ทีมข่าวช่อง 8 ได้พบกับนายพรเทพ อายุ 27 ปี ผู้บาดเจ็บที่ตาบอด 1 ข้าง ร้องเรียนเพจ จ่าคิงส์ สะพานใหม่ จึงพามาร้องเรียนที่กองปราบ หลังแจ้งความ 5 เดือนคดีไม่คืบ
นางรัชนี อายุ 54 ปี แม่ของนายพรเทพ ผู้บาดเจ็บ บอกกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า หลังเกิดเรื่องได้แต่ให้กำลังใจลูกชายว่า คนอื่นที่เขาตาบอด 2 ข้างเขายังอยู่ได้เลย แม้ลูกชายจะเสียตาไป 1 ข้าง แต่ขอให้อยู่กับแม่ แม่จะดูแลเอง เราต้องสู้ เราก็ได้แต่ปลอบใจลูกชาย เพราะลูกบอกว่าไม่อยากอยู่แล้ว โดยนายพรเทพ เป็นลูกชายแค่คนเดียว ต้องอยู่เพื่อแม่ เพื่อครอบครัวของเรา ต้องสู้ไปด้วยกัน
นาทีที่ลูกชายบอกกับตนว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ตอนนั้นอึ้งและเสียใจมาก ได้แต่บอกกับลูกว่า ถ้าลูกจะเป็นอะไรขอให้แม่เป็นก่อน ให้แม่ไปก่อน แม่ไม่อยากเห็น ไม่อยากรับรู้ ตนได้แต่บอกกับลูกว่า ต้องอยู่เพื่อแม่ เพราะแม่ก็ไม่ได้แข็งแรง เป็นทั้งโรคหัวใจ และโรคมะเร็ง ไม่รู้จะไปวันไหน แต่เราแม่ลูกต้องสู้ไปด้วยกัน
ตนยังคิดเสียใจว่า อีกอาทิตย์เดียวลูกก็จะได้งานที่ดีแล้ว แต่กลับมาเกิดเรื่องก่อน ส่วนผู้ต้องหายังทำมาหากินทุกวัน ไม่ได้ถูกดำเนินดคีอะไรเลย
ส่วนเรื่องคดี ตนโทรไปสอบถามตำรวจถึงหมายเลขคดี เพื่อจะให้ทนายไปช่วยดำเนินการให้ แต่หมายเลขคดี ก็ยังไม่มี ตำรวจบอกว่า ถ้าออกแล้วเดี๋ยวจะจัดการให้ 1 - 2 เดือนผ่านไปก็ยังไร้วี่แวว เราโทรไปทีไรตำรวจก็บอกให้รอก่อน ตอนนี้ยังอยากดำเนินคดี ข้อหาพยายามฆ่า กับคู่กรณี เพราะแทงแบบนี้เหมือนจะเอากันให้ตายเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก
ด้านนายพรเทพ เล่าว่า คู่กรณีเป็นเพื่อนโตมาด้วยกัน แต่ก่อนเกิดเหตุทะเลาะกันทางเฟซบุ๊ก ตนได้คอมเมนต์ถามไปว่า มาด่ากันทำไม หลังจากนั้นก็มีเรื่องกันยาว ก่อนจะนัดมาเคลียร์กันประมาณเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา วันนั้นตนไปเจอแบบตัวเปล่า ไม่มีเจตนาจะไปทำร้ายอะไร
พอไปถึงเห็นคู่กรณีใส่หมวกกันน็อก ถือมีดรออยู่ ตอนนั้นไม่คิดว่าเพื่อนกันจะมาทำกันแบบนี้ มองว่ามันไม่ใช่แล้ว เพราะเพื่อนมายืนถือมีดใส่ตนแบบนี้ โดยตนโดนแทงที่ตาจนจอตาดำแตกละเอียด ทำให้ตาบอด
หลังเกิดเหตุ คนก่อเหตุไม่ได้แสดงความรับผิดชอบหรือเยียวยาใดๆ แถมคดีก็ไม่มีความคืบหน้า จนต้องร้องเรียนและเดินทางไปร้องที่กองปราบฯ
