นายทุนเงินกู้โหด บุกยิงลูกหนี้ถึงบ้านพักถึง 3 นัด หลังไม่พอใจที่ทวงเงินค่าดอกเบี้ยไม่ได้ ด้านญาติเผย ผู้บาดเจ็บใช้หนี้หมดแล้ว แต่นายทุนไม่พอใจ อยากได้ดอกเบี้ย 40,000 บาท หลังกู้มา 10,000 บาท แต่ได้มาแค่ 7,000 บาท
จากเหตุการณ์นางอุทัยทิพย์ 48 ปี ถูกยิงที่บริเวณไหล่ด้านหน้าข้างขวาจำนวน 1 นัด และ ใต้รักแร้ขวา จำนวน 1 นัด ภายใน บ้านม่วงโป้ ตำบลสาวะถี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เหตุเกิดเมื่อเวลา 16.00น.
ล่าสุด 16 ต.ค. 66 พ.ต.ท.ปริญญา รักสัตย์ สว.กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเป็ด ได้นำกำลังเข้าล้อมบริเวณป่าต้นยูคาลิปตัส ริมถนนเส้นทางระหว่างบ้านหินขาว- บ้านป่าหวายนั่ง ตำบลสาวะถี อำเภอเมืองขอนแก่น ตามหาตัวผู้ต้องหา คือนายอนุ อายุ 36 ปี พบรถจักยานยนต์จอดอยู่ริมถนน มีป่าหญ้าและป่าต้นยูคาลิปตัส เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอกำลังเสริมและให้พ่อตาพร้อมภรรยา เข้ามาเกลี้ยกล่อม ประมาณ 2 ชม.จึงยอมวางปืน แล้วเดินออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวเอาไว้ นำตัวไปสอบสวน พร้อมอาวุธปืนขนาด.38 จำนวน 1 กระบอก มีกระสุนปืนในรังเพลิง 3 นัด และกระสุนปืนขนาด .38 ในกระเป๋าสะพายอีก 8 นัด
ส่วนทางด้านนางทองใบ อายุ 56 ปี พี่สาวของ นางอุทัยทิพย์ ไมล์โพธิ์ หรือ ป้าแต๋น อายุ 49 ปี ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า จากการสอบถามน้องสาวเล่าให้เธอฟังว่า เมื่อวานนี้ช่วงเวลาประมาณ บ่าย 3 โมง ระหว่างที่น้องสาวนอนหลับพักผ่อนอยู่ภายในห้องนอน จู่ๆก็มี นาย อนุ หรือ นุ ผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์มาจอดหน้าบ้าน ก่อนจะพังประตูไม้ที่ปิดล็อคกลอนอยู่ และ เข้าไปเปิดประตูห้องนอน จากนั้นจึงได้เรียกให้น้องสาวออกมาพูดคุยเกี่ยวกับ การจ่ายเงินใช้หนี้ให้กับตัวผู้ก่อเหตุ
ก่อนที่น้องสาวจะเดินออกมานั่งที่บริเวณโต๊ะกลางบ้าน ทางนายนุจึงได้ทวงเงินที่อ้างว่าน้องสาวยังค้างจ่ายอยู่ โดยน้องสาวก็ได้บอกกับนายนุว่า ก็ชดใช้ไปแล้วจำนวน 13,000 บาท แต่ทางนายนุ ได้บอกกลับมาว่าต้องการจะให้น้องสาวจ่ายดอกเบี้ยวันละ 400 บาท จนได้เงินครบ 40,000 บาท แต่ตอนนั้นทางน้องสาวก็ไม่ยินยอม ก่อนที่ทั้งคู่จะมีปากเสียงกัน จนทำให้นายนุชักอาวุธปืน กระหน่ำยิง 3 นัดจนน้องสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นนายนุก็ได้รีบกลับออกมาขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี ทางญาติจึงได้เรียกรถพยาบาลเข้ามารับตัวน้องสาว
ส่วนเรื่องที่น้องสาวไปหยิบยืมเงินของนายนุ เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา เพื่อมาจัดงานศพให้สามี จำนวนเงิน 10,000 บาทแต่นายนุได้ให้มาแค่ 7,000 บาทโดยไม่แจ้งว่าหักค่าอะไร 3,000 บาท โดยจ่ายดอกเบี้ยวันละ 400 บาท ซึ่งตนเองมองว่าการจ่ายดอกเบี้ยวันละ 400 บาท ตกเดือนละ 12,000 บาท มากเกินไป แต่ในระหว่างนี้ตนเองไม่รู้เลยว่าน้องสาวได้จ่ายดอกให้กับนายนุหรือไม่ จนกระทั่งเมื่อประมาณครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ น้องสาวได้ติดต่อที่จะคืนเงินที่หยิบยืมมา 13,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย โดยมีการไปเจรจากันที่บ้านของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แต่ตอนนั้นทางนายนุปฏิเสธที่จะรับเงินคืน โดยบอกว่าต้องการจะเอาเงินทั้งหมด 40,000 บาท จนทำให้ทั้งคู่ตกลงกันไม่ได้ ก่อนที่ต่างฝ่ายจะขี่รถจักรยานยนต์แยกย้ายกันออกมาจากบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หลังจากนั้นไม่นานทางนายนุก็ได้โทรศัพท์กลับมาหาน้องสาวอีกครั้งบอกว่าให้เอาเงินจำนวน 13,000 บาทไปชดใช้โดยนัดเจอกันริมถนน ซึ่งเมื่อมีการจ่ายเงินจำนวนนี้เสร็จสิ้น หลังจากนั้นมาจนถึงวันเกิดเหตุ เว้นระห่างประมาณครึ่งเดือน ตนเองก็ไม่เคยเห็นว่านายนุจะมาทวงเงินกับน้องสาวอีกเลย จนมาถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
นายนุถือว่าเป็นนายทุนที่ปล่อยเงินกู้ให้กับชาวบ้านในละแวกนี้จำนวนมาก เพราะในทุกๆวันเธอจะเห็นว่านายนุจะขี่รถมอเตอร์ไซค์ตระเวนเก็บดอกเบี้ยรายวันจากชาวบ้าน แต่ว่าจะมีการข่มขู่หรือไม่นั้น เธอก็ไม่ทราบ
ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุพบก่อนเกิดเหตุนายนุ ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้ากล้องบ้านหลังไป ก่อนจะถึงบ้านผู้บาดเจ็บ
โดยกล้องวงจรปิดจับภาพเมื่อเวลา 15.36.39 น. โดยเป็นภาพก่อนเกิดเหตุ นายอนุ ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ขับผ่านหน้าบ้านหลังหนึ่ง ก่อนจะถึงบ้านของน้องสาวนางอุทัยทิพย์
จากนั้นเมื่อเวลา 15.38.39 น. กล้องวงจรปิดตัวเดิมได้ยินเสียงปืนดังติดต่อกันขึ้น 3 ครั้ง
กล้องวงจรปิดอีกมุมซึ่งอยู่ภายในหมู่บ้านห่างจากจุดเกิดเหตุเรา 1 กิโลเมตรจากภาพเมื่อเวลา 16.39.05 น. ผู้ก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ก่อนจะไปถูกตำรวจจับที่ป่ายูคาลิปตัส
ขณะที่ทางด้าน พ.ต.อ.ณรชต แก้วเพชร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านเป็ด เผยว่า หลังเกิดเหตุได้ติดตามจับกุมนายอนุ อายุ 36 ปี ชาวบ้านหอนขาว ตำบลสาวะถี อำเภอเมืองขอนแก่น ได้ที่ บริเวณป่าอยู่คาลิปตัส ริมถนนระหว่างสายบ้านหินขาว-บ้านป่าหวายนั่ง ตำบลสาวะถี ห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 10 กิโลเมตร หลังจากผู้ต้องหาเข้าไปหลบซ่อนในป่า โดยในระหว่างที่เข้าไปจับกุมผู้ต้องหาในตอนแรกผู้ต้องหาไม่ยินยอมมอบตัวจนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำตัวภรรยาของนายอนุมาเกลี้ยกล่อม ใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมงจนกระทั่งนายอนุยอมมอบตัว
