อัปเดตแรงงานไทย กต.แถลงไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย เสียชีวิตรวม 20 ราย และถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่ม 3 คน รวมเป็น 14 คน
11 ต.ค. 66
นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานเหตุความรุนแรงในพื้นที่ตะวันออกกลาง ประเทศอิสราเอลว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้รับรายงานจากแรงงานไทยในพื้นที่ว่า มีผู้เสียชีวิตจากการเหตุจรวดโจมตีเพิ่มเติม จำนวน 2 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมขณะนี้ 20 ราย และมีจำนวนผู้บาดเจ็บเพิ่ม 4 คน ทำให้มีผู้บาดเจ็บสะสม 13 คน ซึ่งเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟฯ ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทลอาวีฟแล้ว ส่วนจำนวนผู้ที่ถูกจับกุมตัวนั้น แรงงานในพื้นที่แจ้งว่า มีผู้ถูกจับกุมตัวเป็นตัวประกันเพิ่ม 3 คน ทำให้ขณะนี้ มีแรงงานไทยในอิสราเอล ถูกจับเป็นตัวประกัน จำนวน 14 คน โดยยอมรับว่า ยังไม่สามารถยืนยันความปลอดภัยของแรงงานได้ เพราะเป็นสภาวะการณ์สงคราม ซึ่งกลุ่มฮามาส ได้แจ้งว่า มีการจับตัวประกันไปทั้งสิ้น 150 คน และคาดว่า จะมีการกระจายตัวประกัน ไปยังพื้นที่ต่าง ๆ และมั่นใจว่า กลุ่มแรงงานไทย และชาวต่างชาติ ไม่ใช่เป็นกลุ่มเป้าหมายการทำร้ายของกลุ่มฮามาส
ส่วนกรณีที่มีรายงานแรงงานไทยได้รับการช่วยเหลือ 14 คนในพื้นที่อันตรายนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า เป็นคนละส่วนกับกลุ่มที่ถูกจับเป็นตัวประกัน 14 คน และเชื่อว่า ระหว่างนี้ ยังมีการช่วยเหลืออพยพแรงงานไทย และชาติอื่น ๆ ในพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่ได้ปรากฎเป็นข่าว ส่วนแรงงานที่สถานเอกอัครราชทูตไม่สามารถติดต่อได้ ก็จะประสานต่อนายจ้าง และตัวแทนกลุ่มแรงงานในพื้นที่
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังชี้แจงในกรณีที่แรงงานถูกนายจ้างยึดหนังสือเดินทางไว้ว่า สถานเอกอัครราชทูต จะออกเอกสารสำคัญประจำตัว Certificate of Identity หรือ C.I. ให้ทดแทนสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ และสถานเอกอัครราชทูต จะไปประจำการอยู่ที่สนามบิน เพื่อเตรียมการออกเอกสารต่าง ๆ ให้ผู้ที่ต้องการเดินทางกลับ ซึ่งขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ส่งรองอธิบดีกรมการกงสุล และเจ้าหน้าที่ไปให้ความช่วยเหลือในพื้นที่กว่า 10 คน และยังมีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเพิ่มเติมด้วย
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังเปิดเผยถึงจำนวนผู้ขออพยพกลับประเทศไทยว่า สถานะในวันที่ 10 ตุลาคม มีผู้แสดงความประสงค์กลับประเทศไทยแล้วทั้งสิ้น 5,019 คนและไม่ประสงค์เดินทางกลับ จำนวน 61 คน โดยในวันพรุ่งนี้ (12 ต.ค.) แรงงานไทยที่ได้รับการช่วยเหลือ จะถึงประเทศไทยชุดแรกจำนวน 15 คน ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ในเวลา 10.35 น. พร้อมขอให้มั่นใจว่า กระทรวงการต่างประเทศ จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด แม้จะยังมีข้อจำกัดในการอพยพจากสถานการณ์ในอิสราเอล
ส่วนกรณีที่ประเทศอื่น ๆ สามารถอพยพพลเมืองของตนได้สำเร็จ และรวดเร็วกว่านั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า ส่วนใหญ่เป็นประเทศในแถบยุโรป และไม่ไกลจากอิสราเอลมาก และส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว สามารถรวมพลได้ง่ายไม่ต้องฝ่าพื้นที่อันตรายออกมาเหมือนแรงงานที่กระจายตามพื้นที่ต่าง ๆ พร้อมย้ำว่า แรงงานที่ได้รับความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ปลอดภัย เพื่อให้ทำงานกับนายจ้างคนใหม่นั้น ก็ยังสามารถลงชื่อเพื่อขอกลับประเทศได้ และหากสถานการณ์สงบแล้ว กระทรวงแรงงาน จะประสานทางการอิสราเอล และหน่วยงานรับหางาน เพื่อให้สามารถกลับไปทำงานได้ต่อ โดยจไม่เสียสิทธิใด ๆ และแรงงานไทย ยังมีสิทธิปฏิเสธไม่ทำงานในภาวะสงครามได้ และหวังว่า นายจ้างจะพิจาความปลอดภัย เพราะในพื้นที่ที่มีการสู้รบ ทางการอิสราเอล ก็ประกาศไม่ให้ออกจากเคหะสถาน
ทั้งนี้ ระหว่างการแถลงข่าว โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้เปิดเผยภาพที่นางพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เดินทางไปเยี่ยมแรงงานไทยในค่ายแรงงานไทยในอิสราเอล เพื่อชี้แจงถึงการเตรียมการ และขั้นตอนการอพยพกลับประเทศ