วันนี้เข้าเดือนที่ 5 แล้ว คดีก็ไม่มีความคืบหน้า คนก่อเหตุก็ยังเดินลอยนวลอยู่อย่างนี้ ไม่เข้าใจว่า ทำไมคนก่อเหตุไม่โดนอะไรเลย มาแทงตนจนพิการแบบนี้ อยากจะบอกว่า ถ้าคู่กรณีติดคุก ก็มีวันออกมาได้อยู่แล้ว แต่มาแทงตนจนตาบอดพิการแบบนี้ ไม่นึกถึงตนเลย จะไปทำมาหากินอะไรได้ เขาติดคุกมีวันออก แต่ตนตาบอดตลอดชีวิต
ทีมข่าวไปเจอกับนายยศธร ผู้ก่อเหตุที่บ้านพัก เล่าว่า ตนได้เข้าไปแซวนายพรเทพในเฟซบุ๊กที่เขาลงรูปรถ แต่ก็แซวเล่นกันแบบนี้ตลอด ไม่ได้มีเรื่องกัน แต่คู่กรณีไม่พอใจ กลับไปบอกนักข่าวว่า ตนไปแซวเขาบ่อยเหมือนอิจฉา แต่ไม่จริง
พอหลังจากตนไปคอมเมนต์เฟซนายพรเทพก็เถียงกันในเฟซ วันนั้นตนเพิ่งมาถึงบ้านกำลังจะแกะข้าวกิน จากนั้นคู่กรณีก็โทรมาถามว่า “มึงอยู่ไหน เป็นอะไร และคอมเมนต์ทำไม และพูดจาหยาบคาย” โดยตนก็บอกไปว่าอยู่บ้าน คู่กรณีก็บอกมาว่า “มึงรอกูเลย เดี๋ยวมึงเจอกู” แป๊บเดียว นายพรเทพ ก็ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน โดยนายพรเทพ ได้โทรไปหารุ่นพี่ในซอยให้มาเป็นกรรมการหน่อยเพราะจะต่อยกับตน ก่อนจะมาถามหาตนแล้วเข้ามาโวยวายเสียงดังที่บ้าน ตอนนั้นตนก็ไม่รู้ว่า นายพรเทพมากับใครและมีอาวุธไหม ตอนนั้นคิดผิดที่เลือกออกจากบ้านไปหานายพรเทพ และถือมีดออกไปด้วย
ทีมข่าวได้ไปพบกับนางหญิง (นามสมมติ) แม่ผู้ก่อเหตุ บอกว่า ตนไม่รู้เรื่องคดีความ แต่ก็คิดว่าตำรวจน่าจะดำเนินการไปตามขั้นตอนของเขา พอถึงเวลาตำรวจคงจะเรียกตัวลูกชายไปเอง เชื่อว่าตำรวจคงไม่ได้อยู่เฉยหรอก ก็เห็นว่ามีการโทรหาลูกชายด้วย ก่อนที่เราจะเข้าไปให้ปากคำในวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุ เพราะลูกชายของเราไม่ได้เจตนา เพราะอีกฝ่ายก็มาหาเรื่องที่บ้านเอง
ส่วนเรื่องรายละเอียดตอนช่วงเกิดเหตุตนไม่รู้ แต่เหมือนกับว่าคู่กรณีเข้ามาท้าทายลูกชาย ส่วนเรื่องการเยียวยา ฝ่ายตนได้ไปคุยแล้ว ไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล แต่ฝ่ายผู้บาดเจ็บเรียกค่าเยียวยามากถึง 1 ล้านบาท ฝ่ายลูกชายและตนก็ไม่มีจะให้ ลูกชายก็บอกไปว่า ถ้าเรียกไม่กี่แสนก็จะขอผ่อนเป็นเดือนๆ ให้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอม ยืนยันว่า ลูกชายไม่ได้คิดหนีเพราะยังต้องทำมาหากินอยู่ ถ้าฝ่ายโน้นไม่มาหาเรื่อง เรื่องก็คงไม่เกิด ตอนเข้ามาหาลูกชายตนก็ไม่รู้ว่าพกอะไรมาหรือไม่ เพราะเขาท้าทาย และเมามาด้วย