หลังมีรายงานข่าว และความเคลื่อนไหวผ่านทาง X ที่มีเนื้อหาและคลิปวิดีโอคนไทยที่ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลโพสต์คลิปที่มีเนื้อหา ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังหลบหนีเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นอยู่ในพื้นที่ประเทศอิสราเอลที่ตัวเองไปทำงานอยู่แล้วตอนนี้หลบหนีออกมาได้ไปอยู่ที่ศูนย์หลบภัย และโพสต์ภาพตั๋วเครื่องบินพร้อมเนื้อหาที่บอกว่าตัวเองเตรียมจะเดินทางกลับมาประเทศไทย
นายสิทธิบดี ทิศกระโทก ชาวจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยกับทีมข่าวว่าตัวเองทำงานอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิสราเอลในสวนมะม่วงเป็นเวลา 5 ปี หมดสัญญาพอดีที่เดินทางกลับมาเพราะนายจ้างส่งกลับเนื่องจากหมดสัญญา ยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบจากภัยสงครามที่เกิดขึ้นในขณะนี้เนื่องจากพื้นที่ที่ตัวเองทำงานอยู่ห่างไกลจากพื้นที่ความขัดแย้ง และยังมีทหารของประเทศอิสราเอลดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ในพื้นที่ตลอดเวลา
และวันนี้ที่เดินทางกลับมา ก็ยังสังเกตุเห็นว่าภายในสนามบินประเทศอิสราเอลทุกอย่างก็ยังเป็นปกติมีเครื่องบินโดยสารบินเข้าออก ไม่ได้มีการปิดน่านฟ้าอย่างที่มีข่าวนำเสนอออกไป ไม่แต่ยอมรับว่ากลุ่มเพื่อนแรงงานที่เดินทางไปด้วยกันเมื่อห้าปีก่อนกระจัดกระจายไปทำงานในหลายพื้นที่ทั้งภาคกลางและภาคใต้ของประเทศอิสราเอลตัวเองก็ไม่ได้ข่าวอีกเลย จึงไม่รู้ว่าตอนนี้ชีวิตความเป็นอยู่เป็นอย่างไรกันบ้าง
นายสิทธิบดียอมรับว่าวันนี้รู้สึกดีใจที่ได้เดินทางกลับมาประเทศไทยได้มาพบกับญาติญาติ ซึ่งตลอดระยะเวลาห้าปีที่เดินทางออกไปทำงาน โดยผ่านการจัดหางานของกระทรวงแรงงาน ยืนยันว่าไปโดยถูกกฎหมาย และไปทำงานได้ค่าจ้างตามที่ตกลงกันไว้กับนายจ้างตกเดือนละ 5300 เช็ค หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 40,000 บาท
ทั้งนี้ที่มีข่าวว่าคนไทยถูกหลอกไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ในรูปแบบที่โดนนายจ้างหลอกไป และไปขายต่อทำงานไม่ตรงกับที่ตกลงไว้ ตนเองไม่ทราบข้อมูลตรงนี้
ขณะที่ นางทองดี ทิศกระโทก อายุ 68 ปี และ นายสมอน ทิศกระโทก อายุ 74 ปี พ่อพร้อมแม่ของ นายสิทธิบดี แรงงานไทยที่เดินทางกลับประเทศอิสราเอล ได้เดินทางมารับลูกชายที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อลูกชายเจอผู้เป็นแม่ได้เข้าไปสวมกอด และทักทายกันด้วยความชื่นมื่น
โดย นางทองดี แม่ของแรงงานเปิดเผยว่า รู้สึกเป็นห่วงลูกชายมากที่สุดเมื่อรู้ว่าเกิดสภาวะสงครามที่ประเทศอิสราเอล ที่ผ่านมากินไม่ได้นอนไม่หลับ อยากให้ลูกกลับประเทศไทย เมื่อลูกชายมาถึงประเทศไทยแล้วรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ซึ่งลูกครบกำหนดตามเวลาที่ไปทำงานห้าปีพอดี และก่อนที่จะกลับวันนี้ตนเองยังกังวลว่าลูกจะขึ้นเครื่องบินกลับมาได้หรือไม่ หลังจากนี้จะมาให้ลูกไปทำงานที่ต่างประเทศอีกแล้ว
ด้าน นายสมอน ผู้เป็นพ่อระบุว่า เมื่อรู้ว่าที่ประเทศอิสราเอลมีการยิงกันตนเองนอนไม่หลับเพราะรู้สึกเป็นห่วง และคิดถึงลูกชาย และเมื่อถึงวันกำหนดที่ลูกจะกลับตนเองก็กลัวว่าลูกจะไม่ได้กลับมาที่ประเทศไทย หากลูกเป็นอะไรไปตนเองจะทำอย่างไร ตนเองรู้สึกดีใจที่สุดที่ลูกสามารถเดินทางกลับมาได้
ด้านนายอาบู โอไบดา โฆษกกองพันอัล-กัสซัม ได้กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์อัลจาซีราว่า จกชั่วโมงนี้เป็นต้นไป เราขอประกาศว่า การโจมตีใด ๆ ต่อบ้านเรือนประชาชน โดยไม่แจ้งเตือนล่วงหน้า จะต้องเจอกับการสังหารตัวประกันที่เป็นพลเรือนของศัตรูหนึ่งคนและเราจะเอาคลิปออกมาให้ดูด้วย
นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า เอกอัครราชทูตไทยในอิสราเอล ได้รายงานสถานการณ์ล่าสุด ว่าขณะนี้ มีคนไทยแจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับ ประมาณ 3,000 คน
และได้มีการรายงานข่าวดีเกี่ยวกับการอพยพคนไทยได้จำนวนมากขึ้น และในช่วงบ่ายของวันนี้ จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับแผนการช่วยเหลือในเเต่ละวัน โดยในขณะนี้ มีแรงงานไทยในอิสราเอล ประมาณ 30,000 คน อยู่ในจุดที่มีความเสี่ยง 5,000 คน และทยอยอพยพออกมาจากพื้นที่เสี่ยงภัย
สำหรับการอพยพคนไทยออกจากประเทศอิสราเอล จะทำทุกวิถีทาง ทั้งการใช้เครื่องบินเหมาลำและเครื่องบินของกองทัพ เพื่อนำคนไทยกลับมาให้เร็วที่สุด โดยในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ จะเป็นเที่ยวบินแรก และวันที่ 19 ตุลาคม จะมีอีกหนึ่งเที่ยวบิน และระหว่างนั้นก็จะพยายามทำเพิ่มเติม ทั้งการประสานหาเครื่องบินพาณิชย์ของไทย และเครื่องบินทหาร
ทั้งนี้ ต้องขอบคุณเอกอัครราชทูตไทย ประจำประเทศอิสราเอล ที่พยายามติดต่อหาทุกช่องทาง เครื่องบินของไทยได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือ ในเขตประเทศอิสราเอล ไม่ใช่เขตประเทศเพื่อนบ้าน ให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยในช่วงบ่ายของวันนี้ จะมีการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว ทุกอย่างน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น ว่าจะมีผู้แจ้งความประสงค์กลับมาจำนวนมากน้อยเพียงใด และจะกลับมาได้ในช่วงเวลาใด โดย ความรุนแรงขณะนี้มีการขยายวงกว้าง เข้ามาใกล้กับสนามบิน จึงมีความเป็นห่วง และเมื่อวานนี้ได้มีการเจรจากับประเทศรอบๆ เพราะถ้าหากมีความจำเป็นต้องส่งเครื่องบินไป แต่ยอมรับว่าการเดินทางค่อนข้างลำบาก
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทเปิดเผยด้วยว่าขณะนี้มีคนไทยแจ้งความประสงค์กลับประเทศ 3,000 คน ส่วนที่ต้องการจะอยู่ต่อมีประมาณ 100 คน ซึ่งทั้ง 2 ส่วนมีทั้งแรงงานที่เดินทางไปอย่างถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย
เมื่อถามว่าได้มีการประสานช่วยเหลือแนงงานที่ถูกนายจ้างนำไปขายต่อหรือไม่ นายจักรพงษ์ระบุว่าได้รับทราบรายงานแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากอิสราเอล
ส่วนที่ประชาชนมีความกังวลและพยายามที่ตะซื้อตั๋วเครื่องบินพาณิชย์กลับเอฃโดยไม่รอเครื่องรัฐบาลไปรับ จาะมีการดูแลค่าใช้จ่ายในส่วนนี้หรือไม่ นายจักรพงษ์ระบุว่าทางเอกอัครราชทูตพยายามดูทุกไฟลท์บินคิดว่าน่าจะครอบคลุมทั้งหมด และจะมีการดูแลค่าใช้จ่ายเป็นกรณีไป
ส่วนการรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมนั้น นายจักรพงษ์ระบุว่าทางอิสราเอลยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ได้ จึงยังไม่สามารถยืนยันตัวเลขอย่างเป็นทางการ แต่จากการรายงานของนายจ้างอย่างไม่เป็นทางการพบว่าขณะนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 18 รายแล้ว
ส่วนการเจรจาช่วยเหลือตัวประกันนั้นยังมีการเจรจาต่อเนื่อง พร้อมมีการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตแต่ละประเทศด้วย
ในโซเชียลมีการเผยแพร่ภาพความโดร้ายของกลุ่มกองกำลังฮามาส เป็นภาพที่ตัวประกันถูกมัดไพล่หลัง หรือแม้กระทั่งคลิปที่กราดยิงสุนัข และจับเด็กเป็นตัวประกันด้วย