เปิดภาพ 30 ชีวิตแรงงานไทยหนีตาย
ขณะที่ นายอัศวิน มาลาแสง 1 ในแรงงานคนไทยที่อิสราเอล ที่รอดชีวิต
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสาวอุทุมพร มาลาแสง ภรรยาของนายอัศวิน มาลาแสง เล่าว่า สามีเพิ่งจะเดินทางไปทำงานที่อิสราเอลได้เพียง 3 เดือนก่อนจะเกิดเหตุ สามีของตนเองทำงานเป็นคนงานในสวนอะโวคาโด้ ซึ่งที่อยู่ของสามีห่างจากแคมป์คนงานของนายชัยรัตน์ หนึ่งในผู้เสียชีวิตที่ถูกกราดยิงประมาณ 20 กิโลเมตร โดยสามีได้หนีตายออกมาได้พร้อมเพื่อนคนงานไทยกว่า 90 คน ซึ่งขณะนั้นสามีเล่าให้ฟังว่า ได้ยินเสียงระเบิดและกระสุนปืนของกลุ่มติดอาวุธฮามาส เริ่มเข้ามาใกล้ที่พักของสามีมากขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้เพื่อนคนงานไทยรวมถึงสามีตัดสินใจบอกนายจ้างเพื่อขออพยพไปอยู่ที่อื่น ซึ่งเป็นบ้านพักของนายจ้างอีกแห่ง โดยขณะนั้นสามีเป็นคนขับรถไถ บรรทุกเพื่อนแรงงานคนไทยเกือบ 20 คนอพยพมาด้วยโดยบันทึกคลิปวิดีโอไว้ส่งมาให้ดู โดยสามีได้ขอให้กลุ่มทหารอิสราเอล ขับรถช่วยนำไปยังบ้านนายจ้างเพื่อไปหลบในที่ปลอดภัย
แต่จนถึงตอนนี้หลังจากที่อพยพไปอยู่บ้านนายจ้าง สถานการณ์ก็ยังคงอันตรายอยู่ เนื่องจากนายจ้างยังไม่สามารถติดต่อทหารอิสราเอลเพื่ออพยพคนไทยอีกกว่า 90 คนไปยังที่ปลอดภัยได้ ดูสามียังหลบอยู่ภายในบ้านพักของนายจ้างอยู่และยังมีเสียงระเบิดและเสียงปืนดังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนเองอยากให้รัฐบาลไทยช่วยประสานงานช่วยเหลือพาสามีกลับประเทศด้วย
ไม่ห่วงค่าจ้าง ขอแค่สามีรอดชีวิตก็พอ
สำหรับสามีของตนเองนั้นเพิ่งจะเดินทางไปทำงานได้เพียง 3 เดือน โดยลงทุนจ่ายเงินเพื่อไปทำงานต่างประเทศกว่า 1 แสนบาท ทำงานยังไม่ได้ทุนคืนเลยด้วยซ้ำก็มาเกิดเหตุขึ้นก่อน ซึ่งจนถึงตอนนี้ไม่ห่วงว่าจะได้รับค่าจ้างหรือไม่หลังจากนี้ ห่วงแต่เพียงสามีตนเอง ขอให้กลับบ้านมีชีวิตรอดปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว
เปิดสภาพห้องพักหลังหนีตาย การโจมตียังไม่หยุด
ล่าสุดทีมข่าวได้วิดีโอคอลพูดคุยกับ นายอัศวิน ซึ่งเป็นหนึ่งในคนไทยที่รอดชีวิตมาได้ โดยนายอัศวินเป็นเพื่อนบ้านกับนายชัยรัตน์ผู้เสียชีวิต ซึ่งทำงานอยู่อีกแคมป์คนงานในอิสราเอล ห่างกันประมาณ 20 กิโลเมตร
จากการสอบถาม เจ้าตัวบอกว่า ตอนนี้ตนเองและเพื่อนคนไทย ประมาณ 100 คน ยังอยู่ในพื้นที่สีแดง และยังได้ยินเสียงระเบิดและเสียงปืนดังอยู่เป็นระยะ โดยที่พักของพวกตนเองเป็นบ้านของเจ้านายซึ่งมีรั้วรอบขอบชิด ด้านนอก มีกำลังทหาร ลาดตระเวนรอบพื้นที่อยู่
โดยแคมป์ของตนเองนั้น มีคนไทยอยู่ทั้งหมด 37 คน ส่วนอีกแคมป์มีคนไทยอยู่ประมาณ 64 คนซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน โดยทั้งหมดนายจ้างอยู่ระหว่างประสานทหารอิสราเอลเพื่อเตรียมอพยพไปที่ใหม่ ซึ่งเป็นที่ที่ปลอดภัยมากกว่านี้ แต่ยังไม่รู้ว่าต้องอพยพไปที่ไหน นายจ้างยังไม่บอก แต่ถึงขณะนี้ตนเองรอรถทหารมารับกว่า 6 ชั่วโมง แต่ยังไม่ไม่สามารถเดินทางมารับได้ เข้าใจว่าพื้นที่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูงในการเดินทางมารับ เนื่องจากตนเองยังอยู่ในพื้นที่สีแดง
เจ้าตัวยังเล่าให้ฟังด้วยว่า ช่วงที่ตนเองอพยพออกจากที่ทำงานครั้งแรก ได้ยินเสียงปืนและระเบิดเริ่มเข้ามาใกล้ที่พัก จึงได้บอกทหารและนายจ้าง เพื่อขออพยพไปที่ปลอดภัยที่อื่น ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักเก่า ประมาณ 1 กิโลเมตร โดยตนเองเป็นผู้ขับรถไถบรรทุกเพื่อนคนไทยมาที่ที่พักหลังใหม่ ตามคลิปวิดีโอที่เห็น ซึ่งพื้นที่ด้านนอกอันตรายมาก
ตอนนี้ตนเองอยากกลับบ้านมาก อยากให้รัฐบาลไทยประสานงานเพื่อพาคนไทยกลับด่วน
ยังไม่รู้ชะตากรรมชายกำแพงเพชร เหยื่อห้องหมายเลข5
ด้านครอบครัวนายศรีทัศน์ กาเหว่า (ทัศน์) อายุ 43 ปี แรงงานคนไทยที่เดินไปทำงานภาคเกษตรกรรม ขับรถ ปลูกมัน สวยอโวคาโด ในประเทศอิสราเอล ยังติดต่อนายศรีทัศน์ไม่ได้ หลังเกิดเหตุโจมตี
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปบ้านพัก บ้านเนินสว่าง หมู่ที่ 21 ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร
นางสว่าง กาเหว่า อายุ 69 ปี แม่ของนายศรีทัศน์ กาเหว่า (ทัศน์) เล่าทั้งน้ำตาว่าห่วงลูกชายและทำได้เพียงเฝ้ารอฟังข่าวอย่างมีความหวัง ตนได้คุยกับลูกชายล่าสุด ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น โดยลูกชายพึ่งเลิกงานแล้วบ่นว่าง่วงนอนตนจึงให้ลูกชายไปนอน จากนั้นก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย จนกระทั่งมีคลิปวิดีโอออกมาว่าหนึ่งในกลุ่มแรงงานที่ถูกบุกยิงมีคนลักษณะคล้ายกับลูกชายตน ตกใจและเสียใจนอนไม่หลับ แต่ก็มีความหวัง ตอนนี้ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ได้เฝ้ารออย่างเดียว
ขณะที่นางใหม่ กาเหว่า อายุ 36 ปี ภรรยา นายศรีทัศน์ เล่าว่า สามีอาจจะไม่มีชีวิตอยู่ ทั้งหมดที่อยู่ด้วยกัน 19 คน ถูกโจมตีจากกลุ่มไม่ทราบฝ่าย และยังไม่สามารถติดต่อใครได้เลย ตนเองก็พยายามติดต่อปัจจุบันก็ยังติดต่อสามีไม่ได้
โดยครั้งล่าสุดได้วิดีโอคอลหากัน เมื่อเวลาประมาณ 11 นาฬิกาตามเวลาประเทศไทย แฟนตนได้เล่าให้ฟังว่าที่นี่เริ่มยิงกันแล้วหากมีเหตุการณ์รุนแรงก็จะไปหลบในที่ปลอดภัย จู่ๆแฟนก็บอกกลับมาว่าแค่นี้ก่อนขอไปหลบระเบิดก่อนจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จนประมาณช่วงบ่ายก็มีคลิปวีดีโอออกมาเป็นภาพกลุ่มก่อการร้ายยิงกลุ่มคนที่อยู่ในห้องๆหนึ่ง ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งเห็นคลิปอีกครั้งซึ่งตนสังเกตุเห็นบุคคล บุคคลหนึ่งลักษณะและสวมเสื้อผ้าคล้ายกับสามีตน ก็รู้สึกตกใจ ตนได้ส่งคลิปดังกล่าวไปให้ญาติดู ก็ต่างบอกว่ามีลักษณะคล้ายกับสามีตน โดยจึดสังเกตุที่ทำให้เรามั่นใจว่าน่าจะเป็นสามีตนคือ เสื้อผ้าของคนที่อยู่แคมป์เดียวกัน ลีกษณะเท้าและมือจำได้ว่าน่าจะเป็นสามี ลักษณะห้องพัก ไม่ว่าจะเป็นสีห้อง สีผนัง โซฟา คือห้องหลบภัยที่สามีเคยส่งให้ดู
ตนรู้สึกเสียใจ ตกใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ตอนก็ยังมีความหวังที่จะเห็นสามีขอบตนรอดชีวิตมาอย่างปลอดภัย ตราบไดที่ยังไม่มีการยืนยันและเปิดเผยรายชื่อออกมา ตอนนี้เฝ้ารออย่างมีความหวังและเป็นห่วงสามีเป็นอย่างมาก แต่หากสามีตนเสียชีวิตจริงๆอยากฝากให้รัฐบาลนำร่างไร้วิญญาณของสามีตนกลับมายังบ้านเกิดด้วย
โดยหลังจากทราบข่าว มีบรรดาญาติพี่น้อง เพื่อนบ้านเข้ามาให้กำลังใจกันเป็นจำนวนมาก ต่างพูดคุยปลอบโยนให้กำลังใจและต่างเฝ้ารอกันอย่างมีความหวัง ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็ได้มีโทรศัพท์จากเพื่อนคนงานที่ไปทำงานในแคมป์เดียวกันโทรศัพท์เข้ามาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่ากลุ่มที่ตนอยู่นั้นตอนนี้หลบในที่ปลอดภัย เป็นพื้นที่ ที่ไม่ได้มีการสู้รบ ไม่มีความเสี่ยวเหมือนพื้นที่อื่น ส่วนเพื่อนที่เป็นแรงงานคนไทยด้วยกัน โดยในกลุ่มนั้นมีสามีของนางใหม่อยู่ด้วย ก็ได้ข่าวมาว่า น่าจะไม่รอดหมดทุกคนแต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้