เป็นอีกเรื่องราวในโลกออนไลน์ที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ช่างแม่ง เถอะ" เผยแพร่คลิปที่เกิดขึ้นยังโรงพยาบาล เมื่อหญิงสาวคนดังกล่าวพร้อมคุณแม่และหลานชาย มาทวงถามถึงเหตุผลจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่พาคุณพ่อที่ไม่สบายมาส่งโรงพยาบาลล่าช้า เนื่องจากแวะซื้อกล้วยทอดระหว่างทาง เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่จึงได้นำคลิปดังกล่าวโพสลงเฟซบุ๊ก ก่อนเข้าร้องกับเพจเรื่องจริงนครนายก เพื่อให้ช่วยติดตามทวงถามความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เหตุการณ์ในคลิปลูกสาวของผู้ป่วยได้เผยแพร่คลิปขณะทวงถามกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ขับรถไปรับคุณพ่อมาส่งโรงพยาบาล แต่ระหว่างทางได้แวะซื้อกล้วยทอด ทั้งที่คนป่วยยังอยู่ในรถและรอนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
วันนี้ 15 ตุลาคม 2566 ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังบ้านของผู้ร้องเรียน พบกับนางสาวสุชาดา อายุ 32 ปี ลูกสาวผู้ป่วย ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อเช้าวันที่ 13 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา นายสมหมาย พ่อของตัวเอง มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก มึนหัวเวียนหัว เนื่องจากพ่อป่วยหลายโรครุมเร้า อาทิ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคนิ่ว โรคเส้นเลือดสมอง จึงมีการโทรแจ้ง 1669 เพื่อให้มารับพ่อไปส่งโรงพยาบาล ระหว่างรอเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมารับตัว ตัวเองได้บอกให้พ่ออมยาบรรเทาอาการเอาไว้
ผ่านไปเกิน 5 นาที รถของโรงพยาบาลก็ยังมาไม่ถึงบ้านตัวเองเลย ตัวเองจึงให้หลานชายโทรศัพท์ไปหาเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ว่าตอนนั้นเขาเดินทางถึงไหนแล้ว แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่รับสายแล้วตอบกลับด้วยคำพูดที่ไม่ดีกลับมาว่า “จะไม่มาได้อย่างไร กำลังไปอยู่เนี่ย”
กระทั่งเจ้าหน้าที่ รพ.มาถึงบ้าน พบว่ามีทั้งหมด 4 คน คือคนขับรถ 1 คน เจ้าหน้าที่เวรเปล 1 คน และพยาบาลอีก 2 คน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงสอบถามอาการของพ่อ
ต่อมาตัวเองจึงให้นายสุทธิพร อายุ 22 ปี หลานชายตัวเอง ขึ้นรถไปกับเจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ให้เด็กไปด้วยไม่ได้ ต้องให้ผู้ใหญ่ไป ไม่อย่างนั้นจะทำการรักษาให้ไม่ได้ ตัวเองก็ตอบไปว่า หลานชายตัวเองโตแล้ว อายุ 22 ปี แล้วแค่เขาหน้าเด็กเฉยๆ ซึ่งขณะนั้นก็มีการโต้เถียงกันอยู่ประมาณ 10 นาที กว่าที่พ่อตัวเองจะได้ไปรักษาที่โรงพยาบาล
พอรถโรงพยาบาลรับพ่อออกไป ตัวเองก็ขับรถออกจากบ้านไปด้วย แล้วไปรอเจอพ่อที่โรงพยาบาล ซึ่งตัวเองก็ไปถึงโรงพบาบาลก่อน จึงโทรมาถามนายสุทธิพร ว่ารถโรงพยาบาลถึงไหนแล้ว แต่ตอนนั้นนายสุทธิพร ก็ไม่กล้าบอกตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นในรถ ทำไมรถถึงไปช้า
กระทั่งไปถึงโรงพยาบาล ตัวเองก็ได้ถามนายสุทธิพร อีกครั้ง ว่าทำไมเจ้าหน้าที่ถึงขับรถช้าจัง นายสุทธิพรหลานชายตัวเองจึงตอบว่า “รถโรงพยาบาลที่รับคุณตามานั้น เขาชะลอรถดูต้นบอนด่างที่หน้าปากซอย พร้อมชมว่า บอนด่างสวยจัง และก็แวะซื้อกล้วยทอดระหว่างทาง” ตอนนั้นตัวเองรู้สึกโกรธมาก ว่าทำไมเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยเร่งด่วนมา เขาถึงแวะซื้อกล้วยทอดได้ เขาไม่เป็นห่วงคนป่วยเหรอ ถ้าวันนั้นพ่อตัวเองได้รับการรักษาช้า แล้วเป็นอะไรไป ตัวเองจะรู้สึกอย่างไร
โดยคาดว่าวันที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่นำตัวพ่อของตัวเองส่งรักษาที่โรงพยาบาล ใช้เวลาเดินทางมากกว่า 10 นาที ในระยะทางจากบ้านไปโรงพยาบาลแค่ 5 กิโลเมตร ก่อนหน้านี้ตัวเองก็เคยพาพ่อขึ้นรถของญาติ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งนี้ โดยใช้เวลาแค่เพียง 3 นาทีเท่านั้น ซึ่งมองว่าตอนนั้นพวกตัวเอง อาจจะขับรถเร็ว เกินกฎหมายกำหนด แต่ตอนนั้นเป็นวินาทีชีวิต ตัวเองก็ต้องทำ
