให้มาอยู่อาศัยด้วย นายจีนได้ไปทำงานอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี แล้วไปพบรักกับนางสาวเบียร์ซึ่งเป็นสาวจากต่างจังหวัด โดยทั้งคู่ได้มีการคบหาและตกลงคบหากัน ก่อนที่จะย้ายกลับมาทำงานแถวบ้านในตำบลวังน้ำเขียว จังหวัดนครปฐม โดยตัวของนายจีนไปรับจ้างเป็นลูกจ้างโต๊ะจีน ส่วนนางสาวเบียร์ไปทำงานที่ร้านสะดวกซื้อ แต่ก็ทำงานได้ไม่ เพราะเนื่องจากถูกไล่ออก และที่สำคัญเวลาที่หัวหน้างานสั่งให้ทำอะไรก็ไม่ค่อยยอมทำตาม จึงทำให้ถูกไล่ออก หลังจากที่ นางสาวเบียร์ถูกไล่ออกแล้ว ก็ไปทำงานที่เดียวกันกับนายจีน ทำให้ทั้งคู่มีเงินเก็บอยู่ส่วนหนึ่งจึงไปดาวน์รถคันเดียวกันกับที่ใช้หลบหนี เอามาใช้สำหรับสัญจรในหมู่บ้าน

 

และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พบว่าตัวของนายจีนกับนางสาวเบียร์ ได้มีการใช้โทรศัพท์สาธารณะ โทรเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับอาการป่วยของลูกที่เอาฝากเลี้ยงเอาไว้ก่อนหลบหนี โดยมีการสอบถามทำนองว่า “ลูกป่วยดีขึ้นหรือยัง “ และยังได้มีการพูดถึงประเด็นอื่น ทำนองว่า“ยังไม่ติดต่อมอบตัว ” และยังโทรศัพท์มาแก้ต่าง เกี่ยวกับประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่านางสาวเบียร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าแม่ ซึ่งตัวของนายจีนได้โทรมาอธิบายทำนองว่า ” เมียอุ้มลูกไม่ได้ร่วมก่อเหตุ นายจีนก่อเหตุคนเดียว เป็นไปตามข่าว“ จากคำพูดดังกล่าวตนเองจึงมองว่าตัวของนายจีนและนางสาวเบียร์แม้ว่าจะอยู่ระหว่างหลบหนีก็คงมีการดูข่าวจึงโทรมาแก้ต่างได้

 

อย่างไรก็ตาม นางหลอด เผยว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่าทั้งคู่จะพากันหนีไปอยู่ด้วยกันที่จังหวัดภูเก็ตนั้น ส่วนตัวมองว่าไม่เป็นความจริง เพราะเชื่อว่ายังคงห่วงลูกและอยู่แถวในพื้นที่จังหวัดนครปฐม เนื่องจากมีคนหลายคนยังคงเห็นว่าใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ไม่ได้ไปไกลถึงภูเก็ต และตัวของนายจีนกับนางสาวเบียร์ก็ไม่มีเงินเยอะถึงขั้นจะเดินทางไปถึงภูเก็ตได้ ดังนั้นตัวเองจึงเชื่อว่ามีเพื่อนบางคนที่อยู่ในกลุ่มขบวนการยาเสพติดช่วยปกป้อง และให้พักพิงอยู่

 

วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวได้เดินทางไปเจอกับอดีตเพื่อนร่วมงานของนางสาวเบียร์  ภรรยาของนายจีนที่หลบหนีไปด้วยกันหลังก่อเหตุฆ่าแม่ยัดโอ่ง , โดยทราบว่าที่ทำงานดังกล่าวเคยทำงานอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะถูกไล่ออกเพราะไม่ยอมทำงานและทำงานผิดพลาด 

 

นางสาวเชอรี่ (นามสมมติ) อดีตเพื่อนร่วมงาน เผยว่า ย้อนกลับไปยืนยันว่าตัวของนางสาวเบียร์เคยทำงานอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อ  ในพื้นที่จังหวัดนครปฐมจริง แต่เจ้าตัวมาทำงานได้ไม่นานก็ได้ออกจากงาน เพราะทราบว่ามีการทำงานผิดพลาด แต่ประเด็นสำคัญคือย้ายมาทำงานใกล้บ้านของนายจีนฝ่ายชาย ทำให้หลายครั้งทำงานไม่เต็มที่และไม่โฟกัสกับงาน ลักษณะติดผู้ชายมากกว่าสนใจงาน จึงทำให้ถูกประเมินและไล่ออกจากงาน , ซึ่งตอนที่ทั้งคู่คบหากัน ก็เห็นเรื่องของการไปรับไปส่งและนายจีนก็ดูแลนางสาวเบียร์อย่างดี

 

ซึ่งตอนแรกที่ดูข่าวก็ไม่มีใครคาดคิดว่าตัวของนางสาวเบียร์กับนายจีนจะมีการก่อเหตุรุนแรงหรือก่อเหตุเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จนกระทั่งปรากฏเป็นข่าวจึงเชื่อ เพราะมีหลักฐานและภาพชัดเจน , โดยหลังจากที่เห็นว่าเป็นข่าวก็เห็นว่าทั้งคู่หนีกลับมาอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครปฐมจริง โดยช่วงเช้าเวลาประมาณ 09:00 น. ของวันที่ 6 ต.ค. ยังเห็นทั้งคู่ อุ้มลูกพากันมาและยืนอยู่หน้าบ้านของญาติคนหนึ่ง ก่อนที่จะหายตัวไป แล้วช่วงเที่ยงของวันดังกล่าวจึงเห็นรถนักข่าวหลายสำนักพร้อมกับตำรวจเข้ามาวนดู จึงไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีตำรวจและนักข่าวเข้ามาแล้วทั้งคู่ไหวตัวหนี หรือเป็นเพราะว่าไปอยู่ไหนกันแน่

 

แฉวีรกรรมสาวหลงผัวช่วยฆ่าแม่ ญาติตัดขาดไม่ขอยุ่ง ผัวออกโรงป้องเมียคนดี