ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยัง อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านของนายจักรพงษ์ จันทรเสนา หรือม่อน อายุ 28 ปี ชาวบ้านเดี่ยม ม.5 ต.เชียงแหว อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานีเพื่อสอบถามข้อมูลข้อเท็จจริงกับครอบครัว โดยบรรยากาศที่บ้านชาวบ้านกำลังเตรียมรับแขกที่แวะมาเยี่ยมถามข่าว
นายสนทยา จันทรเสนา อายุ 33 ปี พี่ชาย เล่าวว่า ตนยินข่าวจากเพื่อนคนงานที่แคมป์ด้วยกันบอกให้ฟังว่า น้องชายตัวเองเสียชีวิตแล้ว ได้ยินข่าวตอนแรกก็ไม่เชื่อ ก็เลยโทรสอบถามไปยังเพื่อนคนงานที่หนีออกมาได้ซึ่งเขาก็ยืนยันว่าจริงโดยเขายืนยันว่า “น้องเสียชีวิตแล้ กับเพื่อนอีกคนที่ชื่อแจ็ค” ทั้งนี้ทางการก็ยังไม่ได้ยืนยันข้อมูลที่ชัดเจน
สำหรับน้องพึ่งไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลได้ 8 เดือน ทำงานตำแหน่งเกษตร ล่าสุดเพิ่งได้คุยกับน้องชายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจากนั้นวันเสาร์ก็ขาดการติดต่อ โดยเมืองที่น้องทำงานหลายคนก็ยืนยันว่ามีคนไทยตายแล้ว 6 คน ซึ่งน้องเป็นกลุ่มที่เสียชีวิตในหลุมหลบภัย สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็ไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดยังไง จากนั้นพี่ชายก็ปาดน้ำตา
โดยที่บ้านของนายม่อน ญาติได้นำเต็นท์มากางที่หน้าบ้าน หลังทราบข่าวจากสื่อโซเซียลและทีวีว่า ถูกกลุ่มฮามาสยิงเสียชีวิตที่แคมป์คนงาน มีญาติพี่น้องและชาวบ้านที่ทราบข่าว รวมทั้งนายทินกร ดอนธงขวา ปลัดอาวุโส อ.กุมภวาปี เดินทางมาให้กำลังใจ ญาติแรงงานไทยในอิสราเอลที่คาดว่าจะเสียชีวิต เพื่อสอบถามข้อมูลข่าวสารที่ญาติได้รับแจ้ง และชี้แจงขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้อง และรัฐบาล พร้อมกับให้กำลังใจญาติ หากเป็นเรื่องจริงก็จะมีการช่วยเหลือเยียวยาอย่างเต็มที่ จนทำให้ญาติมีความหวังมากขึ้น
ด้านนางสาวหมิว อายุ 28 ปี ภรรยาของนายม่อน เปิดเผยกับสื่อมวลชนในพื้นที่ หลังเดินทางกลับจาก ศูนย์ดำรงธรรม อ.กุมภวาปี และสำนักงานแรงงานจังหวัดอุดรธานี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง หลังมีข่าวว่าสามีเสียชีวิต เนื่องจากมีคนที่ทำงานจากอิสราเอลบอกว่า สามีถูกยิงเสียชีวิต ตนก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อย เนื่องจากยังไม่ได้รับยืนยัน และยังมีความหวังว่าสามียังไม่เสียชีวิตอยู่ เพราะก่อนเกิดเหตุ ช่วงเช้าเวลาของประเทศอิสราเอล สามียังวิดีโอคอลมาพูดคุยกับอยู่ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็อยากให้ติดต่อกลับมา เพราะตนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะญาติๆทุกคนก็รอฟังข่าว อย่างมีความหวัง
ตนยังไม่มีลูกด้วยกันกับสามี ถ้าหากสามีเสียชีวิตไปแล้ว จะต้องมาเข้าฝันบอกตนหรือญาติๆแล้ว จึงทำให้มีความหวังตามความเชื่อ และยังไม่มีการยืนยันว่าสามีตนเสียชีวิต จะมีแต่เขาว่าต่อๆกันมาเท่านั้น ตนก็อยากให้ทางหน่วยงานแจ้งรายชื่อออกมาเลย จะไม่ได้สับสนวิตกกังวลใจ โดยสามีของตนไปทำงานเก็บผลไม้ และไปทำงานถูกต้องกฎหมาย ถ้าบาดเจ็บก็ให้รักษาแล้วกลับบ้านเลย และอยากฝากถึงแรงงานไทยทุกคน ให้ติดต่อกลับมาบ้าง เพราะทุกคนเป็นห่วง และขอให้ทุกคนกลับมาบ้านอย่างปลอดภัย