ในวันที่เกิดเหตุ ตัวเองก็ได้ไปเจอเจ้าหน้าที่ขับรถคันดังกล่าว เพื่อสอบถามเขาว่า ทำไมต้องไปแวะดูต้นบอล ไปแวะซื้อกล้วยทอด ซึ่งคนขับรถคันดังกล่าว เขาก็ขอโทษและยอมรับว่าจอดแวะรับกล้วยทอดจริง
และตอนที่พ่อตัวเองถึงโรงพยาบาล พ่อหายใจไม่ออก แต่หมอก็ไม่ให้นอนโรงพยาบาล ตัวเองก็แปลกใจว่าทำไมหมอถึงไม่ให้พ่อตัวเองนอนที่นั่น เพราะถ้าพากลับมาบ้านแล้วพ่อเป็นอะไรอีก พูดตัวเองต้องเรียกรถพยาบาลอีกครั้ง แล้วเค้าจะมารับพ่อเร็วหรือไม่ เค้าจะแวะซื้อกล้วยทอดอีกหรือไม่
เมื่อเช้ามีทางโรงพยาบาลโทรศัพท์มาขอโทษตัวเอง และชี้แจงเบื้องต้นว่า พวกเขาไม่ได้แวะซื้อกล้วยทอด เขาแค่ชะลอรถรับกล้วยทอดเท่านั้น
เหตุที่เกิดขึ้นตัวเองก็อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ดังกล่าวปรับปรุงพฤติกรรมในข้อบกพร่องที่พวกเขามีในทุกๆ ด้าน เพื่อที่จะไม่ได้เกิดกับผู้ป่วยคนอื่นๆ หรือครอบครัวอื่นๆ อีก โดยเหตุการณ์ครั้งที่ผ่านมา หากการแวะซื้อกล้วยทอดของเขาทำพ่อของตัวเองเป็นอะไรเป็นอะไรไป ใครจะรับผิดชอบ เขาไม่สงสารพ่อตัวเองเลยหรือ
ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมาพูดคุยกับนายต้น พนักงานขับรถโรงพยาบาลในวันที่เกิดเหตุ และเป็นผู้ที่อยู่ในคลิปที่ถูกญาติผู้ป่วยต่อว่า นายต้น เปิดใจกับทีมข่าวว่า วันที่เกิดเหตุ ตอนที่นำตัวคนป่วยส่งโรงพยาบาลนั้น ระหว่างทางตัวเองมาเจอกับนางสาวเก๋ไก๋ ซึ่งเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาลเดียวกัน และก็ขายกล้วยทอดในจุดนั้นด้วย หลังจากนั้นนางสาวเก๋ไก๋ก็ได้เอากล้วยทอดมายื่นให้กับพวกตัวเองที่ข้างประตูรถ โดยเป็นการชะลอรถและรับของเท่านั้น ไม่ได้ลงไปซื้อกล้วยทอดแต่อย่างใด และในจุดนั้นตัวเองก็ไม่ได้อยู่นานอีกด้วย
ส่วนที่ว่ามีการจอดรถดูต้นบอนด่างนั้น ตัวเองก็ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตอนนั้นแค่เพียงเห็นต้นบอนด่างของชาวบ้านอยู่ข้างทาง จึงมีการพูดถึงสิ่งที่ผ่านตาเท่านั้น ไม่ได้เป็นการจอดรถชม หรือชะลอรถชมบอนด่างแต่อย่างใด
และเส้นทางที่ตัวเองชะลอรถรับกล้วยทอดนั้น ถนนหนทางก็ไม่ค่อยดี ทางขรุขระ ทำให้รถวิ่งเร็วไม่ได้
ตอนนี้ยอมรับว่าสภาพจิตใจย่ำแย่ กับสิ่งที่ตัวเองเจอมา เนื่องจากว่า ทางครอบครัวผู้ป่วย ได้ต่อว่าตัวเองอยู่กลางโรงพยาบาล ซ้ำยังถ่ายภาพตัวเองไปลงโซเชียลโดยไม่เบลอหน้าด้วย ส่วนรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ต้องให้ผู้ใหญ่ของโรงพยาบาล เป็นคนชี้แจงทั้งหมด ซึ่งตัวเองก็พร้อมรับผลหลังจาก ไม่ว่าจะออกมาอย่างไร
ด้านนายสมหมาย อายุ 64 ปี ผู้ป่วยที่ครอบครัวนำส่งโรงพยาบาลในวันนั้น บอกกับทีมข่าวว่า วันที่เกิดเหตุ ตัวเองแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก จึงให้ญาติพาไปหาหมอ ซึ่งยอมรับว่าตอนนั้นตัวเองรอเจ้าหน้าที่นานมาก พอเจ้าหน้าที่เอาตัวเองขึ้นรถไป ตัวเองก็ยังคงแน่นหน้าอกอยู่ จึงจำเหตุการณ์ไม่ได้ว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้จอดแวะซื้อกล้วยทอดจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ตัวเองก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
และพอตัวเองไปถึงโรงพยาบาล อาการตัวเองก็ไม่ดีขึ้น ตัวเองอยากจะนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่อ แต่แพทย์ก็บอกว่า ตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมาก ที่นี่โรงพยาบาลไม่ใช่โรงแรม ถ้าอยากนอน ก็ไปนอนที่โรงแรม นายสมหมายกล่าวทั้งน้ำตาว่า เมื่อตัวเองได้ได้ยินคำนี้จากแพทย์ ตัวเองก็รู้สึกรับไม่ได้อย่าง ว่าทำไมเขาต้องพูดแบบนี้กับตัวเอง
ตัวเองอยากฝากถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลว่า ให้รีบพาผู้ป่วยรักษาโดยด่วน เพราะมันคือวินาทีเป็น วินาทีตายของคนเลย และอย่าให้มีใครก็ตาม โดนเหมือนกรณีของตัวเองอีกเลย