เมื่อเวลา 05.05 น. วันที่ 16 ต.ค. 2566 ร.ต.ท.นาธาน เขมิสรานนท์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บ้านโหนด อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันบนถนนเส้นทางเข้าสวนยาง ม.1ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ซูซูกิ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ล้มอยู่ริมถนน และมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตนอนอยู่ข้างรถ 1 ราย ทราบชื่อ นายฟ้าประธารณ์ อายุ 36 ปี เป็นชาวบ้านในพื้นที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบว่า ถูกยิงเข้าบริเวณลำตัวด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิด
และยังมีผู้ถูกยิงบาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายวรวุฒิ อายุ 47 ปี เป็นพี่เขยของผู้เสียชีวิต ถูกยิงบาดเจ็บเล็กน้อยได้วิ่งหนีตายไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในละแวกเกิดเหตุ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสะบ้าย้อย
เบื้องต้นทราบว่า ตอนเกิดเหตุทั้งสองคนได้ขี่รถจักรยานยนต์พากันไปกรีดยางพาราในสวนซึ่งอยู่ไม่ไกลกับจุดเกิดเหตุ ระหว่างทางได้มีคนร้ายดักรออยู่ริมถนนและใช้อาวุธปืนยิงทั้งสองคนก่อนหลบหนีไป
จากการสอบถาม นายวรวุฒิ ที่ได้รับบาดเจ็บ บอกว่าจำหน้าคนร้ายที่ยิงได้ โดยเป็นเครือญาติของตน ซึ่งมีความขัดแย้งกันเรื่องมรดก
ทีมข่าวช่อง8 เดินทางไปที่จุดเกิดเหตุ พบว่าอยู่ห่างจากบ้านพักประมาณ 2.8 กิโลเมตร โดยจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่สวนยางของผู้เสียชีวิต และในละแวกดังกล่าวก็เป็นพื้นที่สวนยางของชาวบ้าน มีลักษณะเป็นเส้นทางเปลี่ยวมีสวนยางอยู่สองข้างทาง ไม่ค่อยมีชาวบ้านพักอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว
ทีมข่าวได้สอบถามนายฟัดลี ชาวบ้านใกล้จุดเกิดเหตุซึ่งได้มาดูที่เกิดเหตุตอนพบศพนายฟ้าประธารณ์ บอกว่า เมื่อตอนมาถึงที่เกิดเหตุก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนั้นยังไม่นำศพนายฟ้าประธารณ์ออกจากจุดเกิดเหตุ โดยสภาพศพถูกยิงสองนัดนอนเสียชีวิตข้างรถจักรยานยนต์ของเจ้าตัว แต่ในส่วนพี่เขยเห็นว่าไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่ถูกลอบยิง
ปกติแล้วผู้เสียชีวิตและพี่เขยจะขี่รถจักรยานยนต์มาที่สวนยางเพื่อมากรีดยาง โดยจอดรถบริเวณริมข้างถนนก่อนจะเดินเข้าไปในสวนยาง ส่วนตัวไม่เคยเห็นคนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่สวนยางบริเวณนี้
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางกุ้ง (นามสมมติ) อายุ 40 ปี เป็นพลเมืองดีที่ช่วยเหลือนายวรวุฒิ เล่าว่า ช่วง 05.00 น. ของวันนี้ ตนอยู่ในบ้านพักกับลูกสองคน ระหว่างนั้นนายวรวุฒิที่ได้รับบาดเจ็บได้มาตะโกนขอความช่วยเหลือที่หน้าบ้านพัก โดยบอกว่า ขอความช่วยเหลือให้เรียกรถโรงพยาบาลมาสองคัน เพราะตัวเองกับน้องสาวถูกยิง ส่วนตัวน้องสาวอยู่ที่ป่ายาง สภาพนายวรวุฒิตอนนั้นมีเลือดท่วมตัว แต่ยังมีสติ สามารถพูดคุยได้ ยืนยันไม่ได้ยินเสียงปืนตอนเกิดเหตุ
