ทีมข่าวของช่อง 8 ได้ลักฐานใหม่ จากญาติของ นายตาม หรือนายเทียนชัย ยอดทองดี หลังขาดการติดต่อจากญาติไปตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาที่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบในอิสราเอล แต่หลังจากนั้นผ่านมาหนึ่งวันญาติของเพื่อนนายเทียนชัย ซึ่งก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยก็ส่งคลิปวิดีโอมาให้กับครอบครัวของนายเทียนชัยดู

 

คลิปวิดีโอนี้เกิดขึ้นภายในแคมป์ที่พักของคนไทย ที่คีย์บุสอะลูมิม ห่างจากฉนวนกาซ่าเพียงแค่ 3 กิโลเมตร จะสังเกตุเห็นว่ารายงานชาวไทยจะพยายามหมอบหลบอยู่ภายในที่พักซึ่งจุดนั้นเป็นบริเวณห้องครัว ส่วนนายเทียนชัยในตอนแรกนั่งหลบอยู่บริเวณศาลาด้านหน้าห้องครัว

 

หลังจากนั้นนายเทียนชัยพยายามหลบซ่อนตัวเข้ามาด้านในห้องครัวด้วยการคลานต่ำ แล้วหลบมุมอยู่กับเตาประกอบอาหารพร้อมกับทำท่าหมอบลง ช่วงนี้ในช่วงนี้มีการพูดคุยกันว่าเสียงปืนหรือเสียงระเบิดที่ได้ยินนั้นไม่ใช่การซ้อมรบแต่เป็นเสียงปืนกับเสียงระเบิดจริงๆที่กลุ่มฮามาสกำลังบุกเข้ามาภายในหมู่บ้าน

 

หลังจากนั้นนายเทียนชัยและกลุ่ม เพื่อนแรงงานชาวไทยก็พาพูดคุยกันถึงความหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมีเพื่อนรายงานคนหนึ่งก็ไปเอาเหล้าขาวมาให้ดื่มกินกันแล้วบอกว่าให้สู้ไปด้วยกัน

 

 

วันนี้ทีมข่าวของเรา ลงพื้นที่ไปบ้านของนายเทียนชัย ในอำเภอ พุธไทสง จังหวัดบุรีรัมย์ เจอกับครอบครัว ของนายเทียนชัยที่นั่งรอฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อว่าจะสามารถหาตัวนายพรชัยเจอ หรือไม่

 

นางสาวนริศรา อายุ 29 ปี ภรรยาของนายเทียนชัย นำคลิปในวันเกิดเหตุคือช่วงเช้าของวันที่ 7 ตุลาคมในขณะที่กำลังวิดีโอคอลคุยกับนายเทียนชัยอยู่ กลุ่มฮามาส ก็บุกเข้ามาภายในแคมป์คนไทยอยู่พอดี นางสาวนริศราจึงบอกให้นายเทียนชัยปิดเสียงแล้วทั้งคู่ก็ปิดไมค์ ไม่พูดกันเพื่อไม่ให้เกิดการส่งเสียง เราใช้วิธีการพิมพ์แชทกันแทนแต่ยังเห็นหน้ากันอยู่ โดยภรรยาของนายเทียนชัยบอกว่าให้นอนหมอบลงกับพื้น

 

นายเทียนชัยก็พิมพ์กลับมา ตอนนี้คิดถึงแต่หน้าพ่อแม่แล้วก็ลูกเมีย คิดถึงลูกลูกยังไม่โตเลย ด้านภรรยาก็พิมพ์กลับไปว่าขอให้ปลอดภัย

 

ทั้งคู่ยังคงใช้วิธีการวิดีโอคอลแบบไม่ส่งเสียงแต่พิมพ์พูดคุยกันอยู่อย่างต่อเนื่องโดยนายเทียนชัยพยายามถามถึงลูกและถามถึงพ่อแม่ของตัวเองว่าเป็นอย่างไร

 

นายเทียนชัยกลัวว่าจะไม่ได้มีโอกาสเห็นหน้าลูกและพ่อแม่จึงให้ภรรยาวิดีโอหาคนที่บ้านให้ได้เห็นหน้าพ่อแม่ของตัวเองและลูกสาววัย 7 ขวบ และลูกชายวัย 11 ขวบ ซึ่งในช่วงหลังนั้นเมื่อทั้งครอบครัวได้เห็นหน้าพร้อมกันผ่านทางวิดีโอคอล ต่างพากันร้องไห้และถือเป็นช่วงวินาทีบีบหัวใจที่สุด เพราะว่าจู่จู่สัญญาโทรศัพท์ฝ่ายนายเทียนชัยก็ตัดไป

