ทางการช่วยแล้ว ส่งรถมารับพ้นแคมป์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายกรัชกร พุทธสอน หรือ โจ้ แรงงานคนไทยขอความช่วยเหลือให้หารถมารับออกจากพื้นที่ และตอนนี้มีเพื่อนได้รับบาดเจ็บมีเพียงยาแดงเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวได้ video call คุยกับ นายกรัชกร พุทธสอน ซึ่งเป็นหนึ่งใน แรงงานไทยที่บาดเจ็บในอิสราเอล ที่ได้กลับไทย พร้อมเพื่อน อีก 2 คน ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งสถานทูตไทยในอิสราเอลได้นำรถ เข้าไปรับ หนุ่มไทยทั้ง 3 คนบริเวณแคมป์คนงาน เพื่อจะ เดินทางกลับประเทศไทย เที่ยวบิน 18.00 น และ ขณะ นี้ได้ พักอยู่ ที่สถานทูต ไทยในอิสราเอล เพื่อรอขึ้นเครื่อง กลับประเทศไทย ต่อไป
นายกรัชกร พุทธสอน หรือโจ้ ได้พูดคุยผ่านวิดีโอคอล กับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนี้ตนเองและเพื่อนอีก 2 คนรวมเป็น 3 คน ได้นั่งรถที่สถานทูตได้จัดมารับบริเวณแคมป์คนงาน เพื่อ นั่งเครื่อง กลับประเทศไทย ในเวลา 18.00 น.ของวันนี้ ทางสถานทูตได้นำตัว มารอที่สถานทูต ไทยประจำอิสราเอล โดยการดูแล ของสถานทูต เพื่อรอเวลานั่งเครื่องกลับ ประเทศไทย ซึ่งในตอนนี้มีอยู่ 3 คนที่ถึงสถานทูต และอีก 12 คน ทางสถานทูตน่าจะไปรับ ตามมาและขึ้นเครื่อง พร้อมกันในเวลา ดังกล่าว
แม่สุดดีใจ ลูกชายกลับไทยปลอดภัย
นางสุพัตรา พุทธสอน อายุ 59 ปี ตำบลบ้านถ้ำ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นแม่ ของ นายกรัชกร (โจ้) พุทธสอน อายุ 40 ปี ที่เดินทางไปทำงานที่อิสราเอล เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่ทราบข่าวว่าลูกชายตนเองที่ไปทำงานอยู่ประเทศอิสราเอล ถูกยิงจากการสู้รบโดยได้รับบาดเจ็บ จะเดินทางกลับประเทศไทยในคืนวันนี้และอาจจะถึงกรุงเทพในวันพรุ่งนี้จากนั้นคงจะเข้ารับการรักษาตัวในกรุงเทพ ก่อนซึ่งตนเองรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ลูกชายจะได้กลับมายังประเทศไทยและกลับมายังบ้านโดยทางบ้านจะมีการเตรียมจัดพิธีสู่ขวัญตามแบบล้านนา เพื่อให้เป็นสิริมงคลกับตนเองและครอบครัวหากลูกชายเดินทางกลับมายังพื้นที่จังหวัดพะเยา ซึ่งในส่วนตัวเองนั้นอยากจะไปรับลูกชายที่กรุงเทพมหานคร แต่ก็ติดขัดในหลายเรื่องจึงจะตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง หากลูกเดินทางมาถึง
ลงภาพสามีภาวนาให้ปลอดภัย รอคอยการกลับมา
ส่วนที่จ.พิษณุโลก ภรรยาของคนไทยลงภาพสามีของตัวเอง เขียนข้อความบนรูปสามีบอกว่า ขอให้พี่และทุกคนปลอดภัยนะ
เขียนข้อความอีกด้วย ทุกวันนี้ทุกนาทีทุกวินาทีไม่เคยได้อะไรเลยนอนดูข่าวหาข่าวติดตามข่าวอย่างอย่างเดียวเลย ขอให้อยู่รอบปลอดภัย โดยเป็นภรรยาของคุณประพนธ์ สังข์ทุ่ง
ต่อมาทางทีมข่าวได้สอบถามข้อมูล จากคุณเต้ย ภรรยา ซึ่งเผยว่า แฟนตนทำงาน อยู่ทางตอนใต้ ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่อง ก็ติดต่อได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ด้วยสถานที่แฟนไปทำงานเป็นหมู่บ้านเล็ก มีทหารคอยดูแลเลยปลอดภัย พร้อมบอกเล่าว่า แฟนไปทำงาน 1 เดือนครึ่ง ด้วยการกู้ยืมเงินไป และพอเกิดสงครามก็ไม่รู้ว่าจะได้เงินเดือนไหม ตอนนี้ แฟนและเพื่อนประมาณ 30-50 คน ได้รับการอพยพแล้วเป็นชุดสุดท้าย แต่ถึงแม้จะมีหนี้หลักแสน แต่ก็อยากให้สามีกลับไทยมากกว่า โดยเงินเดือนจะได้ 5-6 หมื่นบาท ตามแผนคือต้องทำงาน 5 ปี 3 เดือน
ขออยู่ต่อ หาเงินใช้หนี้
ทีมข่าวได้สอบถามนายประพนธ์ บอกว่า แคมป์ที่เขาอยู่ ห่างจากลานดนตรีที่ถูกยิง5 กิโลเมตรเท่านั้น แล้วก็โชคดีที่แคมป์ของเขาเนี่ยอยู่ใกล้กับหน่วยทหารไม่ไกลเ เพราะฉะนั้นทหารมาดูแลแทนเขาตั้งแต่วันแรกเลยซึ่งวันที่ 7 ก็คือวันแรกในการยิงกัน บริเวณแคมป์ที่เขาอยู่ มีคนไทยอยู่ 50 คน ก็ปรากฏว่าต้องมีการเตรียมอาหารมีแต่อาหารแห้ง โดยมีนายจ้างก็จะดูแลแค่ในส่วนรอบนอกเรื่องความปลอดภัย
ส่วนนายจ้างไม่ได้บังคับให้คุณประพนธ์ทำงานกับเพื่อนทำงาน ก็ดูแลส่วนกระบองเพชรรายได้ประมาณ 5-6 หมื่นบาท ซึ่งเขาก็บอกเขากู้เงินสหกรณ์มาตั้ง 150,000 บาท เพื่อจะได้เดินทางมาทำงานที่นี่ และบอกว่า คงจะไม่กลับไทย เพราะยังมีหนี้ต้องชำระอยู่บรรยากาศห้องที่อยู่ในแคมป์ที่พักตอนนี้อยู่ประมาณ 6 คน ก็เป็นห้องสี่เหลี่ยมธรรมดา ส่วนเรื่องงานก็คงจะทำงานต่อ เพราะว่าตอนนี้นายจ้างพามาที่ปลอดภัยแล้ว