แรงงานไทยเดินทางจากสนามบินอู่ตะเภาถึงกรุงเทพแล้ว มีญาติรอรับอย่างอบอุ่น ขณะที่พี่สาวหนึ่งในแรงงานที่ถูกระเบิดได้รับบาดเจ็บโผเข้ากอดน้องชายทันทีที่เห็นหน้ากัน

แรงงานไทยเดินทางจากสนามบินอู่ตะเภาถึงกรุงเทพแล้ว มีญาติรอรับอย่างอบอุ่น  ขณะที่พี่สาวหนึ่งในแรงงานที่ถูกระเบิดได้รับบาดเจ็บโผเข้ากอดน้องชายทันทีที่เห็นหน้ากัน

 

เมื่อเวลา 10:00 น. แรงงานไทยล็อตที่ 3 จำนวน 90 คน เป็นชาย 88 คนและเป็นผู้หญิง 2 คน ที่เดินทางมาจากประเทศอิสราเอล ด้วยสายการบิน Fly Dubai  เที่ยวบิน FZ 8991 ซึ่งเป็นเที่ยวบินพิเศษที่ออกจากอิสราเอล มาต่อที่ดูไบ และมาลงที่สนามบินอู่ตะเภาเมื่อเวลา 06:00 น. และเดินทางต่อด้วยรถบัส จำนวนสามคัน มาถึงยังโรงแรมเอสซีปาร์ค ถนนเรียบด่วนรามอินทรา กรุงเทพมหานคร ซึ่งเมื่อเดินทางมาถึงแรงงานทั้งหมดได้ทยอยลงจากรถบัสและขึ้นไปที่บริเวณชั้นหกของโรงแรมซึ่งจัดเป็นสถานที่รับรองที่มีญาติของแรงงานพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ จากกระทรวงการต่างประเทศพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มารอรับอยู่เพื่อประสานงานส่งแรงงานกลับไปยังภูมิลำเนา

 

โดยระหว่างที่แรงงานเดินทางมาถึง ก็มีญาติและครอบครัวเดินทางมารอรับอย่างอบอุ่นหนึ่งในนั้นคือ นางสาวสุทธิตา สุระคาย พี่สาวของนายณัฐพงศ์ ที่ได้รับบาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณศีรษะและขา เมื่อนายณัฐพงศ์เดินเข้ามาพี่สาวได้โผเข้ากอดน้องชายด้วยความดีใจ พร้อมเปิดเผยว่าวันนี้ดีใจที่สุดในชีวิตที่น้องชายกลับมาถึงประเทศไทย เพราะตั้งแต่รู้ว่าน้องถูกระเบิดก็เป็นห่วงจนนอนไม่หลับ กลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บไปมากกว่านี้เพราะมีกันอยู่แค่ 3 คนพี่น้อง

 

และรู้มาว่าระหว่างเกิดเหตุน้องชายตัวเองนอนหลับอยู่ในแคมป์ที่พักคนงานกับเพื่อนอีก 7-8 คน ก่อนจะถูกระเบิด ตอนนั้นรู้สึกเป็นห่วงน้องชายมากเพราะเพื่อนหนีกันไปคนละทิศละทาง ไม่รู้ชะตากรรมของแต่ละคน

 

สำหรับน้องชายของตนไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลได้ 4 ปีแล้ว เหลือสัญญาจ้างอีก 1 ปี 3 เดือน แต่มาเกิดเหตุการณ์นี้ซะก่อนจึงต้องรีบกลับมา และหลังจากนี้จะไม่ให้น้องชายกลับไปทำงานที่อิสราเอลได้อีกแล้วเพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก

 

ขณะที่ นายนัฐพงษ์ ดวงจันทร์ แรงงานชาวอุดรธานี ที่ได้รับบาดเจ็บเล่าให้ฟังว่า เขาอยู่ในพื้นที่สีแดง ติดกับชายแดน วันเกิดเหตุ ระเบิดลง เข้าไปหลบในหลุมหลบภัยไม่ทัน พอเสียงไซเรนมา ระเบิดก็ลง เลยโดนสะเก็ดระเบิด จากนั้นก็ช่วยกันพยุงตัวเพื่อไปอยู่ในหลุมหลบภัย ทั้งๆที่ยังเจ็บอยู่ กว่าจะได้รับความช่วยเหลือก็1-2วัน ต้องรอเสียงปืนสงบ เพราะมีการยิงกันตลอดทั้งวันออกมาจากหลุมหลบภัยไม่ได้ และรถพยาบาลก็เข้าไปไม่ได้ และสถานการณ์ตอนนี้ก็ยังยิงกันตลอดเวลา ระบุว่า วันนี้ดีใจมากที่ได้กลับประเทศไทย และได้เจอกับญาติ หลังจากที่ไปทำงานที่อิสราเอล4ปีแล้ว และแม้จะเหลือเวลาอีก1ปีกว่าๆ ก็คงไม่กลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกแล้ว