พรรคก้าวไกล แถลง-เปิดให้สื่อรุมซัก 30 นาที ความคืบหน้ารวมเคส สส. ถูกกล่าวหาคุกคามทางเพศ ยันหาข้อยุติภายในเดือนนี้ ด้าน ไอติม น้อมรับคำวิจารณ์ ยันพรรคไม่สื่อสารทางเดียว เปิดให้ถามได้ ขณะ ทนายแจม รับ เป็นความจริงที่น่ากระอักกระอ่วนใจ ต้องตอบสังคมให้ได้
วันที่ 12 ตุลาคม 2566 มีรายงานว่า นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม สส. บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ หรือ ทนายแจม สส. กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมการวินัยพรรค แถลงข่าวความคืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี สส. พรรคก้าวไกล ถูกกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศ โดยเป็นช่วงการแถลงและเปิดให้ซักถามทั้งสิ้นประมาณ 30 นาที
ไอติม กล่าวว่า ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมา พรรคก้าวไกลกำลังมีปัญหาเรื่องการคุกคามและความรุนแรงทางเพศ ในฐานะพรรคการเมืองที่ต้องมีความรับผิดชอบต่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในระดับประเทศแต่ปัญหากลับเกิดขึ้นจากบุคลากรภายในองค์กรเราเอง สิ่งที่ต้องทำให้ได้ คือการยอมรับปัญหา เผชิญหน้ากับปัญหา และหาความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย โดยไม่สร้างวัฒนธรรมในการปกปิดเรื่องดังกล่าวหรือปกป้องคนในองค์กรที่กระทำผิด
วันนี้สื่อมวลชนหลายคนอาจมีคำถามเกี่ยวกับกรณีล่าสุดที่ปรากฎในข่าว ที่เป็นข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศของ สส. ปราจีนบุรี แต่วันนี้จึงแถลงถึงภาพรวมทั้งหมดของปัญหาที่เกิดขึ้นและแนวทางของพรรคในการแก้ไขปัญหาโดยแบ่งเนื้อหาการแถลงออกเป็น 3 ส่วนคือ
1. บทสรุปของข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศ ที่ได้ข้อสรุปจาก กก.บห. พรรค ไปแล้ว 2 กรณี ตั้งแต่หลังการเลือกตั้ง ทางพรรคได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมคุกคามทางเพศโดยสมาชิกพรรค ซึ่งคณะกรรมการวินัยของพรรคได้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงทุกฝ่าย และกรรมการบริหารพรรคได้มีมติลงโทษไปเรียบร้อยแล้ว ใน 2 กรณี ได้แก่
กรณีที่ 1 ข้อกล่าวหาเรื่องการใช้ความรุนแรงโดย นายสิริน สงวนสิน สส. กทม. พรรคก้าวไกล ซึ่งทาง กก.บห. พรรค พบว่า นายสิริน ได้ทะเลาะวิวาทกับผู้เสียหาย และได้กระทำความรุนแรงต่อผู้เสียหายจริง จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บบริเวณร่างกาย รวมไปถึงทรัพย์สิน ทางพรรคจึงได้มีมติให้ลงโทษ นายสิริน โดยการตัดสิทธิที่พึงมีในฐานะสมาชิกพรรค โดยตัดสิทธิไม่ให้ได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งสำคัญในพรรคทันที และกำหนดคาดโทษไว้ว่า หากมีเหตุการณ์ใด ๆ ก็ตามที่ สิริน กระทำผิดวินัยร้ายแรงอีกครั้งในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่เป็น ส.ส. ทางพรรคจะยกระดับโทษเป็นการขับออกจากสมาชิกภาพ
กรณีที่ 2 ข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศโดย นายเกรียงไกร จันกกผึ้ง อดีตผู้สมัคร ส.ส. ชัยภูมิ ทาง กก.บห. พรรค พบว่า นายเกรียงไกร ได้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เสียหายจริงตามข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นการละเมิดหลักเรื่องความยินยอมและสิทธิในเนื้อตัวและร่างกายของผู้เสียหายอย่างชัดเจนจึงได้มีมติให้ลงโทษโดยการขับออกจากสมาชิกภาพทันที
2. สถานะและความคืบหน้าของข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศ ที่ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวนโดย คกก. วินัยพรรค 2 กรณี คือ
กรณีที่ 1 ข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศโดย นายวุฒิพงษ์ ทองเหลา ส.ส. ปราจีนบุรี หลังจากทางพรรคได้รับคำร้องจากผู้ร้องเรียน ทางพรรคได้ริเริ่มกระบวนการสอบข้อเท็จจริงโดยคณะกรรมการวินัยพรรคเมื่อเดือนสิงหาคม โดยได้เชิญแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ทางประธาน คกก. วินัยพรรค ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวาน (11 ตุลาคม) ยอมรับว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวมีมูล และทางพรรคเข้าใจว่าสังคมคงได้รับรู้และพิจารณาได้จากข้อเท็จจริงบางส่วนเกี่ยวกับข้อกล่าวหา ที่ปรากฏออกไปต่อสาธารณะ โดย กระบวนการสอบข้อเท็จจริงและการวินิจฉัยจะได้ข้อสรุปภายในตุลาคมนี้ และพรรคจะผลสรุปต่อสาธารณะโดยทันทีอย่างเปิดเผย พร้อมกับตอบทุกข้อสงสัยที่มีเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
กรณีที่ 2 ข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศโดย สส. อีก 1 คน ทางพรรคได้ทราบข้อมูลว่าได้เกิดเหตุการณ์ที่อาจเข้าข่ายการล่วงละเมิดทางเพศโดยสมาชิกพรรค ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง สส. ของพรรคก้าวไกล แม้ว่าทางพรรคยังไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนโดยตรงจากบุคคลซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นผู้เสียหาย ตั้งแต่ทราบเรื่อง ทาง คกก. วินัย ของพรรคได้เร่งติดต่อไปยังบุคคลดังกล่าว โดยตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการรอความพร้อมของบุคคลดังกล่าว ในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏ
ไอติม กล่าวว่า สำหรับแนวทางการปรับปรุงการทำงานของพรรคหลังจากนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการคุกคามทางเพศในอนาคตแม้ทางพรรคได้มีการอบรมบุคลากรของพรรคมาอย่างต่อเนื่องเรื่องการกระทำที่เข้าข่ายการคุกคามทางเพศ และแม้ทางพรรคจะพยายามออกแบบกระบวนการสอบสวนที่คำนึงถึงสภาพจิตใจของผู้ถูกกระทำ แต่การที่ตนต้องมาแถลงเรื่องนี้ในวันนี้ ก็เป็นการบ่งบอกที่ชัดเจน ว่าเรายังทำได้ดีไม่พอ
หลังจากการหารือกันภายในมาเป็นระยะ ทางพรรคขอให้คำมั่นสัญญาว่าเราจะดำเนินการปรับปรุงตนเองในการป้องกันและรับมือกับปัญหาการคุกคามทางเพศ ผ่านมาตรการดังนี้
1. ทางพรรคจะปรับปรุงการทำงานของคณะกรรมการวินัยพรรค ผ่านการปรับองค์ประกอบของคณะกรรมการให้มีสัดส่วนของผู้เชี่ยวชาญภายนอก ที่ไม่ได้เป็น สส. ของพรรค และไม่ใช่เพศชาย เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเพิ่มทั้งประสิทธิภาพในการดำเนินงานของคณะกรรมการ รวมถึงเพิ่มกลไกตรวจสอบไม่ให้จำกัดอยู่เพียงการตรวจสอบโดยบุคลากรภายในพรรค
2. ทางพรรคจะทบทวนและพิจารณาปรับปรุงกระบวนการสอบสวนตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความล่าช้าในการพิจารณาหรือดำเนินการใด ๆ ที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากความจำเป็นในการแสวงหาข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบเพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย
3. ทางพรรคจะเพิ่มความเข้มข้นของการอบรมบุคลากรของพรรคเรื่องการเคารพความเสมอภาคทางเพศและสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย โดยจะขยายทั้งจำนวนผู้เข้าร่วมให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนมากขึ้น เพิ่มความถี่และรูปแบบของการอบรม และเพิ่มความละเอียดของเนื้อหาและหลักสูตรที่จำเป็นต่อการสร้างความเข้าใจที่ผ่านคำปรึกษาของผู้เชี่ยวชาญภายนอก รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการคัดกรองบุคลากรให้คำนึงถึงความสำคัญของเรื่องดังกล่าวมากขึ้นและไม่น้อยไปกว่าความสามารถในการทำงาน
ไอติม กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอยืนยันว่าพรรคก้าวไกลจะไม่หลบหนีจากปัญหาดังกล่าว แต่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาดังกล่าว และพรรคก้าวไกลจะไม่สร้างวัฒนธรรมการปกปิดการกระทำผิดของคนในองค์กร เพราะการปกปิดและการไม่มีมาตรการรับผิดเพียงเพราะกลัวองค์กรเสียชื่อเสียงต่างหาก ที่เป็นต้นเหตุสำคัญในการส่งเสริมการคุกคามทางเพศและการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลในสังคม
จากนั้นได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถาม โดยผู้สื่อข่าวถามว่าแม้จะยังไม่สิ้นสุดแต่เบื้องต้นทั้ง 2 ฝ่ายว่าอย่างไรบ้าง ?
