ปานปรีย์ เผย คุย รมว.การต่างประเทศอิสราเอลแล้ว ย้ำหาแนวทางช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยโดยเร็ว มองเงื่อนไขฮามาสไม่กระทบแรงงานไทย เหตุไม่ใช่คู่ขัดแย้ง บอกจะเอาเครื่องบินไปรับได้ สถานการณ์ต้องปลอดภัยก่อน

วันที่ 10 ตุลาคม 2566 มีรายงานว่า นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล ภายหลังกลุ่มแรงงานสะท้อนว่าการติดต่อขอความช่วยเหลือค่อนข้างทำได้ยาก ว่า กระทรวงการต่างประเทศโดยเฉพาะเอกอัครราชทูตไทยประจำอิสราเอล ได้พยายามติดต่อแรงงานไทยทุกคนเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากระบบภายในตอนนี้ขลุกขลักอย่างมาก

ทั้งนี้ ได้รับทราบแล้วว่าเวลานี้มีคนแจ้งความประสงค์กลับประเทศไทย 3,226 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนมาก แต่เป็นคนที่กระจายอยู่ในอิสราเอล ไม่ใช่เฉพาะในพื้นที่ฉนวนกาซาเพียงที่เดียว การเดินทางไปมาลำบาก ตนจึงตั้งคำถามไปว่าจะสามารถนำทุกคนกลับมาได้พร้อมกันหรือไม่ ซึ่งเป็นความตั้งใจที่จะนำทุกคนกลับ แต่การเดินทางภายในยังยากลำบากและไม่ปลอดภัย จึงต้องดูให้เกิดความปลอดภัยกับทุกคนก่อน หากสามารถเดินทางกลับมาได้ รัฐบาลก็จะสนับสนุน

กรณีผู้ที่มีการร้องผ่านสื่อต้องรอให้สถานการณ์นิ่งก่อนหรือไม่ ?

นายปานปรีย์ ระบุว่า หากกลับได้ก็กลับเลย หากรู้สึกว่าอยู่อิสราเอลแล้วไม่ปลอดภัย รัฐบาลก็พร้อมให้เดินทางกลับประเทศไทยทันที

การเดินทางกลับล็อตใหญ่จะทำได้เร็วที่สุดเมื่อไร ?

นายปานปรีย์ เผยว่า ล็อตแรกเร็วสุดจะเดินทางกลับมาจำนวน 15 คน เนื่องจากเครื่องบินมีพื้นที่จำกัด และจะพยายามนำผู้บาดเจ็บเดินทางกลับก่อน โดยเอกอัครราชทูตจะเป็นผู้คัดสรร จากนั้นในวันที่ 18 ตุลาคม จะเดินทางกลับอีกล็อต 80 คน และจะทยอยเดินทางกลับหลังจากนี้ ในส่วนของเครื่องบินกองทัพอากาศและเครื่องบินพาณิชย์ของไทย หากบินไปจะต้องมีความปลอดภัย ไม่ใช่อยากไปพรุ่งนี้ก็ไปได้เลย เนื่องจากยังอยู่ในภาวะสงคราม ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วง ทางตนได้รายงานให้ทราบเป็นระยะ

ทั้งนี้ นายปานปรีย์ ยังเผยถึงกรณีการเจรจาช่วยเหลือแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ระบุว่า ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอลเมื่อคืนนี้ แต่ไม่ได้เล่าให้ใครฟังเนื่องจากเป็นเรื่องภายใน ซึ่งรัฐบาลอิสราเอลมีความเป็นห่วง และแสดงความเสียใจมายังประชาชนชาวไทยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิสราเอล ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ สูญเสีย และถูกกักตัว โดยตนได้กล่าวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอลให้ใช้ความพยายามสูงสุด เพื่อให้มีการปล่อยตัวคนไทยที่ถูกกักตัวให้เร็วที่สุด

ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บ เสียชีวิตและถูกกักตัว ตนได้สอบถามไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอล ว่าจะสามารถยืนยันจำนวนที่แน่นอนได้เมื่อไร ซึ่งทางนั้นระบุว่าตอนนี้ยืนยันได้ยาก เนื่องจากยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ ตัวเลขที่ได้มาตอนนี้มาจากสถานทูต คือมีผู้เสียชีวิต 18 ราย บาดเจ็บ 9 คน และถูกจับตัว 11 คน

การตั้งเงื่อนไขของกลุ่มฮามาส เรื่องการปล่อยตัวประกันสัญชาติอิสราเอลจะส่งผลกระทบต่อการปล่อยตัวคนไทยหรือไม่ ?

นายปานปรีย์ ระบุว่า ตนมองว่าไม่กระทบเนื่องจากไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และเป็นเพียงคนทำงาน ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะมาทำร้ายคนของเราเพียงแต่ช่วงที่ชุลมุนไม่สามารถรู้ได้ว่าใครไปใคร จึงจับไปหมด คาดว่าน่าจะปล่อยตัวมา

อย่างไรก็ตาม ยังยืนยันว่ารัฐบาลไทยให้การช่วยเหลือแรงงานไทยอย่างเต็มที่ยิ่งกว่าเต็มที่ แทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอน ต้องคุยกับประเทศโน้น ประเทศนี้ตลอด ซึ่งการติดตามนายกรัฐมนตรีไปภารกิจต่างประเทศก็ไปเพียง 18 ชั่วโมงก่อนเดินทางกลับไทย เนื่องจากอยากให้มีความคืบหน้าในเรื่องนี้ ก่อนที่จะต้องติดตามนายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติภารกิจในประเทศจีนต่อ

การเดินทางเยือนประเทศบรูไนกับมาเลเซียของนายกรัฐมนตรี จะส่งผลกระทบกับสถานการณ์นี้หรือไม่เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศไม่ยอมรับอิสราเอล ?

นายปานปรีย์ เผยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศในกลุ่มอาเซียนมีความใกล้ชิดกันมาก การเดินทางไปเยือนเป็นเรื่องปกติ เมื่อได้รับตำแหน่งใหม่ก็เดินทางไปเยี่ยมประเทศเพื่อนบ้าน เชื่อว่าไม่มีปัญหาแน่นอน

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องจุดยืนของไทยต่อสถานการณ์นี้นั้น นายปานปรีย์ตอบสั้น ๆ ว่า "พอแล้ว" ก่อนจะพูดภายหลังว่า "จุดยืนมีเยอะ"