รัฐบาลอิสราเอลนับถอยหลังบุกโจมตีฉนวนกาซา ทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ หลังพ้นกำหนดเส้นตายให้ชาวปาเลสไตน์ที่อยู่ทางตอนเหนืออพยพ
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานสงครามอิสราเอลทวีความตึงเครียดขึ้น หลังรัฐบาลอิสราเอล นับถอยหลังบุกฉนวนกาซา โจมตีทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ หลังพ้นกำหนดเส้นตาย ที่แจ้งเตือนให้ชาวปาเลสไตน์ราว 1.1 ล้านคน ที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา รีบอพยพลงสู่ทางใต้ ก่อนถึงเวลา 16.00 น. ของวันเสาร์ที่ 14 ต.ค. 2566 ตามเวลาท้องถิ่นนั้น
กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ได้ออกแถลงการณ์กำลังเตรียมแผนจะบุกโจมตีปาเลสไตน์ ทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดวันเวลาโจมตีอย่างแน่ชัด หลังส่งกำลังทหารพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ประชิดชายแดนติดฉนวนกาซา อีกทั้งยังสั่งระดมกำลังพลสำรองนับ 300,000 นาย
ทางด้านพลโทโจนาธาน คอนริคัส โฆษกกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ให้สัมภาษณ์ว่า เราให้เวลามามากพอสมควร และออกคำเตือนมานานกว่า 25 ชั่วโมงแล้ว ขอให้ทุกคนนำสัมภาระที่จำเป็น เดินทางลงใต้ และอย่าตกหลุมพรางของกลุ่มฮามาส ซึ่งต้องการใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ป้องกันตนเอง
ขณะที่ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังส่งเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สอง 'ยูเอสเอส ดไวท์ ดี. ไอเซนฮาวเออร์' พร้อมกองเรือรบจู่โจม มุ่งหน้าไปอิสราเอลแล้ว เพื่อสมทบกับเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส เจอรัลด์ อาร์.ฟอร์ด ที่สหรัฐฯได้ส่งไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บริเวณน่านน้ำอิสราเอลเป็นลำแรก โดยรัฐบาลสหรัฐฯอ้างว่าเพื่อเป็นการสนับสนุนอิสราเอล และหวั่นว่าอิหร่านอาจร่วมโจมตี
ในขณะที่การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสจนถึงวันที่ 15 ต.ค. มีรายงานว่า เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตรวมแล้วกว่า 3,600 ศพ โดยในอิสราเอล มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,300 ศพ และจากการที่อิสราเอลโจมตีฉนวนกาซาอย่างหนัก ทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 2,200 ศพแล้ว
ด้านนายมาร์ติน กริฟฟิธส์ รองเลขาธิการสหประชาชาติด้านการประสานงานกิจการมนุษยธรรม ออกมาระบุว่า สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซากำลังล่มสลาย และกลายเป็นสิ่งที่ต้านทานไม่ไหวอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ฉนวนกาซาไม่มีทั้งไฟฟ้า น้ำ หรือเชื้อเพลิง ขณะที่ปริมาณอาหารก็ลดลงจนอยู่ในขั้นอันตราย หลายครอบครัวถูกทิ้งระเบิดขณะกำลังมุ่งหน้าลงไปทางใต้บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนคับคั่งและได้รับความเสียหาย ตามคำสั่งอพยพของอิสราเอล แต่เขาหวั่นเกรงว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดนั้นยังมาไม่ถึง
ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) ประณามคำสั่งของอิสราเอลอย่างรุนแรง ที่ให้อพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล 22 แห่ง ที่ให้การรักษาผู้ป่วยมากกว่า 2,000 คน ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา
WHO กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวทำให้ชีวิตของผู้ป่วยหนักที่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ช่วยชีวิต เด็กแรกเกิดที่อยู่ในตู้อบ ไปจนถึงชีวิตอื่น ๆ ต้องแขวนอยู่บนเส้นด้าย “การบังคับให้ผู้ป่วยมากกว่า 2,000 คน ย้ายไปอยู่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซาเทียบเท่ากับคำสั่งประหารชีวิต”
ขณะที่องค์กรบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) ระบุผ่านแถลงการณ์ว่า ขณะนี้ที่พักพิงของยูเอ็นทางตอนเหนือของฉนวนกาซาไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยอีกต่อไป ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แม้ทางการอิสราเอลจะออกคำสั่งให้ชาวปาเลสไตน์อพยพลงไปยังพื้นที่ทางใต้ แต่ผู้คนจำนวนมากรวมถึงเด็ก สตรีมีครรภ์ คนชรา และผู้ทุพพลภาพไม่สามารถหลบหนีออกจากพื้นที่ได้ สงครามย่อมมีกฎเกณฑ์ พลเรือน โรงพยาบาล โรงเรียน และคลินิก รวมถึงสถานที่ของยูเอ็น ต้องไม่เป็นเป้าหมายในการโจมตี