ซึ่งพื้นที่ในจุดเกิดเหตุก็จะมีเพียงชาวบ้านที่เที่ยวมาดูสวนยางของตนเอง ปกติตนก็จะเห็นนายวรวุฒิขี่รถจักรยานยนต์มากับน้องสาวที่เป็นสาวประเภทสองมากรีดยางที่สวนทุกวัน โดยนายฟ้าประธารณ์เป็นคนนิสัยดีและชาวบ้านก็รัก ก็ไม่เคยเห็นมีเรื่องขัดแย้งกับใครมาก่อน แต่ชาวบ้านที่นี่ก็จะทราบดีว่าก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องขัดแย้งแค่กับญาติมรดกเท่านั้น
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายปุณยวีร์ อายุ 34 ปี เพื่อนสนิทผู้เสียชีวิต บอกว่า ตนทราบเหตุจากน้องที่อยู่ตำบลเปียนตอน 06.00 น. ว่าเพื่อนตนถูกยิงเสียชีวิต ตอนนั้นยังไม่ทราบว่าคนร้ายเป็นใคร แต่หลังจากพี่เขยฟื้นคืนสติก็ได้แจ้งกับตำรวจว่า พี่ชายต่างมารดาของผู้เสียชีวิตเป็นผู้ลงมือยิง ปมเท่าที่ทราบจากครอบครัวน่าจะเป็นเรื่องมรดกที่ดิน ซึ่งเพื่อนก็เคยระบายให้ตนฟังว่าทะเลาะกับบุคคลในครอบครัว เเละระบายลงเฟซบุ๊กบ้าง โดยมีการโพสต์ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ระบุว่า “ เลิกได้เลิกนะนิสัยที่พยายามทำให้ตัวเองดูน่าสงสารดูเป็นผู้ถูกกระทำ ทั้งที่ตัวเองไปทำกับคนอื่นไว้ก่อนมันดูปลอม”
และไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็โพสต์ต่อกันว่า “เกลียดการคือไม่ต้องยุ่งไม่สนใจ ไม่ใช่มาตามเกาะตามดูชีวิตเขาตลอด แล้วเอาเรื่องของเค้าไปนินทาว่าร้าย ทำแบบนั้นเค้าเรียกว่าโรคจิต”
ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านพักของพี่ชายต่างมารดาของผู้เสียชีวิต และพบกับ นางไซนูร (นามสมมติ) ภรรยาของผู้ถูกกล่าวหา อายุ 58 ปี เปิดเผยว่า ตอนนี้สามีไม่อยู่บ้านไปสุเหร่า เเละยังไม่ทราบว่าจะกลับตอนกี่โมง
โดยนางไซนูร เผยกับทีมข่าวว่า เมื่อเช้านี้สามีตนออกไปพ่นยาสวนทุเรียนของตนที่หมู่ 7 ตำบลเปียน ต้้งเเต่เช้าเวลาประมาณเกือบ 06.00 น. ออกจากบ้านไปคนเดียว โดยพกถังฉีดยาไปด้วย ยืนยันว่าไม่ได้พกอาวุธออกจากบ้าน ซึ่งสวนทุเรียนที่สามีไปพ่นยาเป็นสวนทุเรียนของตนอยู่ห่างจากสวนยางผู้เสียชีวิตหลายกิโลเมตร
ตนขอยืนยันว่าสามีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของผู้เสียชีวิต เพราะจุดเกิดเหตุเเละสวนทุเรียนที่เขาไปพ่นยาอยู่คนละที่กัน เเละห่างกันพอสมควร ส่วนประเด็นเรื่องขัดเเย้งปมมรดกก็ขัดเเย้งจริง เเต่ฝั่งตนไม่ได้อยากจะขัดเเย้งด้วย เพราะตนก็พอมีกินมีใช้ สวนตนก็เยอะ เเต่อีกฝ่ายไม่พอใจเเละต้องไปขึ้นศาลที่ตัวเมืองสงขลา สามีตนก็ไม่ได้อยากได้ที่ดินมรดกด้วย เพราะตอนพ่อเสียชีวิต เขาก็ไม่สั่งเสียอะไรไว้ ในส่วนสามีตนกับน้องที่เป็นสาวประเภทสองก็ไม่ค่อยคุยกันตั้งเเต่ตอนที่พ่ออยู่เเล้ว เเต่ก็ไม่เคยทะเลาะอะไรกัน
ส่วนที่สามีถูกตำรวจเรียกตัวไปสอบปากคำ เขาก็ไม่เครียด เเละก็ถูกปล่อยตัวกลับมาบ้านเเล้ว ตนก็ไม่ได้ถามว่าตำรวจคุยอะไรบ้าง ตนยืนยันว่าสามีไม่ได้เกี่ยวข้อง / เท่าที่ตนรู้คนตายติดหนี้นอกระบบ แต่ตนไม่ทราบว่าติดหนี้นอกระบบเท่าไหร่ แต่มีการทวงหนี้เกิดขึ้นที่ผ่านมา ซึ่งเคยถูกกลุ่มทวงหนี้บุกเข้าบ้านพักเเละถูกข่มขู่ เป็นเหตุการณ์ก่อนหน้าที่คนตายจะเสียชีวิตไม่นาน ก็เชื่ออาจเสียชีวิตเพราะประเด็นนี้