หลังเกิดเหตุกองกำลังกลุ่มฮามาสบุกถล่มอิสราเอลเมื่อวันเสาร์ที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ทำให้แรงงานไทยจำนวนมากที่ทำงานอยู่ในประเทศอิสราเอลได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ยังมีอีกหลายรายที่ยังหาตัวไม่พบ

ผู้ว่าศรีสะเกษรุดให้กำลังใจครอบครัวแรงงานไทยในอิสราเอล

วันนี้ (11ต.ค.66) นายอนุพงษ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยนากเหล่ากาชาดจังหวัดศรีสะเกษ สมาชิกเหล่ากาชาด เจ้าหน้าที่ที่สังกัดกระทรวงแรงงาน และพัฒนาสังคมความมั่นคงของมนุษย์ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นำเข้าเยี่ยมครอบครัวของนายพงษ์พัฒน์ สุชาติ อายุ 29 ปี ผู้เสียชีวิต จากการที่ออกไปทำงานที่แปลงเกษตร ในอิสราเอล ในเช้าของวันที่ 10 ตุลาคม 2566 ในพื้นที่ บ้านกระแซงเมืองใหม่ หมู่ที่ 17 ตำบลกระแซง อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ

พร้อมให้กำลังใจ นายไสว สุชาติ อายุ 55 ปี นางไพรวัล สุชาติ อายุ 52 ปี พ่อและแม่ รวมถึงนางสาววารุณี ดาวไสย อายุ 30 ปีภรรยานายพงษ์พัฒน์

โดยผู้ว่าฯปลอบขวัญด้วยการเข้าสวมกอดพ่อแม่ ที่กำลังร้องไห้เพราะความเสียใจ ที่สูญเสียลูกชายคนเล็กไป รับปากช่วยนำศพกลับไทยโดยเร็ว

พี่ชายสุดช้ำ เห็นน้องตายต่อหน้า ไม่ขอกลับทำงานอิสราเอลต่อ

ขณะที่ นางสาว ถวิล อินจันทร์ อายุ 32 ปี ลูกสะใภ้คนโตภรรยาของ นายสุรัตน์ สุชาติ ที่เป็นพี่ชายของผู้เสียชีวิต ที่ยังอาศัยอยู่ในแคมป์คนงานอิสราเอล ด้วยการสอบถามถึงความเป็นอยู่ สถานที่พัก การออกไปทำงานยังเสี่ยงอยู่ไหม นายจ้างยังบังคับให้ไปทำงานหรือไม่ ซึ่งก็ได้คำตอบว่า ตอนนี้นายจ้างให้หยุดทำงานเอาไว้ก่อนแล้ว รอจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายดีกว่านี้ แต่ตอนนี้ตนอยากกลับบ้านที่ศรีสะเกษ โดยขอให้ช่วยในการดำเนินเรื่องเพื่อเอาศพน้องชายตนกลับบ้านช่วยด้วย ซึ่งท่านผู้ว่าฯ ก็รับปากที่จะช่วยอย่างเต็มที่ อย่าได้กังวล ขอสถานทูตประสานในเรื่องนี้ต่อไปก่อนแต่รับว่าไม่นาน

ครอบครัวร่ำไห้ระงม สูญเสียเสาหลัก
ขณะเดียวกันวานนี้ (10ต.ค.66) ในพื้นที่การเกษตร ยังมีแรงงานไทยเสียชีวิตอีก 1 คน คือ นายศักดิ์สิทธิ์ โคตมี (ชาโด้) อายุ 37 ปี โดยมีสัญญารวม 7 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านของนายศักดิ์สิทธิ์ ครอบครัวญาติพี่น้อง ร้องไห้เสียใจอย่างหนัก หลังทราบข่าวการเสียชีวิต หลังจากนายศักดิ์สิทธิ์ถูกระเบิดทิ้งลงจากฟ้าใส่ร่าง ขณะอยู่ในแปลงเกษตร ทางตอนใต้ของอิสราเอล ห่างจากฉนวนกาซ่าประมาณ 10 กิโลเมตร

สะอื้นสามีถูกระเบิดดับ
ขณะเดียวกัน น.ส.นุ้ย ภรรยานายชาโด้ วิดีโอคอลคุยกับผู้สื่อข่าวบอกว่า ตอนนี้หนูพูดไม่ออก ขนาดศพสามียังไม่กล้าไปดู หัวใจแตกสลายแล้ว หนูพูดอะไรไม่ได้เลย เพื่อนส่งรูปสามีมาให้ดูก็ไม่กล้าดู ขอทำใจก่อน ก่อนเกิดเหตุนายจ้างได้ให้คนงานกว่า 30 คนไปเก็บในสวน ซึ่งปกติตนเองจะไปด้วย แต่ตนเองไม่สบาย สามีไปกับเพื่อนไม่นานก็ได้ยินเสียงระเบิด ไม่คิดว่าคนที่เจอจะเป็นสามี เสียใจมาก อยากให้ทางการนำศพสามีกลับบ้านด้วย

พี่สาวขอหมดห่วง จะดูแลแม่แทนเอง
น.ส.แป๋ว อายุ 39 ปี พี่สาวนายชาโด้ บอกว่า รู้ข่าวจากน้องในหมู่บ้านว่า ว่าเมื่อวานนี้น้องชายถูกระเบิดเสียชีวิต ตนเองที่อยู่กาฬสินธุ์รีบกลับมาที่บ้านเลย เสียใจมากร้องไห้จนแทบไม่มีน้ำตา ทั้งๆ ที่ก่อนน้องจะถูกระเบิดเสียชีวิต เขายังคุยกับแม่อยู่ เพราแม่เป็นห่วง วางสายกับแม่ไม่ถึง 10 นาทีปรากฏว่าน้องที่รู้จักเขาโทรมาบอกว่า โด้ถูกระเบิดตายคาที่เลย เขาคุยกับพี่สาวตลอด ตอนไปหลบในป่าก็วิดีโอมาบอกพี่สาวว่า น้องมาหลบในป่า เขาเป็นคนรักแม่มาก กว่า 30 ปี ไม่ค่อยอยู่บ้านไปทำงานต่างประเทศเพื่อหาเงินส่งมาให้แม่ เพราะครอบครัวเราฐานะไม่ดี ชาโด้ไปทำงานที่อิสราเอล 7 ปีแล้ว ส่งเงินมาให้แม่ทุกเดือน สร้างบ้านให้แม่ ซื้อรถยนต์ และไปสร้างบ้านภรรยาที่จ.บึงกาฬอีก น้องชายรักและห่วงงแม่มาก บอกให้แม่ไม่ต้องทำอะไร เขาจะดูแลแม่เอง แต่เมื่อรู้ข่าวแบบนี้ เขาเป็นทุกอย่างให้แม่ รักแม่มาก ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกเลย อยากวิญญาณน้องรับรู้ อยากจะบอกว่า ไม่ต้องห่วงแม่แล้ว ขอให้ไปสู่สรวงสวรรค์ น้องเป็นคนกตัญญูรักแม่มาก ขอให้น้องอย่าห่วง พี่สาวจะดูแลแม่เอง แม่มีลูกแค่ 2 คนนี้ อยากจะให้ทางการเอาศพมาที่เมืองไทย เพื่อให้เห็นหน้าครั้งสุดท้าย เพราะที่ผ่านมาน้องไม่เคยอยู่บ้านเลย บากหน้าไปทำงานตลอด

เมียช็อกผัวตายคาตาในอิสราเอล ร่ำไห้ขอศพคืน พี่ร่ำไห้ลมจับเพิ่งคุย 10 นาทีวางสายตาย