ทนายแจม กล่าวว่า จากที่มีการเปิดเผยแชตบางส่วนในโซเชียลมีเดีย แต่หลักฐานที่คณะกรรมการวินัยได้มามี 200 กว่าแผ่น ตอนแรกเข้าใจว่ามีแค่นั้น แต่จากการสอบสวนเพิ่มเติมพบว่ามีพยานหลักฐานอื่นอีก กระบวนการหลังจากนี้ เราต้องการข้อความในส่วนที่หายไปเพื่อมาประกอบกน แล้วดูว่าเป็นการคุกคามทางเพศหรือไม่ หรือมีเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่สามารถตัดสินได้หากยังมีข้อมูลไม่ครบถ้วน เพียงแต่ตอนนี้อยากมายอมรับกับสังคมว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง และตั้งใจที่จะมีคณะกรรมการวินัยในสัดส่วนของผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น เพื่อมาจัดการกับปัญหาเรื่องนี้
ส่วนกรณีที่นายวุฒิพงศ์ ออกมาโพสต์คลิปชี้แจง อ้างว่าเป็นการดิสเครดิตด้วย นางสาวศศินันท์ กล่าวว่า เรื่องนี้เข้ามากลางเดือนกรกฎาคม ในช่วงแรกเหมือนจะเป็นการดิสเครดิต ก่อนจะมีเรื่องการคุกคามทางเพศเข้ามาด้วย จึงดูเหมือนมีการโยงหลายเรื่องรวมกัน ทำให้การพิจารณายากขึ้นไปอีก จึงต้องแยกส่วนกัน ทั้งเรื่องคุกคามทางเพศและทางการเมือง ซึ่งคณะกรรมการวินัยที่ตั้งมาเฉพาะกิจจะพิจารณาเรื่องการคุกคามทางเพศเป็นหลัก ทั้งเรื่อง Consent และ Power Dynamics ที่จะต้องเอามาพิจารณาในการตัดสินหรือกำหนดบทลงโทษทางวินัยกับผู้กระทำความผิด
จะดิสเครดิตได้อย่างไร ในเมื่อผู้เสียทำงานกับพรรค ?
ไอติม กล่าวว่า ที่ยังต้องใช้เวลาเพิ่มเติมในการตรวจสอบ ไม่ใช่แค่ต้องการข้อสรุปว่าผิดหรือไม่ผิด หากผิดจะร้ายแรงขนาดไหน เพื่อให้การลงโทษเป็นไปตามสัดส่วนของความผิด ส่วนข้อมูลที่นายวุฒิพงศ์แถลง ต้องย้ำว่าเป็นชุดคำอธิบายของนายวุฒิพงศ์ ที่ต้องมีการพิสูจน์ก่อนว่าจริงหรือไม่
ขณะที่ทนายแจม กล่าวเสริมว่า สิ่งที่นายวุฒิพงศ์กล่าวอ้าง ในกระบวนการสอบสวนก็ให้เวลาในการหาพยานมารองรับ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนเรื่องการคุกคามทางเพศ ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นแชตแบบไหน ก็ต้องเวลากับคณะกรรมการทั้งหมดที่จะต้องพิสูจน์พยานหลักฐานด้วย
การตั้งคณะกรรมการภายในขึ้นมาตรวจสอบกันเอง จะทำให้มั่นใจได้อย่างไรว่าจะเกิดความโปร่งใส ?
