"พรรคเป็นธรรม"ถือฤกษ์ 10.10 เปิดตัว"หมออ๋อง" เป็นสมาชิก ยืนยันไม่ใช่พรรคสำรอง แค่อยู่หมู่บ้านประชาธิปไตยเดียวกัน เชื่อทำหน้าที่ราบรื่นหลังวิปรัฐบาลไม่ขวางทำหน้าที่รองปธ.สภาฯ
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 กล่าวถึงการตัดสินใจเป็นสมาชิกพรรคเป็นธรรม ว่า พรรคเป็นธรรมมีแนวทางที่ใกล้เคียงกับพรรคก้าวไกลมากที่สุด ซึ่งตนรู้ดีว่าการทำงานของตนต้องเผชิญความเสียดทาน ทั้งการปฏิรูปสภาให้โปร่งใส การผลักดันวาระก้าวหน้าหรือนโยบายที่ได้แสดงไว้ในสภาผู้แทนราษฎรตอนที่เข้าชิงตำแหน่งรองประธานสภาฯซึ่งได้หารือกับหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคแล้ว ยินดีที่จะสนับสนุนแนวทางนี้เพื่อให้เห็นความก้าวหน้าของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ทั้งนี้ ตัวเองยังไม่ได้สมัครสมาชิกทางกฎหมายรอหนังสือยืนยันการพ้นจากสมาชิกพรรคก้าวไกล จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ซึ่งคาดว่าจะมาถึงในเร็วๆนี้และจะสมัครเข้าพรรคเป็นธรรมต่อไป เพื่อให้คลายความสงสัย ว่าตนไม่ได้นิ่งนอนใจในการไร้สังกัดพรรคการเมือง และในวันนี้ตรงกับวันที่ 10 เดือน 10 ตนไม่ได้ถือฤกษ์อะไรแต่ถือว่าเป็นวันดี เพราะวันพรุ่งนี้ ตนจะทำหน้าที่รองประธานสภาฯ ในฐานะประธานในที่ประชุม เพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าตนมีสังกัดพรรคใหม่และ อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
สำหรับแนวทางของรองประธานสภาแน่นอนว่าจะต้องเป็นกลาง ตามรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นไปไม่ได้ว่าอยู่พรรคใดจะก่อให้เกิดความเสียเปรียบได้เปรียบในสภา ฉะนั้นการทำงานในสภาของตนทั้งการบรรจุกฎหมาย การพิจารณาร่างการเมือง การเดินหน้ารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ตนก็อำนวยความสะดวกให้กับทุกพรรค และดำเนินการโดยเท่าเทียมกัน
ส่วนบรรยากาศตอนนี้ถือว่าดีขึ้นนายอดิศรเพียงเกษประธานวิปรัฐบาลก็ให้การสนับสนุนและน้อมรับการตัดสินใจของตนเอง แต่ทั้งนี้ถ้ามีคำแนะนำอะไรหรือท่าทีอย่างไรตนก็พร้อมจะน้อมรับ และเชื่อว่าการทำงานในสภาก็คงจะราบรื่น แต่คิดว่าจะมีแรงเสียดทานเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจรับสภาที่มีมหากาพย์รออยู่และยังไม่รวมอีกหลายๆเรื่องที่จะต้องทำให้โปร่งใสมากขึ้น แต่คงเป็นความท้าทายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนแน่นอน
อย่างไรก็ตาม กรณีปัญหาขายรัฐบาลการเป็นประธานสภาและรองประธานสภาทั้ง 3 คนต้องเป็นฝ่ายรัฐบาลทั้งหมดนั้น ถือเป็นบทเรียนทางการเมืองว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 ดีหรือเสียอย่างไร แต่คงไม่สามารถตัดสินได้ในวันนี้ ต้องให้ส่วนที่เกีายวข้องใช้เวลาในการถอดบทเรียนตลอด 4 ปีหลังจากนี้จะได้รู้ว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร
สำหรับเสียงตอบรับจากชาวพิษณุโลกนั้น นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ชาวพิษณุโลกทักทายตนว่า "อย่าออก" แทนคำว่าสวัสดี เพราะชาวพิษณุโลกต้องการให้คนพิษณุโลกดำรงตำแหน่งรองประธานสภามาก เพราะตำแหน่งนี้สามารถขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าได้
ด้านนายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นนิมิตรใหม่ ที่พรรคเป็นธรรมมีความภูมิใจและได้รับเกียรติจากนายปดิพัทธ์เข้ามาร่วมงาน ซึ่งพรรคเป็นธรรมมีบริบททางการเมืองชัดเจน ดำเนินงานตามอุดลอุดมการณ์ ประชาธิปไตย ประเทศชาติ ประชาชน ด้วยความเป็นธรรม หลังจากนี้ก็จะมีบริบทของการบริหารงานในสภาเพิ่มมากขึ้น จากการเป็นแค่ฝ่ายค้าน และพรรคเป็นธรรมพร้อมสนับสนุนการทำงานของนายปดิพัทธ์ ไม่ว่าจะเป็น การทำสภาให้โปร่งใสตรวจสอบได้และงานอื่นๆซึ่งตนจะเข้ามาเป็นคณะทำงานของนายปดิพัทธ์ด้วย ส่วนนายปดิพัทธ์เองจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆในพรรคจะทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกพรรคเท่านั้น
พร้อมยืนยันว่าการรับนายปดิพัทธ์เข้าเป็นสมาชิกพรรคนั้นจะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติและเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการบริหารพรรคก่อน ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจเพียงแค่คนเดียว ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับของพรรค เพราะนายปดิพัทธ์ ไม่ได้มาเป็นสมาชิกตามปกติ แต่มีตำแหน่งรองประธานสภาฯพ่วงมาด้วย
ตนอยากเห็นการเมืองแบบใหม่ที่คนย้ายพักไม่จำเป็นจะต้อง ได้อามิสสินจ้าง หรือ มีการแจกกล้วย และพรรคเป็นธรรมไม่ได้ตกปลาในพรรคก้าวไกล ไม่ได้ตกปลาในพรรคก้าวไกล จึงยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นพรรคสาขาของพรรคก้าวไกล แน่นอน พี่มาโดยตลอดที่ผ่านมาได้มีการแข่งขันในพื้นที่มาโดยตลอดเราเหมือนเป็นพรรคประชาธิปไตยที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน แต่กินข้าวกันคนละชามคนละเมนูแค่นั้นเอง
" ผมอยากเห็นการเมืองในลักษณะนี้เกิดขึ้นคือการเมืองมีลักษณะประชาธิปไตยแบบใหม่ คือการย้ายพรรคของนักการเมืองคนหนึ่ง ที่เข้ามาสู่พรรคการเมืองอีกพรรคหนึ่ง ไม่มีเรื่องอาจิณจ้าง ไม่มีระบบช่วยเหมือนแต่ก่อน แต่เป็นการย้ายผัก ด้วยอุดมการณ์ และพรรคเป็นธรรมไม่ได้ไปตกปลาในบ่อของพรรคก้าวไกล เราเพียงอยู่หมู่บ้านเดียวกันและมีบ้านคนละหลัง และกินข้าวกันคนละชามหากข้าวในชามของผมไม่อร่อยเหมือนพรรคก้าวไกล ก็ต้องว่ากันไปเพราะเราเป็นพรรคเกิดใหม่ "
ขณะที่นายกัณวีร์ สืบแสง สส.และเลขาธิการพรรคเป็นธรรม กล่าว ยืนยันว่าพรรคเป็นธรรมไม่ใช่พรรคสาขาของพรรคก้าวไกล แต่เป็นตัวเลือกและเป็นพรรคที่ดีที่ทำงานเพื่อประชาชนเป็นพรรคร่วมอุดมการณ์สร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในประเทศไทย จึงขอให้ประชาชนมั่นใจ และภูมิใจในการทำงาน
นอกจากนี้ นายปิติพงศ์ กล่าวถึงสงครามระหว่างอิราเอลกับกลุ่มฮามาส ว่า พรรคเป็นธรรมขอสงวนท่าที ไม่คิดจะนำประเด็นนี้มาเป็นประเด็นทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใดก็ตามเนื่องจากคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนและความหลากหลายทางความคิด และขณะนี้ข้อมูลยังไม่ชัดเจนหลายเรื่อง ณ วันนี้ เราจะทำหน้าที่สนับสนุนรัฐบาลให้ทำหน้าที่ให้เต็มที่ในการที่จะนำพี่น้องคนไทยกลับมาสู่ประเทศไทยโดยเรียบร้อย และเรียกร้องให้มีการเจรจาเชิงสันติภาพ ในการต่อรองโดยการนำสันติวิธีมาใช้ และคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพ