ดีใจหลานปลอดภัย เตรียมบายศรีผูกรับขวัญ
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านของนายณรงค์ชัย ลีละครจันทร์ หรือต้า ที่บ้านนาสีนวล ต.วัฒนา อ.ส่องดาว จ.สกลนคร แต่ไม่พบใครอยู่บ้านจึงสอบถามเพื่อนบ้านทราบว่า พ่อแม่ของนายณรงค์ชัยหรือต้าออกไปขายของที่ตลาดนัด อาจจะกลับมาช่วงค่ำ

แต่ก็ได้พบกับ นางประเทียน อายุ 53 ปี อาของต้า กล่าวว่า เมื่อรู้ว่าหลานชายปลอดภัยแล้วกำลังจะเดินทางกลับประเทศไทยทางครอบครัวรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก หากมาถึงบ้านจะจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญผูกข้อมือตามประเพณีเท่านั้น ตอนแรกครอบครัววางแผนไว้จะไปรับที่สนามบินแต่ทางการแจ้งว่ามีรถมาส่งถึงหน้าบ้าน จึงอยู่รอรับที่นี่ดีกว่า โดยหลานชายเดินทางไปทำงานเก็บกล้วยอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่ประเทศอิสราเอลเป็นเวลากว่า 2 ปี แล้ว ขณะที่อยู่ที่นั้นมักจะโทรมาพูดคุยกับครอบครัวทุกวัน อย่างวันที่เกิดเหตุโจมตีหลานชายเล่าให้ฟังว่า จุดที่ระเบิดลงเป็นจุดที่ใช้นั่งรับประทานอาหารอยู่เป็นประจำ แต่โชคดีที่วันเกิดเหตุไม่ได้ทานข้าวตรงนั้น แล้วนายจ้างก็พาไปที่หลุมหลบภัยตรงนั้นไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เพราะถูกตัด พอมีสัญญาณหลานชายก็ติดต่อกลับมาหาครอบครัวบอกว่าปลอดภัยแล้ว และมีความประสงค์อยากจะกลับบ้านเอง ส่วนเจอสถานการณ์แบบนี้จะกลับไปทำงานอีกไหมยังไม่ได้มีการคุยกัน แต่คิดว่าคงไม่กลับไปแล้วเพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย

ครอบครัวรอรับกลับบ้าน
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางต่อไปยัง บ้านดงหม้อทอง ต.ดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร พบกับครอบครัวของนายวิมาน วงศ์จำปา หรือโน่ บรรยากาศทั่วไปเงียบเหงา

โดย น.ส.เพ็ญพักตร์ คำทา อายุ 35 ปี ภรรยา กล่าวว่า สามีเดินทางไปทำงานเก็บอโวคาโด้เป็นเวลา 2 ปีกว่า เงินเดือนเฉลี่ย 70000 บาท ส่งกลับมาให้ครอบครัวเดือนละ 40000 บาท และติดต่อกลับมาหาครอบครัวเป็นประจำ พอทราบข่าวว่าเกิดเหตุโจมตีแล้วเห็นภาพชายรายหนึ่งนอนคว่ำเสียชีวิตอยู่ข้างกำแพง ก็ใจหายเพราะลักษณะคล้ายกับสามี ต่อมาสามีติดต่อกลับมาก็โล่งใจขึ้นมาบ้าง พร้อมกับเล่าให้ฟังว่า ขณะเกิดเหตุกำลังทำงานอยู่จู่ๆ ระเบิดก็ตกลงบริเวณนั้น ต่อมานายจ้างรีบพาทุกคนไปหลบในที่ปลอดภัย พอสถานการณ์เริ่มสงบนายจ้างพามาเอากระเป๋าและพาสปอร์ตที่ที่พัก แต่สามีตนนั้นได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนถากที่แขนข้างซ้ายเย็บ 7 เข็ม ขณะนี้อยู่ในอาการปลอดภัย ยังหลงเหลืออาการหวาดผวาเสียงดังอยู่ ตอนนี้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อยแต่ไม่เต็มร้อย ถ้าตัวถึงไทยเมื่อไหร่ค่อยรู้สึกดี ครอบครัวไม่ได้เดินทางไปรับที่สนามบินเพราะว่าไกล อีกทั้งทางการก็แจ้งว่าจะมาส่งถึงบ้านจึงรอรับที่นี่ดีกว่า หลังจากนี้คงต้องทำพิธีบายศรีสู่ขวัญผูกข้อมือตามประเพณีเพื่อรับขวัญ

ด้าน นางสมหมาย วงค์จำปา แม่ของนายวิมาน กล่าวว่า นายวิมานหรือโน่เป็นลูกชายคนเล็กจาก 6 คน เดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เพื่อส่งเงินกลับมาให้ครอบครัว พอทราบข่าวก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเคียดจนนอนไม่หลับ ล่าสุดได้คุยกันเมื่อช่วงเที่ยงรู้ว่าปลอดภัยแล้วก็รู้สึกดีใจขึ้นมาบ้าง

สลดใจเพื่อนตายหมด กลับไทยพรุ่งนี้
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางมาลัยวรรณ แซ่ลี ภรรยาของนายจันทร์ดี แซ่ลี แรงงานไทยในอิสราเอล ซึ่งเป็นชาวจังหวัดเชียงราย ที่จะเดินทางกลับจากอิสราเอลวันพรุ่งนี้ (12 ต.ค.) เปิดเผยว่า สามีไปทำงานที่อิสราเอล 2 ปี 4 เดือน สามีโทร.มาแจ้งว่ามีการปะทะกัน มีจรวดใกล้ๆ ตอนสามีวิดีโอคอลมา ตนก็ได้ยินเสียง ตอนที่คุยกันตอนบ่าย 2 โมง วันที่ 7 ต.ค. จากนั้นก็ติดต่อสามีไม่ได้

กระทั่งตี 5 วันรุ่งขึ้น สามีโทรมา นายจ้างบอกว่าทหารอิสราเอลพาสามีย้ายไปอยู่ที่อื่น เพราะตรงนี้ไม่ปลอดภัยแล้วสัญญาณจะขาด จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้ ตนเองทราบแล้วว่าสามีจะเดินทางกลับพรุ่งนี้ ( 12 ต.ค.) รู้สึกดีใจมาก ตนเองรู้สึกสงสารคนที่ไม่ได้กลับมาและแฟนเสียชีวิต

ตนรู้สึกว่าสถานการณ์น่ากลัวมาก ไม่อยากให้สามี พี่น้องที่นี่ก็อยากให้กลับมา แต่สามียังตัดสินใจไม่ได้ เพราะเพิ่งไปยังเก็บเงินไม่ได้ เลยบอกให้รอก่อน แต่พออีกวัน ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ที่ 8 ต.ค. ได้รับแจ้งว่าเพื่อนที่พักเสียชีวิตหมด ทำให้ไม่มีกะจิตกะใจ จะอยู่ เลยตัดสินใจกลับมา

ถ้าสามีกลับมาแล้ว และถ้าสถานการณ์ไม่สงบก็จะไม่ให้กลับไป เพราะกลัวมาก

ส่วนลูกๆ ก็รู้สึกดีใจ ที่พ่อจะได้กลับมา อยากให้พ่อกลับมา

ที่แรก! เปิดใจ 14 ชีวิตพ้นนรกฮามาส บินกลับไทย จิตตกฟังเสียงดังคิดว่าระเบิด