ไอติม กล่าวว่า ต้องแยก 2 ประการ ประการแรก แม้จะเป็นกระบวนการสอบสวนภายใน เราก็ต้องทำเต็มที่ เพื่อให้กระบวนการดังกล่าวนำไปสู่ความเป็นธรรมต่อผู้เสียหาย ซึ่งตนคิดว่าการเพิ่มผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกจะทำให้มีความเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบมากขึ้น ประการที่ 2 แม้มีกระบวนการภายใน แต่เราก็ต้องเปิดต่อกระบวนการสอบสวนภายนอกเช่นกัน หากมีกระบวนการภายนอกเราก็พร้อมร่วมมือ การดำเนินการภายในไม่ได้มาแทนที่กระบวนการภายนอกที่สามารถเกิดขึ้นได้ เรายินดีให้ความร่วมมือ
เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์ว่าพรรคก้าวไกลตอบสนองค่อนข้างเร็วในการตรวจสอบพรรคอื่น แต่เมื่อเป็นเรื่องภายในพรรคกลับล่าช้า ?
ไอติม กล่าวว่า ตนน้อมรับคำวิจารณ์ และเราเห็นด้วยกับหลักการว่าเวลาเราเรียกร้องมาตรฐานที่ดีขึ้นจากสังคม ก็ต้องเรียกร้องมาตรฐานนั้นกับตนเองด้วย อย่างที่ตนบอกว่าแต่ละกรณีมีระยะเวลาในการดำเนินการแตกต่างกัน รวมถึงการสื่อสารที่แตกต่างกันออกไป ตนยืนยันว่าไม่เคยมีเจตนาที่จะทำให้เรื่องนี้ได้ข้อยุติล่าช้า เราจึงทำเต็มที่ให้ได้ข้อยุติเร็วที่สุด ตอนนี้อยู่ในขั้นตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติม แต่กรรมการบริหารพรรคยืนยันว่าจะให้มีข้อสรุปได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งคำวิพากษ์วิจารณ์ก็ถูกนำมาพิจารณาประกอบการปรับปรุงกระบวนการในอนาคต
พร้อมย้ำว่า โดยปกติเมื่อมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาจะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนโดยคณะกรรมการวินัย ก่อนจะส่งความเห็นให้คณะกรรมการบริหารตัดสินใจ แต่จะมีบางกรณีไม่ได้มีการยื่นเรื่องโดยผู้เสียหายโดยตรง แต่เมื่อทราบเหตุจากบุคคลอื่น พรรคก็ติดต่อผู้ที่อาจจะเป็นผู้เสียหายทันที เพื่อให้ความเป็นธรรมกับบุคคลดังกล่าว เป็นการทำงานเชิงรุกด้วย ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบ
เมื่อถามว่าพรรคชูเรื่องความเท่าเทียมมาตลอด แต่กลับมีประเด็นนี้ ?
ทนายแจม ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระอักกระอ่วนใจของ สส. หญิงของพรรค เพราะเรายืนยันเรื่องนี้มาโดยตลอด เราอภิปรายเรื่องความรุนแรงในครอบครัว เรื่องเด็ก สตรี เป็นความจริงที่น่ากระอักกระอ่วนใจ ที่เราต้องตอบสังคมให้ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เราได้รับคำแนะนำ เมื่อก่อนกรรมการวินัยมีสัดส่วนผู้หญิงน้อยมาก ก็ได้เพิ่มสัดส่วนผู้หญิงขึ้นมา ซึ่งดิฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น กรณีแรกเป็นเรื่องที่ชัยภูมิ
ทนายแจม กล่าวต่อว่า เมื่อมีผู้หญิงในกรรมการวินัยมากขึ้น อาจจะทำให้ผลที่ออมาเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่สังคมเข้าใจมากขึ้น เราอาจจะไม่สามารถคุมคนทุกคนได้ เราไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดร่วมกันได้ ก็ต้องมีการเรียนรู้ปรับปรุงต่อไป จะได้ยกระดับความรับผิดชอบของ สส. มากขึ้นด้วย
ขณะที่ไอติมทิ้งท้ายว่า สุดท้ายแล้วความเชื่อมั่นของประชาชนขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา สิ่งที่จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นได้ต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ ส่วนที่ถูกมองว่าพรรคก้าวไกลมักจะใช้วิธีการสื่อสารทางเดียวเมื่อเกิด