 

วันนี้ครอบครัวของนายเทียนชัยและภรรยาต่างเอารูปเก่าเก่าของนายเทียนชัยมาให้กับทีมข่าวของเราดูไม่ว่าจะเป็นตอนบวชพระแต่งงานรวมถึงตอนไปท่องเที่ยวทำกิจกรรมอื่นๆด้วยกันเพราะทุกคนต่างเฝ้ารอให้นายเทียนชัยกลับมาบ้านหลังจากขาดการติดต่อไปแล้วมากกว่า 10 วัน

ภรรยาของนายเทียนชัยพยายามติดต่อติดต่อสอบถามเพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับนายเทียนชัยทุกช่องทางแต่ก็ยังไม่ได้ความชัดเจนว่าตอนนี้นายเทียนชัยอยู่ที่ไหน

 

แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีเพื่อนรายงานชาวไทยที่อยู่ในประเทศอิสราเอลแจ้งข่าวมายังภรรยาของนายเทียนชัยบอกว่านายเทียนชัยอาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วเนื่องจากว่าคนที่อยู่ในแคมป์ดังกล่าวนั้นมักจะเสียชีวิตหมดรอดแค่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นซึ่งคนที่รอดชีวิตก็สามารถหาตัวได้เจอหมดแล้ว

 

แต่ในมุมมองของนางสาวนริศราภรรยาของนายเทียนชัยยังเชื่อว่าตราบใดที่ยังไม่เห็นร่างของนายเทียนชัยเชื่อว่านายเทียนชัยจะยังมีชีวิตอยู่และด้วยสัญชาติตญาณของนายเทียนชัยสามารถเอาตัวรอดได้และตอนนี้อาจจะไปหลบซ่อนที่ไหนซักที่หนึ่งนึง

 

แต่สิ่งที่บีบหัวใจที่สุดคือหัวใจของคนรอที่นั่งรอฟังข่าวสามีตัวเองทุกวันและลูกเล็กก็ยังมักจะถามว่าเมื่อไหร่พ่อจะกลับบ้านนึกเนื่องจากนายเทียนชัยเคยสัญญากับลูกเอาไว้ว่าปีใหม่ที่กำลังจะถึงนี้จะกลับบ้านมาแล้วพาลูกไปท่องเที่ยวลูกสาววัย เจ็ดขวบจึงได้แต่เฝ้าถามว่าเมื่อไหร่จะถึงปีใหม่แล้วพ่อจะได้กลับมา แต่ในขณะที่คนเป็นแม่ก็ยังไม่ทราบชะตากรรมของสามีตัวเองเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้ทำได้เพียงเดินทางทำบุญไหว้พระเพื่อขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองให้นายเทียนชัยรอดกลับมาบ้าน

 

ด้าน นาย ธนกร ยอดทองดี อายุ 64 ปี และ นางรัญจวน ยอดทองดี อายุ 61 ปี พ่อและแม่ของนายเทียนชัยบอกว่านายเทียนชัยเป็นลูกชายคนเล็กซึ่งเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลได้ประมาณสองปีห้าเดือนแล้วที่ผ่านมานายเทียนชัยเป็นหัวเรี่ยวแรงสำคัญของครอบครัวคอยส่งเงินให้ครอบครัวใช้ถึงเดือนละ 70,000 บาท และที่ครอบครัวอยู่กินอย่างสุขสบายได้ก็เพราะว่านายเทียนชัย

 

หลังทราบข่าวเหตุการณ์สงครามที่เกิดขึ้นพ่อและแม่ต่างเสียใจกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นแต่เชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดขึ้นกับลูกชายของตัวเอง

 

ล่าสุดพ่อและแม่ของนายเทียนชัยเปิดเผยกับทีมข่าวของเราว่าได้เดินสายไปทำบุญไหว้พระรวมถึงหมอดูและหมอทำที่เคารพนับถือเพื่อให้เช็กดวงชะตาของนายเทียนชัยซึ่งหมอดูและหมอทำหลายคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าตอนนี้นายเทียนชัยยังมีชีวิตอยู่แต่หลบซ่อนตัวอยู่ในป่าของประเทศอิสราเอลไม่นานเกินรอก็จะออกมาปรากฏตัวให้คนช่วยเหลือและจะสามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้

