จากกรณีเมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 14 ตุลาคม 2566 ได้มีชาวกับพูชา ชื่อนางรัต อายุ 36 ปี กำลังยืนซื้อของไหว้เจ้าบริเวณตลาดล่าง ต.ปลวกแดง อ.ปลวกแดง จ.ระยอง จู่ๆ ถูกกระสุนปริศนาเข้าหลังทะลุตับจนล้มลง หลังเกิดเหตุกู้ภัยปลวกแดงได้เร่งเข้าช่วยคนเจ็บส่ง รพ. ต่อมาแพทย์ยืนยันคนเจ็บได้เสียชีวิต
ตั้งแต่เกิดเหตุตำรวจ สภ.ปลวกแดง ได้เข้ามาสอบสวน ตอนแรกก็สงสัยสามีของผู้เสียชีวิตคือ นายรัตทา อายุ 42 ปี ชาวกัมพูชา ว่าอาจจะพกปืนมาแต่ปืนอาจจะลั่นโดนภรรยาหรือเปล่า
ทีมข่าวช่อง8 ได้ลงพื้นที่มายังตลาดเทศบาลตำบลปลวกแดง ได้พูดคุยกับนายจำนอง อายุ 51 ปี คนขายไข่ไก่ในตลาดที่นางรัต กำลังยืนซื้อไข่อยู่ โดยนายนองเผยกับทีมข่าวว่า ตอนเกิดเหตุนางรัต กับแฟนเดินมาซื้อไข่ที่ร้านตน เมื่อซื้อเสร็จกำลังจะทอนตัง ก็ได้ยินดังปัง ไม่รู้ว่าเป็นเสียงปืนหรือเสียงอะไร เพราะปกติที่ตลาดมักจะมีการระเบิดถุงเสียงดังคล้ายๆ ปืน จากนั้นพอมีเสียงดังขึ้นก็เห็นว่านางรัตที่กำลังหันหน้าเข้าหาร้านยืนซื้อไข่อยู่ล้มลงไปกับพื้น ตอนนั้นตนคิดว่านางรัตล้มลงเพราะเป็นลม แต่เมื่อเห็นว่านางรัตพลิกตัว ก็เห็นรอยกระสุนอยู่บริเวณสะโพก จึงรู้ว่านางรัตถูกยิง พอเห็นเช่นนั้นตนก็ตกใจไม่คิดว่าจะมีคนถูกยิงอยู่ในตลาดแบบนี้ และก็ไม่รู้ว่ากระสุนมาจากไหนกันแน่
ทีมข่าวช่อง8 เดินทางมายังแคมป์คนงานก่อสร้างแห่งหนึ่งใน ต.มาบยางพร อ.ปลวกแดง จ.ระยอง มาพบกับนายรัตทา อายุ 36 ปี สามีของนางรัต ผู้เสียชีวิตที่ถูกกระสุนปริศนายิงใส่ โดยนายรัตทา ได้เปิดใจกับทีมข่าวว่า เมื่อช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา ตนเองและภรรยาได้ไปเข้าวัดทำบุญที่วัดละหารไร่ และไปเที่ยวเล่นน้ำกันต่อที่น้ำตกเขาชะเมา จากนั้นในช่วงเย็นภรรยาบอกให้ตนพาไปตลาดเพื่อหาของกิน และเมื่อตนขับรถซาเล้งเดินทางมาถึงตลาด ตนก็บอกให้ภรรยาเดินไปในตลาดก่อนแล้ว ตนจึงจะเดินตามไป ต่อมาทั้งตนและภรรยาก็ซื้อของมาเรื่อยๆ จนภรรยามาหยุดซื้อไข่ไก่ ซึ่งตนก็ไม่ได้ติดอะไรก็เห็นภรรยายืนซื้อไข่ ตนก็เดินออกมาเพื่อเดินดูของอย่างอื่น แต่ทว่าก็มีเสียงดังขึ้นเหมือนเสียงลูกโป่งแตก และก็ได้ยินเสียงภรรยาตนก็ร้องโอ๊ยขึ้นมา ตนจึงหันหลังหันมาดูจึงพบว่าภรรยาตนล้มลงไปกับพื้น ทางตนจึงรีบเข้าไปประคองภรรยาไว้และเห็นว่ามีเลือดออกเล็กน้อยบริเวณสะโพก และภรรยาก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว
จากนั้นทางกู้ภัยก็พาภรรยาตนไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งตนก็นั่งไปด้วยเพื่อเฝ้าดูอาการภรรยา แต่ไม่นานทางตำรวจก็พาตนออกไปโรงพัก เพื่อพาตนไปสอบสวน ซึ่งทางตำรวจก็ถามตนว่ายิงตัวเองใช่มั้ย เอาปืนไปทิ้งที่ไหน ให้ยอมสารภาพมา แต่ตนก็บอกกับตำรวจไปว่าตนไม่ได้ทำ ใครจะยิงภรรยาตัวเองเป็นไปไม่ได้ ซึ่งพอตนบอกไปเช่นนั้นตำรวจก็ยังบอกว่าตนปากแข็ง ไม่ยอมเชื่อที่ตนพูด จนในที่สุดตำรวจได้กล้องมาจากเทศบาลมาเปิดดู ก็เห็นว่าตนเดินสวนทางกับภรรยาในตอนเกิดเหตุ ทำให้รู้ว่าตนไม่ได้เป็นคนยิงภรรยา ทางตำรวจจึงปล่อยตนไป จากนั้นตนก็รีบเดินทางมาโรงพยาบาลทันที เมื่อไปถึงทางหมอก็บอกว่าภรรยาตนอาการ 50-50 แล้ว และก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตอนนี้ก็อยากให้ทางตำรวจช่วยจับกุมคนร้ายและหาความยุติธรรมให้กับภรรยาตนด้วย
ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนายริน อายุ 45 ปี พี่เขยของนายรัตทาและนางรัต โดยนายริน ได้เผยว่า ตนเป็นพี่เขยของทั้งคู่ ซึ่งทั้งคู่เป็นคนที่ดีมาก และไม่เชื่อเลยว่านายรัตทาจะยิงภรรยาตัวเองตายด้วย 100% โดยในตอนเกิดเหตุนายรัตทา โทรมาหาตนบอกว่าภรรยาโดนยิง ซึ่งตอนนั้นนายรัตทาต้องทิ้งภรรยาไว้ที่โรงพยาบาลคนเดียว และนายรัตทาต้องไป สภ.ปลวกแดง เพื่อสอบปากคำ เมื่อตนทราบเช่นนั้นจึงรีบเดินทางมาโรงพยาบาลปลวกแดงทันที แต่เมื่อมาถึงทางโรงพยาบาลต้องการเงินจำนวน 120,000 บาท ในการรักษานางรัต แต่ตนไม่มีให้ ตนก็บอกไปว่าขอให้ช่วยชีวิตน้องสาวตนก่อน แล้วเรื่องเงินค่อยว่ากัน ต่อมาทางโรงพยาบาลก็ตอบกลับมาว่าช่วยได้แต่ต้องขอเงิน 12,000 บาทก่อน แล้วจะช่วย ซึ่งทางตนก็หาเงินมาให้ 12,000 บาท เพื่อให้ทางโรงพยาบาลรักษาน้องสาวตน
และเมื่อตนเห็นว่าน้องสาวอาการหนักแล้ว ตนจึงถามไปว่าเมื่อไหร่จะส่งน้องตนไปที่โรงพยาบาลระยอง ทางโรงพยาบาลก็บอกว่าต้องรอก่อน จนสุดท้ายน้องสาวตาย ทำให้ตนคิดว่าถ้าไม่ต้องมาเสียเวลาจ่ายเงิน เสียเวลารอส่งโรงพยาบาลอื่นแล้วรักษาก่อน น้องสาวตนคงไม่ตาย