"จุลพันธ์" แจงยิบหลังถูก สส.เพื่อไทยรุมถามประชาชนได้ใช้เงินดิจิทัล 1 หมื่นเมื่อไหร่ ย้ำกระตุ้นเศรษฐกิจ "อุ๊งอิ๊งค์" ฝากรัฐบาลทำโครงการนี้ให้สำเร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ พรรคเพื่อไทยประชุม สส. ประจำสัปดาห์ โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ร่วมเสวนากับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพรรค เรื่องโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต
ในช่วงต้นได้ให้ สส. สอบถามถึงข้อสงสัย หรือปัญหาที่พี่น้องประชาชนอยากรู้เกี่ยวกับโครงการดังกล่าว โดยนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ สอบถามว่าพี่น้องประชาชนขอสนับสนุนนโยบายนี้เพราะกว่าจะออกไปประกาศกับประชาชนก็ต้องได้รับการยอมรับจาก กกต.แล้ว หากจะไม่ให้รัฐบาลทำ ก็ไม่ได้ แล้วต่อไปจะไปหาเสียงกับประชาชนอย่างไรเนื่องจากว่านโยบายเป็นคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนช่วงก่อนการเลือกตั้งตนเองให้คำมั่นสัญญากับประชาชน ในทุกเขต ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ อยากได้เงินส่วนนี้มิเช่นนั้นไม่เลือกตนเองดังนั้นรัฐบาลไม่ต้องให้ความสำคัญมากเพราะคนกลุ่มนี้จะออกมาแสดงความคิดเห็นตรงข้ามตลอด ตั้งแต่ยุคนายกฯ ก่อนหน้าแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีคำถามในเรื่องของขั้นตอนการใช้ หากไม่มีโทรศัพท์มือถือจะสามารถยืนยันตัวตนแล้วใช้เงินได้หรือไม่ และอยากให้รีบประกาศใช้โดยเร็วที่สุด เพราะประชาชนตั้งความหวัง และรอเงินดิจิทัลอยู่
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า จากที่ฟังคำถาม และความเห็นของ สส. ในพรรค ก็คิดเห็นตรงกันว่านโยบายนี้มีความจำเป็น แม้ขณะนี้เสียงในสังคมฝ่ายวิชาการแตกเป็น 2 ส่วน คือ เห็นด้วย อยากให้เดินหน้าต่อ แต่อีกฝั่งบอกว่ายับยั้งได้หรือไม่ ซึ่งในภาคเอกชนอยากเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านเงินดิจิทัล และเสียงของประชาชนก็อยากให้เดินหน้า ต่อ เพื่อนำเงินไปต่อยอดชีวิต ตอนนี้สถานการณ์ในไทยไม่ได้เข้มแข็ง มีความเห็นหลายมุมมอง อย่างอดีตผู้ว่าการธนาคาร มองว่าเป็นเรื่องการรักษาเสถียรภาพ ซึ่งกระทรวงการคลังก็มีหน้าที่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่องบประมาณ ถ้าเศรษฐกิจโตไม่ถึง 2% ต่อไปแบบนี้ ในอนาคตเราจะถึงจุดแตกหัก งบประมาณของรัฐโตไม่ทันสวัสดิการที่เราต้องให้กับประชาชน และเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน GDP เราโตช้ามาก