 

พ่อและแม่ของนายเทียนชัยบอกว่านี่เป็นสิ่งเดียวที่ทำได้และเป็นความหวังเดียวของครอบครัวที่ยังรอปาฏิหาริย์ให้เจอตัวนายเทียนชัยโดยเร็ว

 

จากสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ล่าสุดวันนี้ 17 ตุลาคม 2566 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เตรียมรับแรงงานไทย ผู้อพยพหนีสงครามอิสราเอล จำนวน 200 คน  ซึ่งเดินทางออกจากประเทศอิสราเอลด้วยเที่ยวบิน ที่ LY085 ในเวลา 06.20 น. และถึงประเทศไทยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 19.05 น.

 

โดยผู้โดยสารคนแรกเป็นเพศหญิง ทันทีที่ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก็ได้เข้ามา ณ จุดลงชื่อตรงบริเวณโต๊ะกระทรวงการพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อลงทะเบียนเบิกเงินค่าเดินทาง และค่าเยียวยา จากการพูดคุยเบื้องต้น เธอชื่อ นางขวัญใจ นามวิเศษ โดยเธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องการออกไปหาเงินเพื่อส่งกลับมาให้ลูกได้เรียนหนังสือ ซึ่งตัวเธอเองนั้นอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างจากจุดอันตรายประมาณ 15-20 กิโลเมตร ทำให้เธอไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เนื่องจากรอบนอกหมู่บ้านมีเข้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยอยู่ตลอด แต่วันนี้เธอตัดสินใจกลับบ้านเพราะคิดว่าป้องกันเอาไว้ก่อน ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ไม่สงบจะจบลงตอนไหน วันนี้เธอกลับบ้านตัวเปล่า โดยไม่มีสัมภาระใด ๆ กลับมา เพราะคิดง่ายังไงก็ขอให้กลับถึงบ้านให้ไวที่สุดดีกว่า ตอนนี้ก็รู้สึกดีใจที่ได้กลับบ้าน และหลังจากนี้คงต้องรอดูสถานการณ์ว่าจะคลี่คลายหรือไม่ หากคลี่คลายก็อาจจะมีการพิจารณาอีกครั้งในเรื่องของการกลับไปทำงานที่เดิม

 

ต่อมาทางด้าน นายอภินัทธ์ พืชทอง อายุ 25 ปี เล่าว่า ตนนั้นได้ไปทำอาชีพเก็บผลผลิตคือมะเขือเทศ ซึ่งมีสัญญาการจ้างงาน 5 ปี 3 เดือน โดยตนเพิ่งจะไปทำงานเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งช่วงแรกที่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบ ตนก็ได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากภายนอกหมู่บ้านก่อน จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนที่เริ่มใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ โดยตอนนั้นตนอยู่กับเพื่อนอีกประมาณ 6-7 คน ซึ่งวันที่เกิดเรื่องเป็นวันที่เสบียงอาหารหมดพอดี ทำให้ตนและเพื่อน ๆ ต้องแบ่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและปลากระป๋องกินกันคนละนิดคนละหน่อย จนเวลาผ่านไป 3 วัน เหตุการณ์แถวที่ตนอาศัยอยู่ก็เริ่มสงบ ระหว่างนั้นก็ได้มีการติดต่อพูดคุยกับครอบครัวที่อยู่ประเทศไทยทุกวัน เพราะครอบครัวค่อนข้างเป็นกังวล โดยเฉพาะยายของตนวัย 78 ปี ที่รีบเดินทางมาจากจังหวัดพิจิตรเพื่อมารอรับตนที่สุวรรณภูมิวันนี้ โดยตนก็เพิ่งทราบว่าจะได้กลับประเทศไทยเมื่อวานนี้ ทันทีที่เห็นรายชื่อของตัวเองบนไฟล์ทบินก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ก็รู้สึกคลายกังวลและโล่งใจ ส่วนหลังจากนี้ หากสถานการณ์คลี่คลายก็อาจจะต้องมาปรึกษากับครอบครัวว่าจะกลับไปทำงานได้ไหม เนื่องจากรายได้ที่ได้มากกว่า ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตนกำลังคิดหนักในตอนนี้

เปิดนาทีเหยื่อฮามาสคลานหนีกระสุน ช็อกคุยครั้งสุดท้ายลูกเมียพร้อมหน้าก่อนขาดติดต่อ