ความคืบหน้าเหตุพบศพ นายวิชิต ชิตวิมาน อายุ 63 ปี อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก มีบาดแผลที่หน้าอก 2-3 แผล พร้อมยังมีการนำกล่องกระดาษลังสีน้ำตาลมาวางไว้ลักษณะเหมือนเป็นการปกปิดอำพรางศพ ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอยวิภาวดีรังสิต 20 ถนนวิภาวดีรังสิต ย่านจอมพล กทม. เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่าพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร ออกหมายจับศาลอาญา นายไซ มินโม (sai myat moe) อายุ 19 ปี ชาวเมียนมา ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

วงจรปิดจับภาพมือฆ่าออกจากบ้าน
ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด จับภาพของนายไซ เดินถือกระเป๋าขนาดใหญ่ เดินออกบ้านของอดีตท่านทูต ในช่วงเวลา 03.20 น. เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 66

นอกจากนี้ ยังพบว่าหลังจากผู้ต้องสงสัย เดินออกจากหมู่บ้านที่เกิดเหตุมา จะเห็นว่า เวลา 02.49 น. จับภาพรถแท็กซี่สีเหลือง ขับมาซอยวิภาวีดี 20 ก่อนจะขับไปรับผู้ต้องสงสัย ที่ร้านสะดวกซื้อ

เวลา 03.23 น. จับภาพรถรถแท็กซี่สีเหลือง ขับเข้าไปรับผู้ต้องสงสัย

กล้องอีกมุม จับภาพแท็กซี่สีเหลือง ไปจอดรับผู้ต้องสงสัย หน้าร้านสะดวกซื้อ

จากนั้น กล้องวงจรปิดจับภาพผู้ต้องสงสัย เดินขึ้นแท็กซี่ โดยจะเห็นเป็นเงาดำๆ ก้าวขึ้นรถ

จากนั้นวงจรปิดชุดที่ 3 มีอีกหลายคลิป จะเป็นตอนที่ รถแท็กซี่คันสีเหลืองรับผู้ต้องสงสัยขึ้นรถแล้วได้ขับออกจากซอยวิภาวดี 20

เพื่อไปขึ้นรถทัวร์ที่หมอชิต ปลายทางจะไปลง ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

และปรากฏตัวอีกครั้ง ขณะที่ซ้อนที่แม่สาย จ.เชียงราย

พนักงานขายตั๋วเผยนาทีมือฆ่าซื้อตั๋ว
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมายัง จุดบริการซื้อตั๋วของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหามาซื้อตั๋ว

ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนางสาวกิ๊บเก๋ นามสมมติ พนักงานที่ขายตั๋วให้กับผู้ต้องหา นางสาวกิ๊บเก๋ เล่าว่า เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 16.53 น. ชายชาวเมียนมาร์คนดังกล่าว ได้มาซื้อตั๋วกับตัวเองจริง โดยเดินทางมาคนเดียว มีสีหน้าปกติ แต่จำไม่ได้ว่าเขาสวมใส่ชุดอะไร

โดยชายเมียนมาคนดังกล่าว เขาพูดแค่ว่า ซื้อตั๋วไปลงแม่สาย จ.เชียงราย ตัวเองก็ขายให้เขาในราคา 815 บาท เขาได้ที่นั่ง 1A ซึ่งเป็นที่นั่งแถวหน้าสุด ยอมรับว่า ตอนนั้นตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร เนื่องจากไม่รู้ว่าเขาคือผู้ต้องหาที่เพิ่งฆ่าคนมา

นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้ผังที่นั่งของผู้ต้องหามา ซึ่งเป็นที่นั่ง 1A แต่ปรากฏว่า ชื่อที่ผู้ต้องหาแจ้งไว้บนที่นั่งนั้น จะเป็นคนละชื่อกับที่อยู่ในหมายจับ

เปิดไทม์ไลน์ก่อนพบศพอดีตท่านทูต
เมื่อไล่เรียงเหตุการณ์ก่อนพบศพของอดีตท่านทูต พบว่าบ้านพักเพิ่งปรับปรุงและสร้างเสร็จประมาณ 1 เดือน

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2566 ได้ย้ายเข้ามาพักที่บ้าน

เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 สามารถติดต่อได้ครั้งสุดท้าย

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2566 นัดช่างเข้ามาต่อเติมบ้าน

ช่างเข้าไปพบศพอยู่ภายในบ้าน

รวมระยะเวลาก่อนพบศพอดีตท่านทูตเป็นเวลา 11 วัน

อดีตนายจ้างมือฆ่า
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้คุยกับนายหนึ่ง อดีตนายจ้างคนสุดท้าย ก่อนที่นายไซ เล่าว่า นายจ้างคนล่าสุดที่นายไซคนก่อเหตุมีการทำงานด้วย ก่อนที่จะมีการลาออกแล้วไปก่อเหตุที่บ้านของอดีตเอกอัครราชทูต โดยตัวของนายไซเข้ามาทำงานกับตนเองเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 และทำงานอยู่กับตนเองประมาณ 2 เดือน โดยตนเองเป็นคนที่ยังถือเอกสารของทางการไทยเกี่ยวกับการขอเข้ามาทำงานในประเทศ โดยทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนนายจ้างหรือเปลี่ยนงานจะต้องมีการดำเนินการทางเอกสารภายใน 45 วัน ซึ่งการทำงานวันสุดท้ายของนายไซ คือวันที่ 18 กันยายน 2566 โดยเจ้าตัวมาทำงานรับจ้างทาสีกับตนเอง แต่ก่อนวันที่ 18 กันยายน 1 วัน คือวันที่ 17 กันยายน นายไซได้มีการขอลาไปงานวันเกิดของญาติ ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าไปจริงหรือไม่ แต่ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นมาทำงานได้เพียงวันเดียวแล้วลาออก พร้อมกับให้เหตุผลว่าจะไปทำงานกับกลับบ้านหรูใจกลางกรุงเทพ ได้งานใหม่เป็นคนงานตัดต้นไม้ต้นไม้และดูแลบ้าน แต่ตนเองไม่รู้ว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นอดีตท่านทูต

ส่วนนิสัยใจคอของนายไซ เป็นคนนิ่งเงียบ ไม่ได้สุงสิงหรือวุ่นวายอะไรกับใคร จึงทำให้ไม่มีใครรู้ว่าความคิดในใจแล้วเป็นคนอย่างไร แต่ในเรื่องของการใช้ชีวิตภาพรวมหรือการใช้เงิน ยอมรับว่าเป็นคนที่พอมีเงินมักจะหายตัวไป และพอเงินหมดก็จะขอกลับมาทำงาน บางครั้งเงินหมดก็จะมาขอข้าวตนเองกินในฐานะที่เป็นนายจ้าง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นนิสัยส่วนตัวหรือยังไง

สำหรับคนที่พามาอยู่ไทยคือน้าที่มาทำงานก่อนในประเทศ หลังจากที่น้ามาทำงานก่อนจึงได้พาหลานคือนายไซเข้ามาทำงานในประเทศไทย จนกระทั่งเข้ามาทำงานรับจ้างอยู่กับตนเอง และน้าก็เป็นคนเซ็นรับรอง ส่วนตนเองก็เป็นนายจ้างที่ไปทำเอกสารให้ถูกต้องตามกฎหมาย

เพื่อนร่วมงานเผยอุปนิสัย

ขณะเดียวกัน นายปีชะ (นามสมมติ) อดีตเพื่อนร่วมงานของนายไซผู้ต้องหา ซึ่งมีการสื่อสารภาษาไทยบ้างเล็กน้อย เผยกับทีมข่าวว่า ก่อนหน้านี้ตัวของผู้ต้องหาเคยอยู่อาศัยและเคยมาหาญาติที่นี่ ก่อนที่จะไปสมัครงานกับนายจ้างซึ่งเป็นงานรับจ้างก่อสร้างอีกแห่ง ก่อนที่จะหายตัวไป และพึ่งมารู้ภายหลังว่าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ แต่ส่วนรายละเอียดอื่นนั้นตนเองไม่ทราบ เพราะไม่รู้ว่าหลังจากที่ไปทำงานกับนายจ้างคนใหม่แล้ว ไปทำอะไรต่อ

แต่สำหรับคนงานเมียนมา หรือแรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่ เวลาที่จะออกไปทำงาน ก็จะมีนายจ้างมารับมาส่ง เว้นแต่ว่ามีการรับงานไม่ไกลจากที่พัก ก็จะเดินไปกันเอง แต่เวลาที่นายจ้างรับงานไกลก็ต้องไปรับไปส่ง พร้อมทั้งมีการติดต่อทำเรื่องของเอกสารพาสปอร์ตให้ เพราะไม่สามารถไปรับงานหรือออกไปทำงานเองเพียงลำพังได้ เนื่องจากประเภทการเข้าทำงานต้องผ่านนายจ้างหรือผู้รับรอง แต่ส่วนตัวก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าตัวของนายไซคนก่อเหตุใช้รูปแบบใดหรืออภิสิทธิ์แบบไหนถึงไปทำงานหรือสมัครเองได้โดยไม่ผ่านนายจ้าง

สำหรับนิสัยใจคอ ส่วนตัวไม่รู้เพราะเจอกันไม่กี่ครั้ง หลังจากที่เข้ามาทำงานก็จะแยกย้ายไปตามกลุ่มของนายจ้าง เว้นแต่ว่าจะเจอกันบ้างเวลาที่มาเยี่ยมญาติและเจอกัน จึงทำให้ไม่ได้สนิทหรือจะไปรู้นิสัยเบื้องลึกว่าเป็นคนแบบไหน

คนดูแลหอพักเผยอดีตท่านทูตช่วยหาหอพัก
ทีมข่าวช่อง8 ได้พูดคุยกับนายกบ นามสมมติ ผู้ดูแลหอพักแห่งหนึ่ง อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร นายกบ เปิดเผยกับทีมข่าวว่า เมื่อ 1 เดือนกว่า นายวิชิต ผู้เสียชีวิต ได้มากับวัยรุ่นชาย 1 คน หน้าตาดี ผิวขาว อายุไม่เกิน 20 ปี โดยผู้ตายมาถามตัวเองว่ามีห้องพักว่างไหม เขาจะเช่าให้วัยรุ่นชายคนดังกล่าวอยู่อาศัยขณะเรียนหนังสือ ตัวเองก็ตอบไปว่า ห้องพักเต็ม นายวิชิตและวัยรุ่นชายคนดังกล่าวจึงออกไปจากหอพักตัวเอง

โดยส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าวัยรุ่นชายที่ตัวเองเห็นนั้น จะเป็นคนเดียวกันกับผู้ต้องสงสัยหรือไม่ เนื่องจากเขาใส่แมสก์จึงมองหน้าไม่ชัด

ภาพสุดท้ายอดีตท่านทูต
นอกจากนี้ทีมข่าวช่อง8 ยังได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเวลาประมาณ 17.06 น. พบว่ารถของผู้ตาย ขับออกจากบ้าน โดยมีชายชาวเมียนมา ที่เป็นผู้ต้องหา นั่งออกมาด้วย

และภาพวงจรปิด จับภาพของผู้ตายขับเข้าหมู่บ้าน เวลาประมาณ 19.50 น. ของวันที่ 27 กันยายน 2566 โดยรถคันดังกล่าว มีชายชาวเมียนมา นั่งมาด้วย

ภาพสุดท้ายมือฆ่ารอขึ้นรถ
ล่าสุด ทีมข่าวช่อง8 ได้ภาพวงจรปิดของนายไซ ที่หมอชิต ซึ่งกำลังรอที่ชานชาลา เพื่อรอขึ้นรถทัวร์โดยสาร

หนุ่ม 19 มือฆ่าอดีตทูตเผ่นแม่สายแฉเนรคุณทูต หาหอให้ สร้างอาชีพกลับแว้งกัด