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ต้องดึงเศรษฐกิจไทยกลับไปโตอย่างมีศักยภาพ รัฐบาลมองว่าต้องโต 5% เป็นอย่างต่ำ เรื่องนี้เป็นเพียงส่วนหนี่งของนโยบายเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาเราทำหลายอย่างแล้ว ทั้งลดค่าไฟ วีซ่าฟรี แก้ไขกฎหมายที่ไม่เอื้อต่อประชาชน ดังนั้น เวลาดูนโยบาย จำเป็นต้องดูเป็นแพคเกจใหญ่ ดูภาพรวมทั้งหมดด้วย และยืนยันว่าแพคเกจใหญ่ครั้งนี้ จะทำให้คุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนดีขึ้น ส่วนความเห็นต่างบางส่วน อาจเกิดจากมุมมองทางการเมือง ที่ต้องการโจมตีเรา จึงอยากให้ สส. ช่วยชี้แจงประชาชนให้เข้าใจ
ส่วนสถานการณ์เงินเฟ้อ หากถามว่ามีความเป็นห่วงหรือไม่ ตนเองมองว่าไม่กระทบมาก เพราะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก 1.25% เป็น 1.50% แล้ว ทำให้สามารถหยุดสถานการณ์เงินเฟ้อได้อย่างน่าพอใจ และต่อให้มีนโยบายนี้ก็ยังมีกลไกในการดูแลให้เหมาะสม เราจึงต้องขยายเศรษฐกิจให้ใหญ่ขึ้น
ส่วนเรื่องของการนำเสนอว่ารัฐบางจะแจกเป็นเงินคริปโตนั้น นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า เราไม่ได้แจกเงินคริปโต แต่เป็นเงินบาท เพราะเงินดิจิทัลทุกบาท ต้องมีเงินบาทไทยรองรับ ไม่สามารถนำไปเก็งกำไรได้ เพราะมันคือเงินบาทในรูปแบบดิจิทัล เปรียบเหมือนคูปองที่เทียบเท่าเงินบาท แต่มีเงื่อนไขในการใช้ เพราะต้องการให้เงินไปกระตุ้นเศรษฐกิจจริง ๆ ถึงมีข้อกำหนดว่าต้องใช้ในระยะเวลา 6 เดือน ตามระยะทางที่กำหนด ห้ามเอาไปใช้ซื้อสินค้าบางประเภท พร้อมชี้แจงว่า นโยบายนี้จะเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ มากกว่านโยบายใดที่ไทยเคยมีมา เพราะเรากำหนดให้มีการลงทุนให้ใช้จ่าย เพื่อให้เงินหมุนเวียน
นอกจากนี้ ประชาชนยังรอรับเงิน เพื่อเตรียมการลงทุน เห็นถึงการจ้างงาน และเราพูดคุยกับสถาบันการเงินของรัฐบางแห่ง อย่างธนาคารออมสิน หรือ ธกส. หากสามารถรวมกลุ่มมา มีการวางแผนการผลิตอย่างชัดเจน เช่น การทำการเกษตร และนำเงินมาซื้อปัจจัยหรือสินค้าของ ธกส. ธนาคารเหล่านั้น พร้อมให้เงินกู้เพิ่มเติม เพิ่อไปเป็นเงินลงทุนต่อได้ คือการสร้างเม็ดเงินมหาศาลในการลงทุนของประเทศไทย
“สิ่งที่เดินหน้ามา เราเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ เห็นโอกาส เห็นความหวังของพี่น้องประชาชนว่าจะสามารถนำเม็ดเงินเหล่านี้ไปต่ออายุ ไปยืดชีวิต ไปประกอบอาชีพ ไปสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ” นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ ระบุว่า เรารับฟังความเห็นทั้งหมด อย่างเรื่องของระยะทาง ก็พร้อมผ่อนปรน ในคณะอนุกรรมการที่จะพูดคุยกันในสัปดาห์นี้ พร้อมพิจารณาผ่อนปรนให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับเม็ดเงินนี้ อาจะขยับจาก 4 กม. เป็นตำบล เป็นจังหวัดโดยเชื่อว่าเศรษฐกิจจะหมุนเวียนมากขึ้น
การเข้าโครงการนี้ต้องมีการยืนยันตัวตนเรากำลังพิจารณาในเรื่องของข้อมูลหาก ต้องกำหนดเกณฑ์ในการแบ่งว่าใครรวยใครจนจะต้องดูรายได้ที่ยื่นต่อเช้าสรรพากรในบัญชีเงินฝากและหาตัวเลขที่เป็นธรรมกับทุกฝ่ายซึ่งเป็นตัวเลขที่สามารถพิสูจน์ทราบได้ ว่าเราตัดยอดด้วยความยุติธรรม กำลังดูเรื่องความเหมาะสม เราจะไม่ให้เสียหลักการ และวัตถุประสงค์ของโครงการนี้อย่างแน่นอน
สำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ ตอนต้นจะให้ไปยืนยันตัวตนที่ธนาคารของรัฐ และนำคิวอาร์โค้ดไปใช้ที่ร้านค้า แต่ขณะนี้กำลังหาหนทาง เมื่อยืนยันตัวตนแล้วจะบันทึกอยู่ในบัตรประชาชน นำบัตรประชาชนไปใช้กับแอพลิเคชั่นของอีกคนไปแลกเปลี่ยนได้ ซึ่งยืนยันมีการใบหน้า เรากำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่
“นโยบายนี้เป็นนโยบายหลัก และเป็นประโยชน์ ไม่ใช่แค่กับประชาชน แต่ยังกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้ประชาชนเป็นกลไก ในการใช้ ประชาชนมาช่วยกันกับรัฐบาล ให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น”
ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กล่าวว่า สส.ได้ลงพื้นที่และพูดคุยกับประชาชนไม่ได้มีข้อที่บอกว่าควรทำหรือไม่ควรทำ แต่ถามมากกว่าว่าจะได้เมื่อไหร่ ฉะนั้นประชาชนในพื้นที่กำลังรอคอยนโยบายนี้อย่างใจจดใจจ่อ เราเห็นได้ชัดว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยไม่ได้ถูกกระตุ้นในภาพรวมและภาพใหญ่แบบนี้มานานแล้ว
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนจึงหวังว่านโยบายนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศได้เป็นครั้งใหญ่ ถามว่าใหญ่แค่ไหนก็ใหญ่เท่าที่ว่าหากเราทำสำเร็จต่างชาติจะดูเราเป็นตัวอย่างด้วยซ้ำว่าเราทำได้อย่างไร ทั้งนี้ ตอนที่เราออกหาเสียงต้องกำหนดเงื่อนไขต่างๆเพื่อให้เศรษฐกิจหมุนเวียนและทั่วถึงทั้งประชาชนที่อยู่ไกลไปที่อาจจะมีรายละเอียดต่างๆ ให้มันทั่วถึงยิ่งขึ้น
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วยังยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายที่สำคัญอย่างมาก และแน่นอนว่ารัฐบาลนี้เรามีนโยบายอื่นๆ ที่ทำควบคู่กันไปด้วย โดยได้มีการเริ่มคิกออฟไปหมดแล้วเราก็จะเริ่มเห็นผลสำเร็จค่อยๆตามมาในแต่ละนโยบาย อย่างไรก็ตามนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตจะนำไปสู่การจ้างงานและเกิดการสร้างอาชีพ ทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัดก็จะได้รับผลประโยชน์อย่างทั่วกัน นอกจากนี้ดิจิทัลวอลเล็ตรัฐบาลจะได้ผลตอบแทนมาในรูปแบบของภาษี ซึ่งภาษีที่ได้กลับมาก็จะทำให้รัฐบาลมีงบในการพัฒนานโยบายอื่นๆต่อยอดไปอีก เพื่อพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชน รวมถึงเพิ่มโอกาสประชาชนได้
“วันนี้ที่เราได้ประชุมกันก็รับฟังความคิดเห็นจากสส.ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง และมาคุยกับรัฐมนตรีแล้ว ก็ขอฝากรัฐบาลไว้ด้วยว่าให้ทำนโยบายนี้ให้สำเร็จอย่างที่เราได้บอกกับประชาชนไว้ เพื่อรัฐบาลเข้มแข็งและประชาชนทุกคนก็จะได้รับประโยชน์ไปพร้อมกัน”น.ส.แพทองธาร กล่าว