ตำรวจสามารถยึดของกลางอาวุธปืนพกสั้น ชนิครีวอลเวอร์(ลูกโม่) ขนาด .357 ขนาดบรรจุ 6 นัด ยี่ห้อ TAURUS จำนวน 1 กระบอก พร้อมลูกกระสุน ขนาด .357 จำนวน 3 นัด กระสุนปืน ขนาค .38 จำนวน 3 นัด ซึ่งอยู่ในกระเป้าหนังสะพาย สีน้ำตาล ที่ผู้ถูกจับกำลังสะพายอยู่ โดยอาวุธปืนผู้ต้องสั่งชื้อมาจากออนไลน์ พร้อมตรวจยึดรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่นแซด 900 แบบชาย สีเทาแดง ที่ใช้ก่อเหตุ
โดยแจ้งข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความกรอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ด้าน นายเป๊าะ เป็นผู้ช่วยกำนันหมู่ 15 ซึ่งเป็นพ่อตาของ “นายอนุ” บอกว่า ลูกเขยไปทำงานที่ต่างประเทศเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน และได้เงินเก็บมาก้อนหนึ่ง เพิ่งกลับมาที่บ้านโดยทำร้านขายส้มตำ พอชาวบ้านรู้ว่าลูกเขยมีเงินเก็บแต่ละคนก็มาขอหยิบยืมที่บ้านบางคนแทบจะคลานมาขอ ต้นเห็นว่าบางคนก็เป็นคนที่รู้จักกันอยู่แล้วก็เลยบอกให้ลูกเขยให้หยิบยืมไป แต่ก็ไม่รู้ว่ามีการคิดดอกเบี้ยกันเท่าไหร่ ซึ่งตนก็ไม่รู้เรื่องจำนวนเงิน
ส่วนกรณีนางอุทัยทิพย์ มาขอหยิบยืมเงินที่บ้านเหมือนกันก็ไม่รู้ว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่และคิดดอกเบี้ยกันอย่างไร แต่ที่หยิบยืมไปน่าจะเกี่ยวกับเอาเงินไปเล่นการพนัน เพราะรู้มาว่านางอุทัยทิพย์ก็มีนิสัยชอบเล่นชอบกิน
สำหรับวันเกิดเหตุตนเองไม่ได้อยู่บ้านแต่อยู่ที่ทุ่งนา รู้เรื่องอีกทีก็ตอนที่ตำรวจพาตนกับลูกสาวซึ่งก็คือภรรยาของนายอนุ ไปเกลี้ยกล่อมนายอนุซึ่งกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าอยู่คาลิปตัส พอไปถึงลูกเขยอยู่ในอาการที่กังวลกลัวว่าจะถูกตำรวจยิง ตนก็พยายามพูดจาเกลี้ยกล่อมพูดถึงความดีของลูกเขยและกล่อมให้ลูกเขยยอมมอบตัว ลูกเขยก็ยอมทำตามเพราะเคารพต้นเหมือนกับพ่อแท้ๆ สุดท้ายก็ยอมเอาลูกกระสุนปืนออกจากปืนทั้งหมด แล้วก็มอบตัวกับตำรวจ
ขณะเดียวกันในวันเกิดเหตุตนไม่ มั่นใจว่าลูกเขยมีอาการมึนเมาด้วยหรือไม่ แต่ยอมรับว่าลูกเขยเป็นคนอารมณ์ร้อน เมื่อไปทวงเงินเกิดมีปากเสียงกันก็อาจจะกลายเป็นชนวนเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ส่วนปืนตนก็ไม่รู้ว่าลูกเขยเอามาจากที่ไหนตนเองไม่ทราบเรื่อง
จากการที่ตนได้ไปเยี่ยมลูกเขยที่โรงพักมาก่อนหน้านี้ ลูกเขยก็ไม่ได้มีอาการเครียดหรือกังวลอะไรและยอมรับกับสิ่งที่ตนได้ทำลงไปแบบลูกผู้ชาย ตัวลูกค้าเองก็ไม่อยากจะให้ประกันตัวเพราะยอมรับกับสิ่งที่ทำลงไปแล้ว ส่วนเรื่องที่จะประกันตัวหรือไม่ตอนนี้ตนกับครอบครัวยังไม่ได้มีการพูดคุยกันและอาจจะต้องปรึกษากับทางทนายอีกครั้ง
นายเป๊าะ บอกอีกว่าตนเองเป็นผู้ช่วยกำนัน เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ลูกชายของตนก็เกเร และเคยติดยาเสพติด ซึ่งตนก็ไม่ได้เอาไว้ก็ให้ตำรวจมาจับตัวดำเนินคดี จนตอนนี้ลูกชายกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่แล้ว เช่นเดียวกับกรณีของลูกเขยเหมือนกัน หากทำผิดก็ว่ากันไปตามผิด ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย